Blockdit Logo (Mobile)
MONEY LAB
ยืนยันแล้ว
•
4 มิ.ย. เวลา 04:00 • ธุรกิจ

David Sokol อดีตตัวเต็ง ผู้สืบทอด Buffett แต่หลุดจากตำแหน่ง เพราะความไม่โปร่งใส

ปีนี้คือปีสุดท้ายที่คุณ Warren Buffett ตำนานนักลงทุนของโลก จะเป็น CEO ของ Berkshire Hathaway
และปีหน้า คนที่จะขึ้นมารับตำแหน่งต่อก็คือ คุณ Greg Abel ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท Berkshire Hathaway Energy
โดยชื่อเดิมของบริษัท Berkshire Hathaway Energy คือ MidAmerican Energy Holdings Company
ซึ่งคนที่สร้างบริษัทนี้มาเองกับมือ ก่อนจะขายต่อให้กับ Berkshire Hathaway
ก็เป็นหนึ่งในผู้บริหารอีกคน ที่ในอดีตเป็นคนสำคัญไม่แพ้กันกับคุณ Greg Abel
แถมยังถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นมารับตำแหน่งต่อจากคุณ Warren Buffett อีกด้วย
เขาคนนี้คือ “คุณ David Sokol”
หากสงสัยว่า คุณ David Sokol เป็นใคร ทำไมครั้งหนึ่งถึงเคยถูกมองว่า จะเป็นคนมารับไม้ต่อจากคุณ Warren Buffett
แต่เหตุใดเรื่องนี้ถึงไม่เกิดขึ้น แถมชื่อเสียงของเขา กลับแทบจะถูกลืมเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของ Berkshire Hathaway ตลอดกาล ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
คุณ David Sokol เป็นลูกชายคนเล็กในพี่น้องจำนวน 5 คน เกิดในปี 1956 ที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมืองเดียวกันกับที่คุณ Warren Buffett ตำนานนักลงทุนของโลก อาศัยอยู่นั่นเอง
ในวัยแค่เพียง 11 ปี ชีวิตของคุณ Sokol ก็ต้องเจอจุดพลิกผัน เพราะแม่ของเขาป่วยเป็นโรคมะเร็ง
เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว เขาจึงต้องเริ่มต้นทำงาน โดยเขาได้ทำมาแล้วหลายอย่าง ตั้งแต่เป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์, แคดดีสนามกอล์ฟ ไปจนถึงภารโรง
แต่แม้จะต้องแบกรับภาระงานหนักหนาสาหัสแค่ไหน เขาก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนเลย เพราะในวัย 22 ปี เขาก็เรียนจนจบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา จาก University of Nebraska
หลังเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานเป็นวิศวกรโครงสร้าง ที่บริษัทในเมืองบ้านเกิดของเขา ก่อนที่ต่อมา เส้นทางชีวิตทางการงานของเขา จะเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ
1
ในปี 1991 เขาได้เป็น CEO บริษัท CalEnergy ซึ่งในภายหลัง บริษัทนี้ถูกขายให้กับ Berkshire Hathaway และถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น MidAmerican Energy
นั่นจึงทำให้ตัวคุณ Sokol กลายมาเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ Berkshire Hathaway ไปด้วย
ผลงานที่ผ่านมาของคุณ Sokol จัดว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจาก MidAmerican Energy ที่ทำผลงานได้ดีมากแล้ว
บริษัทที่เขาเข้าไปช่วยบริหาร จากเดิมที่ผลประกอบการย่ำแย่ กลับสามารถพลิกฟื้นจนทำกำไรมหาศาล ให้กับ Berkshire Hathaway ได้
นั่นจึงทำให้เขาได้รับฉายาว่า “Mr. Fix-It” หรือ “คุณชายซ่อมได้ทุกอย่าง”
นอกจากจะเป็นผู้บริหารชั้นยอดแล้ว เขาเองก็ยังเป็นอีกหนึ่งคนที่มีสายตาแหลมคม ในการมองหาดีลการลงทุนในธุรกิจดี ๆ อีกด้วย
เพราะในปี 2008 ก่อนที่ Berkshire Hathaway จะลงทุนในบริษัท BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน
คุณ Charlie Munger คู่หูของคุณ Warren Buffett ถึงกับเคยขอให้คุณ Sokol บินไปจีน เพื่อตรวจสอบธุรกิจ BYD ให้ละเอียดด้วย
ซึ่งหลังจากที่คุณ Sokol เข้าไปตรวจสอบแล้ว ก็ได้แนะนำว่า Berkshire Hathaway ควรเข้าลงทุนใน BYD
และอย่างที่เราคงพอทราบกันดี ดีลนี้ได้สร้างผลตอบแทนเป็นเงินจำนวนมหาศาล ให้กับ Berkshire Hathaway ด้วย
จากผลงานที่ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ และรวมถึงการเป็นคนที่คุณ Warren Buffett ไว้วางใจเป็นอย่างมาก
ทำให้ในช่วงนั้นเอง มีหลายคนเชื่อกันว่า เขาจะต้องได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง CEO ของ Berkshire Hathaway ต่อจากคุณ Warren Buffett แน่นอน
แต่แล้วในปลายเดือนมีนาคม ปี 2011 ก็ได้มีข่าวใหญ่ออกมาว่า คุณ Sokol ตัดสินใจลาออกจาก Berkshire Hathaway อย่างกะทันหัน..
ทั้งที่แค่ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น เขายังเป็นคนที่ทำดีลการเข้าซื้อบริษัท Lubrizol ให้กับ Berkshire Hathaway อยู่เลย
ซึ่งดีลการลงทุนใน Lubrizol นี้เอง เป็นต้นเหตุของเรื่องอื้อฉาว ที่ทำให้เขาต้องออกจาก Berkshire Hathaway ไปตลอดกาล
โดยเรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 เมื่อคุณ Sokol ได้ซื้อหุ้นของ Lubrizol ไป 96,060 หุ้น ที่ราคา 104 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
หลังจากได้ซื้อหุ้นไปแล้ว แค่ไม่กี่วัน เขาก็ได้เข้าไปเสนอไอเดียแก่คุณ Warren Buffett ว่า Berkshire Hathaway ควรเข้าซื้อ Lubrizol ทั้งบริษัท
สุดท้ายดีลนี้ก็เกิดขึ้น โดย Berkshire Hathaway ได้ซื้อหุ้นของบริษัทไปที่หุ้นละ 135 ดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งทำให้มูลค่าเงินลงทุนในหุ้น Lubrizol ของคุณ Sokol เพิ่มสูงขึ้น ภายหลังจากซื้อหุ้นไป แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
พอเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมา ก็ได้ทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ปราศจากความซื่อสัตย์ และใช้ข้อมูลภายในเพื่อหาประโยชน์ให้กับตัวเอง..
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะพอเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาของคุณ David Sokol อดีตตัวเต็งผู้สืบทอดตำแหน่งของคุณ Warren Buffett กันดีขึ้นแล้ว
แม้วันนี้คุณ Sokol จะออกไปจาก Berkshire Hathaway หลายปีแล้ว และยังทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทอื่นอยู่
แต่เรื่องนี้ หากให้เราลองจินตนาการดูบ้างว่า ถ้าวันนี้เราเป็นคุณ David Sokol เราจะรู้สึกอย่างไร
เพราะครั้งหนึ่ง เราเคยเป็นคนที่สำคัญมากกับบริษัท
จนคุณ Warren Buffett ตำนานนักลงทุนของโลก ยังเคยไว้วางใจให้เราทำงานสำคัญอยู่หลายงาน และออกปากชมเราหลากหลายครั้ง
แต่เพราะการตัดสินใจทำเรื่องที่ไม่โปร่งใส เพื่อทำกำไรจากการลงทุนไม่เท่าไร เพียงครั้งเดียว กลับทำให้เราต้องเดินออกมาจากบริษัทตลอดกาล และแทบจะไม่มีใครอยากพูดถึงชื่อของเราอีกเลย
แถมอีกไม่นาน เราก็จะได้เห็น คู่หูที่บริหารบริษัท MidAmerican Energy ร่วมกับเรามาเป็น 10 ปี อย่างคุณ Greg Abel กำลังจะสืบทอดตำนานความยิ่งใหญ่
ด้วยการเป็น CEO ของ Berkshire Hathaway ต่อจากคุณ Warren Buffett
บางครั้งบางที เราก็คงจะอดคิดไปไม่ได้เหมือนกันว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าวันนั้นเราไม่เข้าไปซื้อหุ้นของ Lubrizol ก่อน
คนที่จะได้กลายมาเป็น CEO ของ Berkshire Hathaway จะเป็นเราหรือไม่ ?
ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทเรียนเรื่องนี้ คงจะเป็นบทเรียนสอนใจให้กับเพื่อน ๆ ที่อ่านกันมาจนจบ ได้เป็นอย่างดีว่า ราคาของความไม่ซื่อสัตย์นั้น แพงมากจริง ๆ
เพราะฉะนั้นแล้ว ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรที่หมิ่นเหม่เรื่องความโปร่งใสสักอย่าง ก็ขอให้เราลองนึกถึงผลลัพธ์การตัดสินใจของคุณ David Sokol ไว้บ้าง
เพื่อให้เรา ไม่ต้องมาคอยเสียใจเมื่อนึกถึงทีหลัง และพร่ำบอกกับตัวเอง เมื่อเวลาผ่านไปว่า “รู้งี้ไม่น่าทำแบบนั้นเลย”
#ธุรกิจ
#หลักการลงทุน
#DavidSokol
โฆษณา