Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
30 พ.ค. เวลา 13:12 • ไลฟ์สไตล์
ต่อไปนี้ ขอใช้ชีวิตเหมือนวันพักผ่อนทุกวัน!
อยากเกษียณใน 10 ปี “แบบไม่รอให้แก่” ต้องเริ่มวางแผนยังไง? มาดูสูตรหยุดทำงานเร็วแบบเร่งด่วน
เมื่อพูดถึงการวางแผนเกษียณ หลายคนมักคิดว่า “ยังไม่จำเป็นต้องรีบ” โดยเฉพาะคนวัยทำงานช่วงต้น ที่มองว่าอีกตั้งหลายปีกว่าจะถึงอายุ 60
แต่ในความเป็นจริง การเกษียณไม่ใช่แค่เรื่องของเวลา แต่คือเรื่องของการเตรียมตัว คนที่เกษียณได้อย่างมั่นคง ล้วนมี “แผน” ที่วางไว้อย่างดี ยิ่งถ้าเหลือเวลาไม่ถึง 10 ปี ยิ่งต้องลงมือวางแผนอย่างรอบคอบ
เพราะถ้าอยากให้ชีวิตหลังเกษียณ “สบาย” จริง คุณต้องเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้
มาดูกันว่าถ้ามีแผนเกษียณอีก 10 ปีข้างหน้า ต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อช่วยให้มีสถานะทางการเงินแข็งแรงและเป็นตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
1. #ออมเพิ่มตามอายุที่เพิ่มขึ้น
ถ้าต้องการสำรวจดูว่าแผนการออมเงินของตัวเองเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้หรือไม่ วิธีง่ายที่สุดก็ให้ดูอายุตัวเองแล้วเปรียบเทียบจำนวนเงินออมกับเงินเดือนปัจจุบัน โดยสัดส่วนการออมจะสูงขึ้นตามเงินเดือน ดังนั้น ถ้าเชื่อว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น รายได้จะเพิ่มขึ้นตาม แสดงว่ายิ่งอายุมากขึ้นก็ต้องแบ่งเงินไปออมสูงตามไปด้วย
ตัวอย่าง
อายุต่ำกว่า 40 ปี ออมเงินเดือนละ 20% ของเงินเดือน
อายุ 41 - 45 ปี ออมเงินเดือนละ 30% ของเงินเดือน
อายุ 46 - 50 ปี ออมเงินเดือนละ 40% ของเงินเดือน
อายุ 51 - 59 ปี ออมเงินเดือนละ 50% ของเงินเดือน
หรืออาจใช้สูตรคำนวณพื้นฐานอื่น ๆ เพื่อประเมินเงินออมที่ควรมีและนำไปวางแผนการเงินให้เหมาะกับตัวเอง
เช่น ใช้สูตร 2 x (อายุปัจจุบัน – อายุเริ่มงาน) x (เงินเดือนปัจจุบัน + เงินเดือนที่เริ่มงาน) ผลลัพธ์ที่ได้ คือ “จำนวนเงินออมที่ควรมีในปัจจุบัน”
ตัวอย่าง
เริ่มทำงานมาอายุ 23 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท ปัจจุบันอายุ 30 ปี มีเงินเดือน 30,000 บาท
ปัจจุบันเราควรมีเงินออม = 2 x (30 - 23) x (30,000 + 15,000) = 630,000 บาท
การติดตามแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เห็นถึงจำนวนเงินเป้าหมายที่เตรียมเอาไว้ใช้หลังเกษียณยังเป็นไปตามแผนหรือไม่ ถ้าเริ่มไม่เป็นไปตามแผนก็ต้องปรับ เช่น ปัจจุบันอายุ 49 ปี แต่ออมเงินได้เดือนละ 30% ของเงินเดือน ก็ต้องเพิ่มเงินออมให้ได้ 40% ของเงินเดือน เป็นต้น หรือเมื่อคิดคำนวณดูแล้ว พบว่า ไม่สามารถเพิ่มเงินออมได้ ก็ต้องปรับเป้าหมายอื่น ๆ เช่น เลื่อนแผนการเกษียณออกไป ลดค่าใช้จ่าย หารายได้เพิ่ม เป็นต้น
2. #เลือกสินทรัพย์ลงทุนให้เหมาะสม
นอกจากการวางแผนการออมเงินให้เป็นไปตามแผนแล้ว สิ่งสำคัญ คือ การติดตามพอร์ตลงทุนให้เหมาะสม ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ลงทุนเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้หรือไม่
โดยให้พิจารณาจาก 2 ประเด็นนี้
(1) การจัดสรรสินทรัพย์
เป็นการวางแผนกระจายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนหลายประเภทที่แตกต่างกันไปเพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุน โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ จากสินทรัพย์ลงทุนแต่ละประเภทเพื่อกำหนดสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุนและระยะเวลาที่ต้องการลงทุน เช่น ผู้ที่มีอายุน้อย ควรมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงมาก เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็ค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำให้มากขึ้น เช่น ตราสารหนี้ เป็นต้น
การจัดสรรสินทรัพย์แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ การกำหนดสัดส่วนการลงทุนในระดับยุทธศาสตร์ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุนระยะยาว และการปรับสัดส่วนการลงทุนไปตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อรักษาระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
(2) การกระจายความเสี่ยง
นอกเหนือจากการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงแล้ว ควรคำนึงสินทรัพย์ลงทุนแต่ละประเภทว่ามีระดับความเสี่ยงหรือโอกาสในการขาดทุนที่สามารถยอมรับได้หรือไม่ เพราะผลตอบแทนที่สูงมักมาพร้อมความเสี่ยงหรือโอกาสในการขาดทุนที่สูงด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ควรกระจายความเสี่ยงในการลงทุนหรือแบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์มากกว่า 1 ประเภท ที่มีลักษณะของความเสี่ยงและผลตอบแทนแตกต่างกัน จะช่วยลดความเสี่ยงหรือโอกาสขาดทุนได้ เพราะหากขาดทุนในสินทรัพย์หนึ่ง ก็ยังมีเงินเหลือในสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆ
ตัวอย่าง การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
- เพื่อรักษาสภาพคล่อง เน้นความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนต่ำ (เช่น บัญชีเงินฝาก กองทุนรวมตลาดเงิน)
- เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ (เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ กองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง ผลตอบแทนต่ำถึงปานกลาง)
- เพื่อสร้างโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น (เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวมหุ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง ผลตอบแทนปานกลางถึงสูง)
3. #เลือกทำเลที่อยู่อาศัย
หากวางแผนอีก 10 ปีจะเกษียณ สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ควรคำนึง คือ ที่อยู่อาศัย โดยเบื้องต้นก็ต้องถามตัวเองว่าต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณที่ไหน เช่น กรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ หัวเมืองรอง หรือบ้านเกิดตัวเอง ขณะที่บางคนมีความตั้งใจเกษียณในทำเลที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ อยู่ใกล้สถานพยาบาล ใกล้ระบบขนส่งมวลชนเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
ขณะที่บางคนอาจตัดสินใจลักษณะที่อยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ซึ่งแต่ละทำเลและการวางแผนต่าง ๆ จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีผลต่อการวางแผนการเงิน ดังนั้น หากเริ่มต้นวางแผนเป็นขั้นตอนจะช่วยให้การวางแผนที่อยู่อาศัยเป็นไปอย่างราบรื่น
4. #อย่าลืมสร้างหลักประกันให้ชีวิต
ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ก็ยังต้องการความมั่นคงหรือหลักประกันให้กับตัวเอง จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าโดยการแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินออม และลดการใช้จ่ายเงินที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อใกล้เกษียณ โดยทางเลือกที่น่าสนใจเพื่อทำให้วัยเกษียณสามารถพึ่งพิงได้ คือ การทำประกัน ด้วยการเลือกซื้อประกันที่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอเพื่อใช้ในช่วงเกษียณอายุ ได้แก่ ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุ
#aomMONEY #วางแผนเกษียณ #เกษียณ #วางแผนการเงิน #วางแผนใช้จ่าย #ลงทุน #เงินออม
4 บันทึก
9
2
4
9
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย