29 พ.ค. เวลา 12:42 • นิยาย เรื่องสั้น

รักย้อนอดีตภาค 5 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์

.
บทที่ 33 นครลูแห่งอีกัวน่า
.
คืนนั้นพวกเขาพักค้างกันบนถนนโซโลมอน อินฟาดูสได้ส่งคนไปแจ้งให้ทวาลารู้ถึงการมาของคนทั้ง4แล้ว เขาคาดว่าน่าจะไปถึงนครที่มีชื่อว่า ลู ภายในวันที่ 2 ของการเดินทาง นอกจากเหตุสุดวิสัยเพราะแม่น้ำที่เอ่อท่วมล้นทาง
.
ก่อนเข้าสู่เมืองหลวงในวันที่2 พวกเขาก็ต้องหยุดพักเนื่องจากแม่น้ำที่เอ่อท่วมล้นถนน นครลูที่สวยงามอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา ตั้งอยู่บนที่ราบอันสวยงาม และอุดมสมบูรณ์
.
สำหรับนครของชาวพื้นเมืองนับว่าใหญ่โตมโหฬารมาก มีกองทหารขนาดใหญ่ดู
ได้จากกลุ่มกระท่อมที่ตั้งเรียงรายตามที่อินฟาดูสอธิบาย
ที่นั่นทางเหนือเนินเขาประหลาดรูปร่างคล้ายเกือกม้าซึ่งจะเป็นไฮไลท์(Highlights-เหตุการณ์ที่สำคัญ)ของเรื่องราวต่อไป
.
กึ่งกลางของนครแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยแม่น้ำ มีสะพานข้ามปรากฎอยู่หลายแห่ง ต้องเป็นแม่น้ำที่มองเห็นจากเนินของถันพระนางชีบาแน่นอน
.
อินฟาดูส "ถนนไปสิ้นสุดที่นั่น" เขาพูดและชี้ไปยังขุนเขา 3 ลูกสูงตระหง่านเป็นรูป3เหลี่ยมจากพื้นราบที่มีชื่อเรียกในเผ่าว่า ภูเขา3แม่มด
.
พัน "ทำไมจึงไปสิ้นสุดที่นั่น"
.
"ใครจะไปรู้ได้เล่าท่านผู้วิเศษ ภูเขามีถ้ำมากมายและระหว่างถ้ำนั้นก็มีหลุมมากมาย ณ ที่นั้นผู้รอบรู้ไปที่นั่นเอาสิ่งของที่ต้องการ ณ ที่นั้นคือที่ฝังศพของราชันในอดีต"
.
พัน "พวกเขามาเอาอะไร"
.
"เราหารู้ไม่ แต่ท่านผู้วิเศษคงทราบ" เห็นได้ว่าอินฟาดูสรู้มากกว่าที่พูดออกมา
 
.
ลุง "ใช่ เจ้าพูดถูก อินฟาดูส พวกเรารู้ทุกสิ่ง รู้ว่าบรรดาผู้รอบรู้มายังขุนเขาแห่งนี้เพื่อหาหินใสที่สวยงามและเหล็กสีเหลือง"
.
อินฟาดูส "ท่านรอบรู้จริงๆ แต่เราเป็นเพียงเด็กน้อยไม่สามารถพูดกับท่านในเรื่องเหล่านี้ ท่านต้องพูดกับผู้ที่ชาญฉลาดเช่นเดียวกับท่าน ผู้อาวุโสกาก้า" แล้วเขาก็เดินไปทันที
.
อย่างช้าๆอาทิตย์ตกดินลับหายไป ทว่ากลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืนของที่นี่รวดเร็วทันทีทันใดเหมือนเปลี่ยนจากชีวิตสู่ความตาย ดวงอาทิตย์จมหายในความมืด ไม่นานนักจันทร์เพ็ญส่องแสงกระจายขาวไปทั่ว
.
คืนนั้นทุกคนยกเว้นอัมโบโปที่สมัครอยู่ยามพากันหลับสนิทในที่ที่อินฟาดูสจัดไว้ให้ และตื่นในตอนสายด้วยความอ่อนเพลีย ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่าทวาลายินดีให้เข้าพบ
ลุงจึงอ้างว่ารอให้อาทิตย์ขึ้นสูงกว่านี้จะกินอาหารและสูบยาเส้นให้สบายใจ พอใจเมื่อใดค่อยไป
.
หลังจากที่ผู้มาส่งข่าวกลับไปแล้ว ลุงจึงอธิบายว่าการที่จะเข้าพบราชันทวาลาซึ่งเจริญเทียบกับพวกเราไม่ได้ อย่ารีบร้อนมากเกินไปมิเช่นนั้นจะกลายเป็นการนอบน้อมถ่อมตนแบบข้าทาส
.
สมควรแก่เวลาพวกเขาก็ออกเดินทางไปพบทวาลา ลุงเตรียมกล้องสูบยาเส้นและ
ยาเส้น(Tobaccco-ใบยาสูบที่หั่นเป็นฝอย)ไปเป็นของขวัญให้ทวาลา ส่วนเหล่าภรรยาของเขาเป็นลูกปัดหลากสี
.
อินฟาดูสได้รับมีดพกด้ามเป็นงาช้างแกะสลักสวยงาม ซึ่งเขาตื่นเต้นยินดีจนถึงกับเต้นท่าแปลกๆ ที่ทำให้พันฉุกคิดถึงท่าเต้นของอัมโบโปตอนที่พบไร่แตงโมป่า
.
ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเบื้องหน้าพวกเขาที่นั่งอยู่ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง เป็นร่างใหญ่โตของชายที่หน้าตาน่าเกลียดเท่าที่เคยเห็นมา นัยน์ตาสีดำดุร้าย ท่าทางโหด บนศีรษะที่มีขนาดใหญ่เป็นสง่าด้วยขนนกกระจอกเทศสีขาว
.
ลำตัวสวมเสื้อเกราะเหล็กเป็นประกาย รอบคอสวมทองเส้นเท่าโซ่รถไฟที่บิดเป็นเกลียว ติดอยู่บนหน้าผากโคตรเพชรที่ยังไม่เจียรนัยส่งประกายสลัว
.
แล้วลิงหนังเหี่ยวย่นคลาน 4 ขาไปยังร่มเงาของกระท่อม "จงนอบน้อมเหล่าปวงชน นี่คือราชันของพวกเจ้า" เสียงหวีดแหลมดังมาจากร่างของลิงนั้น
.
ทันใดนั้นหอก 8 พันเล่มยกชูขึ้นเป็นการตอบรับ และจาก 8 พันลำคอเปล่งเสียงพร้อมกันเป็นคำคารวะผู้สูงศักดิ์ คูม เป็นจำนวนถึง3 ครั้งซ้อน แต่ละครั้งแผ่นดินสะเทือนราวกับฟ้าร้อง
.
ฉับพลันความเงียบสงัดก็กลับมา เพียงครู่เดียวก็มีเสียงโลห์หล่นกระแทกพื้นหินปูนดังโกเกก เสียงดังมาจากทหารที่อยู่ทางซ้ายมือของผู้มาเยือน ทวาลามองตาเย็นเฉียบ "แกออกมานี่"
.
ทหารร่างสูงก้าวออกมาอย่างผึ่งผาย และไม่ทันยืนนิ่งสนิทปลายหอกจากมือของทวาลาทะลุจากอกไปด้านหลังของเขา เขาตายทันทีโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาผิดอะ
ไร ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้มาเยือน
.
ทวาลา "แกต้องชดใช้ที่ทำให้ข้าดูเหมือนเป็นคนโง่ต่อหน้าแขก เอามันออกไป"
.
"กลบรอยเลือดเสียให้หมด คำพิพากษาของราชันเสร็จสิ้นแล้ว" เสียงหวีดแหลมดังมาจากร่างที่คล้ายลิงแก่ ชาย 4 คนก้าวออกมาจากแถวหิ้วร่างทหารเคราะร้ายออกไป แล้วหญิงสาวแบกโถปูนหว่านลงไปบนรอยเลือดจนมองไม่เห็น
.
พันและแสนสุริยาจับมือกันแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ 4ต่อ8พันกว่าแถมไม่มีปืนในมือ
ถึงมียังไงเสียก็ไม่ใช่เรื่องที่จะหาเหตุใส่ตัว ลุงเองก็กระซิบบอกว่าถึงตอนนี้ก็สำนึกเสียใจที่ยิงปืนไม่เป็นเลยไม่นำติดมาด้วย
.
ทวาลามองมาที่ทุกคนแล้วหยุดที่อัมโบโปก่อนมองมาที่ทุกคนถาม "พวกเจ้ามาจากที่แห่งใด มาหาอะไร"
.
ลุงเป็นผู้ลุกขึ้นยืนตอบ "พวกเรามาจากแดนสวรรค์ที่มีชื่อว่าไทยแลนด์แดนสไมล์ เรามาเพื่อเยี่ยมดินแดนแห่งนี้"
.
ทวาลา "ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของประเทศเจ้ามาก่อน ข้าเคยได้ยินก็แต่ชื่อปอร์ตุเกส และ อเมริกา ว่าแต่สวรรค์ซึ่งสูงส่งมาทำไมที่ดินแดนเล็กๆของข้า"
.
ลุง "เป็นหน้าที่ของพระเจ้าที่ต้องเยี่ยมเยือนมนุษย์ทุกชาติและทุกภาษา"
.
ทวาลาชี้ไปที่อัมโบโป "สวรรค์มีคนสีผิวอย่างข้าด้วยหรือ"
.
ลุง "แดนสวรรค์ที่มีชื่อว่าไทยแลนด์แดนสไมล์ของเรามีทุกสีผิวทุกเชื้อชาติและทุกเพศคือมีมากกว่าแค่ชายหรือหญิง เรียกว่าเป็นประเทศInter อัมโบโปเป็นเพื่อนของเรา"
.
ทวาลา "ท่านพูดจาโอ่อวดเหลือเกินผู้มาจากสวรรค์ อย่าลืมว่าสวรรค์อยู่ไกลจะเป็นอย่างไรหากเราจัดการกับท่านเหมือนเจ้าคนที่เพิ่งถูกหามออกไป"
.
ลุงหัวเราะดังลั่น "อินฟาดูสไม่ได้บอกท่านถึงความเป็นผู้วิเศษของเราหรือ"
.
ทวาลาหันไปมองญาติผู้น้องอย่างไม่พอใจ อินฟาดูสมีท่าทีอึดอัด "ข้าเกรงว่าท่านจักไม่เชื่อจึงไม่กล้าบอก"
.
ทวาลา "ใครสั่งให้แกคิดวะไอ้อินฟาดูส แกมีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ห้ามคิด" แล้วเขาก็หันมาพูดกับลุงต่อ "แสดงความวิเศษใหัเราดูด้วยการฆ่าไอ้อินฟาดูสให้
เราดูหน่อย ระยะทางขนาด 5 เมตรด้วยมือเปล่าทำได้ไหม"
.
ลุง "พวกเรามาจากสรรค์ซึ่งมีหน้าที่สร้างมิใชทำลาย ให้ทำอย่างอื่นดีกว่า"
.
ทวาลา "ถ้าเช่นนั้นข้าจะเลือกคนหนึ่งในพวกเจ้ามารับอาวุธของข้า ถ้าผ่านได้ข้าจะยอมรับความเป็นผู้วิเศษของเจ้า" แล้วทวาลาก็ชี้มือไปที่พัน "ข้าเลือกเจ้าตัวเล็กมารับธนู 10 ดอกของข้า"
.
จบบทที่ 33 ภาพปกจากเตือนภัยพิบัติโลก ในเกาหลีใต้ปรากฏการณ์พิเศษเกี่ยวกับน้ำขึ้นน้ำลงทำให้ทะเลเปิดปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ1 ชั่วโมง
นี่คือปาฏิหาริย์ของเกาะจินโดทำให้ผู้คนนับพันเดินเท้าข้ามทะเล ช่วยให้เกาะจินโดและโมโดสัญจรไปมาได้อย่างอิสระในช่วงเวลาสั้นๆ
โฆษณา