30 พ.ค. เวลา 04:35 • สุขภาพ

ช่วงนี้ผลไม้ที่ออกเยอะ

ออกมาพร้อมๆ กับทุเรียน ก็น่าจะเป็น "มังคุด"
เค้าบอกว่า ถ้ากินทุเรียนเยอะๆ
ก็ควรจะกินมังคุดเพื่อดับความร้อนจากทุเรียน
เพราะ เนื้อมังคุด มีรสเย็น หวานอมเปรี้ยว
บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย แก้ร้อนใน
ถ้ามองจากลักษณะเนื้อมังคุด จะเห็นว่ามีกากใยมาก
มีความชุ่มน้ำ อีกทั้งรสเปรี้ยวช่วยกระจายเสมหะ
ซึ่งเนื้อทุเรียน มีความหนืดเหนียว
หากกินทุเรียนเยอะๆ แล้วกินมังคุดตามเข้าไป
นอกจากจะแก้ร้อนในแล้ว
น่าจะช่วยส่งเสริมให้การขับถ่ายคล่องขึ้นได้ด้วย
แต่ตามสไตล์หมอไทย จะให้กินเนื้อมังคุดอย่างเดียว
แล้วทิ้งเปลือกไป ก็คงไม่ได้
เพราะเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า
เปลือกมังคุด ก็มีสรรพคุณทางยา
มีรสฝาด บดเป็นผง หรือชง หรือต้มดื่ม
แก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด แก้ไข้ท้องเสีย
หรือจะฝนกับน้ำปูนใส ทาแผลเน่าเปื่อยพุพอง
ทาแผลมีหนอง สมานแผลสด ต้มชะล้างบาดแผลได้
สมัยก่อนการเก็บเปลือกมังคุดเอาไว้ทำยา
นอกจากวิธีการตากแดดจนแห้งแล้วเก็บเอาไว้
ยังมีอีกวิธีหนึ่ง ที่เรียกว่า "การข่าไฟ"
"การข่าไฟ" ผมไม่ได้ทำ เพราะพอดีมีตู้อบ
แต่จะอธิบายง่ายๆ คือ เป็นการต่อไม้เป็นร้านง่ายๆ
แล้วคร่อมกองไฟหรือเตาอั้งโล่เอาไว้
จากนั้นทำแผงไม้ไผ่สานขัดกัน
วางไว้แนวราบ บนร้านเหนือเตาไฟ
จะวางเปลือกมังคุดบนไม้ไผ่สานโดยตรง
หรือจะแขวนไว้ ให้รับไอร้อนก็ได้
เพื่อให้เปลือกมังคุดแห้งง่ายขึ้นและไม่ขึ้นรานั่นเอง
การข่าไฟ ไม่ได้ใช้แค่กับพวกอาหารแห้ง
แต่ยังเป็นกรรมวิธีที่ใช้เก็บรักษายาด้วย
เช่น ตำรับยาลูกแปลกแม่ ที่ยังไม่ได้ปั้นเม็ด
ที่ทำเป็นแผ่นหรือเป็นแท่งเอาไว้ฝนกิน
วิธีเก็บรักษาก็สามารถใช้การข่าไฟได้เช่นกันครับ
จะเอาเปลือกมังคุดมาทำยาจริงๆ หรือ?
ไม่มีสารหรือยาฆ่าแมลงตกค้างหรือ?
เชื่อว่าอาจจะมีคำถามนี้คาใจกับคนบางกลุ่ม
อาจจะเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่ตั้งข้อสงสัย
แต่คนกลุ่มใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางนั้น
มีการนำเปลือกมังคุดไปใช้ทั้งบดผงและสกัดนานแล้ว
แถมราคาก็ยังดีอีกด้วย
หมอไทยอย่างเรา ก็มีวิธีการเตรียมเครื่องยาอยู่แล้ว
การทำเครื่องยาให้สะอาดก่อนนำมาใช้
ก็มีหลากหลายวิธีให้ทำนะครับ
ไม่เป็นไร ถ้าใครไม่สะดวกใจที่จะใช้ แต่ผมก็ยังใช้อยู่
แม้ปีนี้ก็ไม่ได้เก็บเปลือกมังคุดไว้มากมายอะไร
เพราะสภาพอากาศที่ชื้นและฝนตกทุกวัน
มันจึงยากต่อการตากแห้ง หรือ อบแห้ง
ก็เก็บไว้เท่าที่เก็บได้และพอใช้เท่านั้นครับ
โฆษณา