Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
29 พ.ค. เวลา 06:38 • ข่าวรอบโลก
📊 ทรัมป์ยังขึ้นภาษีได้หรือไม่? วิเคราะห์ผลกระทบที่ไทยต้องไม่ประมาท
ในช่วงที่ผ่านมา นโยบายภาษีศุลกากรของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้ง หลังศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีคำสั่งสำคัญเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 ว่าเขาไม่สามารถใช้อำนาจตามกฎหมายฉุกเฉิน IEEPA เพื่อขึ้นภาษีสินค้าทั่วโลกได้อีกต่อไป
แต่คำถามสำคัญคือ... "ทรัมป์ยังจะขึ้นภาษีได้อีกหรือไม่?" และถ้าเขาทำได้ ประเทศไทยควรเตรียมรับมืออย่างไร?
====
🔍 ยังมีทางเดินที่ทรัมป์ยังสามารถขึ้นภาษีได้อีกหรือไม่?
คำตอบคือ "ยังสามารถทำได้" แต่ต้องเดินบนเส้นทางที่แคบลงและซับซ้อนขึ้น ซึ่งมีอยู่ 3 ช่องทางหลัก โดยแต่ละช่องทางมีข้อจำกัดและผลกระทบในตัวเอง
1. อุทธรณ์คำตัดสิน — เล่นเกมยืดเวลาในศาล
ทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินทันที และคดีนี้อาจลากยาวไปจนถึงศาลฎีกา ประเด็นหลักอยู่ที่ว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจกำหนดนโยบายภาษีโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งการตีความนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของระบบอำนาจในสหรัฐฯ และจะส่งผลในวงกว้างต่อความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจโลก หากศาลตัดสินให้ประธานาธิบดีมีอำนาจเต็มโดยไม่ต้องตรวจสอบจากสภา เท่ากับเปิดทางให้นโยบายใดๆ ถูกผลักดันได้โดยไม่ต้องมีดุลยภาพทางการเมือง
2. ใช้กฎหมายอื่น เช่น Section 232 และ Section 301
ทรัมป์อาจหันกลับไปใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วซึ่งเคยถูกใช้อย่างเข้มข้นในสมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงแรก ได้แก่
* Section 232 of the Trade Expansion Act of 1962: ให้อำนาจประธานาธิบดีในการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า หากเห็นว่าสินค้านั้นคุกคาม "ความมั่นคงแห่งชาติ" โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา กฎหมายนี้เคยถูกใช้เพื่อขึ้นภาษีกับเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากหลายประเทศในปี 2018 ซึ่งครอบคลุมทั้งประเทศพันธมิตร เช่น แคนาดา และยุโรป โดยอ้างว่าอุตสาหกรรมภายในประเทศต้องได้รับการคุ้มครองเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
* Section 301 of the Trade Act of 1974: ให้อำนาจสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ดำเนินการสอบสวนและดำเนินมาตรการตอบโต้ เช่น การขึ้นภาษี หากพบว่าประเทศคู่ค้าทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม (unfair trade practices) กฎหมายนี้ถูกนำมาใช้ในการตอบโต้จีนในปี 2018–2019 โดยนำไปสู่การขึ้นภาษีมูลค่าหลายร้อยพันล้านดอลลาร์ และจุดชนวนสงครามการค้าสหรัฐ–จีน
การใช้กฎหมายทั้งสองมาตรานี้ไม่ต้องผ่านรัฐสภา แต่มีข้อจำกัดคือใช้ได้เฉพาะในกรณีที่เข้าข่ายความมั่นคงหรือพฤติกรรมการค้าที่ไม่ยุติธรรมเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถถูกท้าทายทางกฎหมายได้ หากประเทศเป้าหมายมองว่าการใช้เหตุผลเรื่องความมั่นคงเป็นเพียงข้ออ้างเชิงนโยบาย
3. ขออำนาจจากรัฐสภา — ทางสายกลางที่ไม่ง่าย
อีกทางคือ การผลักดันกฎหมายใหม่ผ่านสภาคองเกรสเพื่อให้มีอำนาจเต็มในการปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย แต่เต็มไปด้วยกับดักทางการเมือง โดยเฉพาะหากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตยังแบ่งขั้วกันชัดเจน และเมื่อมีประเด็นเลือกตั้งปี 2026 อยู่ข้างหน้า นักการเมืองอาจไม่กล้าเสี่ยงรับนโยบายที่อาจทำให้ต้นทุนผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
====
⚖️ ช่วงเปลี่ยนผ่าน --> โลกจับตา สหรัฐฯ สับสน
ในช่วงที่คำอุทธรณ์ยังไม่สิ้นสุด นโยบายภาษีอยู่ในสภาวะ "ลอยตัว" ผู้ส่งออกและนักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาว่าอัตราภาษีใหม่จะเป็นเท่าไร โดยมีแนวโน้มว่าอาจกลับไปใช้อัตราเดิมที่ทรัมป์เคยเลื่อนออกไป เช่น ภาษี 10% สำหรับสินค้าจีนบางรายการ
ความไม่แน่นอนนี้กำลังทำให้ซัพพลายเชนทั่วโลกกลับมาเผชิญแรงกดดัน ทั้งในด้านต้นทุนและการวางแผนการค้า บริษัทรายใหญ่เริ่มปรับยุทธศาสตร์ โดยบางรายเลือกย้ายฐานการผลิต บางรายเร่งเจรจา FTA ใหม่ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นหันไปลงทุนในประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า
====
🇹🇭 ผลกระทบต่อไทย? อย่าอยู่เฉย ต้องเริ่มวางเกมรับ
1. ไทยอาจอยู่ในกลุ่มเป้าหมาย จากข้อมูลการค้าล่าสุดในปี 2024 ไทยมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงถึง 35.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการขึ้นภาษีในเชิงนโยบาย "America First" โดยเฉพาะสินค้าไทยที่สหรัฐฯ มองว่าแข่งขันเกินควร เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และเคมีภัณฑ์
2. อุตสาหกรรมส่งออกหลักจะได้รับผลกระทบตรง กลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่
1
* ยานยนต์และชิ้นส่วน: ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สำคัญในเอเชีย โดยเฉพาะรถยนต์เพื่อการส่งออก หากถูกขึ้นภาษี รถยนต์ไทยจะเสียเปรียบคู่แข่งจากเม็กซิโกที่มี FTA กับสหรัฐฯ โดยตรง
* อิเล็กทรอนิกส์: ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทย เช่น HDD, เซ็นเซอร์ และชิ้นส่วน PCB มีการส่งออกไปยังแบรนด์อเมริกันหลายเจ้า หากภาษีเพิ่ม จะส่งผลต่อทั้งราคาและความมั่นใจในซัพพลายเชน
* เคมีภัณฑ์และพลาสติก: ใช้เป็นวัตถุดิบขั้นต้นในหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ภาษีที่สูงขึ้นจะซ้ำเติมต้นทุน
* เครื่องจักรและชิ้นส่วนกลไก: ไทยส่งออกสินค้านี้ไปยังโรงงานในสหรัฐฯ การขึ้นภาษีจะส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของบริษัทอเมริกันที่จะจัดซื้อจากไทย
* อาหารแปรรูปและสินค้าเกษตร: สินค้าไทยเช่น ปลาทูน่ากระป๋อง ผลไม้อบแห้ง ข้าวหอมมะลิ แม้จะดูเหมือนปลอดภัย แต่หากมีการตอบโต้ทางการค้าก็อาจโดนหางเลข โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นสูง
หากต้นทุนส่งออกสูงขึ้น ความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่น เช่น เวียดนาม อินเดีย หรือเม็กซิโก ที่อาจไม่โดนภาษี จะลดลงทันที อุตสาหกรรมไทยที่เน้นส่งออกอาจต้องเร่งหาวิธีลดต้นทุน หรือพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรักษาระดับราคา รวมถึงทบทวนกลยุทธ์การผลิตเพื่อปรับตัวให้ทัน
3. โอกาสถูกแทนที่ใน Supply Chain หากภาษีบังคับใช้จริง บริษัทข้ามชาติอาจย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า โดยเฉพาะเวียดนามที่มีข้อตกลงทางการค้ากับหลายประเทศ และแรงงานยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ในขณะเดียวกัน แรงกดดันจากลูกค้าในยุโรปหรือญี่ปุ่นที่ต้องการสินค้า green หรือ net-zero ก็อาจทำให้ไทยต้องปรับตัวเร็วขึ้น
====
🛡 กลยุทธ์ที่ไทยควรเตรียมรับมือ?
* กระจายตลาดส่งออก: ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ โดยหันไปเสริมตลาดอาเซียน, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ใช้จุดแข็งด้าน Soft Power เช่น อาหาร วัฒนธรรม และบริการทางการแพทย์ เป็นตัวเปิดตลาด
* เร่งเจรจา FTA ใหม่: เช่น ไทย-สหภาพยุโรป หรือ CPTPP เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้า และลดการพึ่งพาระบบภาษีแบบทวิภาคี
* ลงทุนใน Resilient Supply Chain: สร้างความยืดหยุ่น เช่น ผลิตได้หลายที่ ปรับต้นทุนได้เร็ว มีแผน B เสมอ รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วย monitor ความเสี่ยงภาษีแบบ real-time
* เสริมทัพ Soft Power + Green Economy: เพื่อเพิ่มมูลค่า ไม่ใช่แค่ลดราคา เช่น สินค้า carbon-neutral, แรงงานที่มีทักษะ, หรือมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
====
✍️ ดังนั้น สงครามภาษียังไม่จบ — แต่ไทยต้องไม่รอให้โดนก่อนค่อยปรับ
แม้คำตัดสินของศาลจะทำให้เกมภาษีของทรัมป์ชะงักชั่วคราว แต่นี่คือสัญญาณเตือนว่า "โลกใหม่ที่ไม่แน่นอน" ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ประเทศไทยต้องเริ่มคิดเชิงกลยุทธ์มากกว่าการเป็น "ผู้เล่นตาม" หากเราอยากเป็นชาติที่ไม่เพียงแค่ส่งออกเก่ง แต่มีอำนาจต่อรองในเศรษฐกิจโลก
เราไม่อาจคุมสิ่งที่ทรัมป์จะทำได้ แต่เราควบคุมวิธีตอบสนองของเราได้เสมอ — และนั่นต่างหากคือเกมที่เราต้องเล่นให้เก่งกว่าที่เคย
#วันละเรื่องสองเรื่อง #TradeTension2025 #ThailandStrategy
ข่าวรอบโลก
ข่าวเศรษฐกิจ
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย