30 พ.ค. เวลา 14:30 • ไลฟ์สไตล์

ทำไม? ไม่ควรรอ "เงินเดือนสูง" แล้วค่อยเริ่ม "วางแผนการเงิน"

6 เหตุผลที่บอกว่าการเริ่มวางแผนตั้งแต่เงินเดือน 15,000 ดีกว่า 50,000
หลายคนมักจะพูดประโยคนี้ "รอเงินเดือนขึ้นก่อนแล้วค่อยเริ่มออมเงิน" หรือ "พอมีเงินเยอะกว่านี้แล้วค่อยมาคิดเรื่องลงทุน" ฟังดูสมเหตุสมผลดี แต่ความจริงแล้ว การคิดแบบนี้เป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดทางการเงินที่คนเรามักทำกัน
การวางแผนการเงินไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่เรามี แต่เกี่ยวกับ “นิสัย” และ “ทักษะ” ในการจัดการเงิน ไม่ว่าเราจะมีเงิน 15,000 บาทหรือ 50,000 บาทต่อเดือนก็ตาม หากไม่มีแผนการเงินที่ดี เงินจำนวนมากขนาดไหนก็จะไหลออกไปได้หมด
มาดูกันว่าทำไมการรอให้เงินเดือนสูงขึ้นก่อนถึงจะเป็นกับดักที่อันตรายจริงๆ
🪙1. รอเงินเดือนขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายขึ้นตาม
Lifestyle Inflation คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่โดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อเงินเดือนขึ้นจาก 15,000 เป็น 50,000 บาท สิ่งแรกที่เราคิดไม่ใช่ "ตอนนี้ออมได้เดือนละ 20,000 บาทแล้ว" แต่เป็น "ตอนนี้ย้ายคอนโดใหม่ได้แล้ว ซื้อรถคันดีกว่าได้แล้ว กินร้านแพงๆ ได้บ่อยขึ้น"
ผลที่ตามมาคือ ค่าเช่าบ้านขึ้นจาก 8,000 เป็น 12,000 บาท ค่างวดรถขึ้นจาก 5,000 เป็น 8,000 บาท ค่าอาหารขึ้นจาก 8,000 เป็น 12,000 บาท เงินที่เหลือในท้ายเดือนกลับเท่าเดิม หรือบางทีอาจจะน้อยกว่าเดิมเสียอีก เพราะเราไม่ได้คิดว่าตอนนี้ "รวย" แล้วและใช้จ่ายมากกว่าที่ควร
🪙2. รอเงินเดือนขึ้น แต่ความรับผิดชอบก็เพิ่มขึ้น
เวลาผ่านไปไม่ได้หยุดรอใคร ยิ่งรอนานเท่าไหร่ อายุเราก็เพิ่มขึ้น และพร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้น ความรับผิดชอบในชีวิตก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ตอนอายุ 25 ปี อาจจะต้องดูแลแค่ตัวเองคนเดียว แต่พออายุ 35 ปี อาจจะต้องช่วยเลี้ยงพ่อแม่ที่เริ่มแก่ตัวลง มีครอบครวัวและลูกที่ต้องดูแล มีบ้านที่ต้องผ่อน
ดังนั้น แม้เงินเดือนจะขึ้นจาก 15,000 เป็น 50,000 บาท แต่เงินที่เหลือจริงๆ หลังหักค่าใช้จ่ายพื้นฐานและความรับผิดชอบทั้งหมด อาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่เราคิด
🪙3. รอเงินเดือนขึ้น แต่เสียโอกาสในการลงทุน
นี่คือข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของการรอ เพราะในโลกของการลงทุน เวลามีค่ามาก เช่น
คนที่เริ่มลงทุน 1,000 บาทต่อเดือนตั้งแต่อายุ 25 ปี เป็นเวลา 30 ปี ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี จะมีเงินรวม 1.22 ล้านบาท
ในขณะที่คนที่รอจนอายุ 35 ปี แล้วเริ่มลงทุน 5,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 10 ปี ด้วยผลตอบแทนเดียวกัน จะมีเงินรวม 865,424 บาท
แม้คนที่เริ่มสายจะลงทุนเดือนละ 5 เท่า แต่ผลลัพธ์สุดท้ายต่างกันมาก แสดงให้เห็นว่าการเริ่มเร็วแม้จะออมน้อย ยังดีกว่าการเริ่มสายแม้จะออมมาก
🪙4. รอเงินเดือนขึ้น เสียโอกาสในการทำประกัน
การประกันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยิ่งรอนาน ค่าใช้จ่ายยิ่งแพง เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เบี้ยประกันชีวิตและประกันสุขภาพก็จะแพงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ประกันชีวิตที่ทำตอนอายุ 25 ปี อาจจะเสียเบี้ยปีละ 15,000 บาท แต่ถ้าไปทำตอนอายุ 35 ปี อาจจะเสียเบี้ยปีละ 25,000 บาท สำหรับความคุ้มครองเท่าเดิม นั่นหมายความว่า 10 ปีที่รอ ทำให้เสียเงินเพิ่มขึ้นปีละ 10,000 บาท หรือ 100,000 บาทใน 10 ปี
นอกจากนี้ ยิ่งอายุมาก โอกาสที่จะมีโรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพก็มากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ได้เบี้ยแพงกว่าปกติ หรือแย่ที่สุดคือถูกปฏิเสธการรับประกันได้เลย
🪙5. รอเงินเดือนขึ้น แต่ไม่ได้เรียนรู้การจัดการเงินรอ
การจัดการเงินเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน เหมือนกับการขับรถหรือการทำอาหาร ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเก่งขึ้นเองโดยอัตโนมัติเพียงแค่มีเงินมากขึ้น
คนที่ไม่เคยวางแผนการเงินมาก่อน เมื่อได้เงินจำนวนมาก มักจะไม่รู้จักจัดการอย่างเหมาะสม เราเห็นตัวอย่างนี้ได้จากคนที่ถูกลอตเตอรี่หรือได้มรดกก้อนใหญ่ แต่ใช้เงินหมดไปในเวลาไม่กี่ปี
การฝึกจัดการเงิน 15,000 บาทให้ดี จะทำให้เราเก่งในการจัดการเงิน 50,000 บาท แต่ถ้าไม่เคยฝึกมาก่อน การจัดการเงิน 50,000 บาทจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด
🪙6. รอเงินเดือนขึ้น แต่ความกดดันและความเครียดก็เพิ่มขึ้น
โดยทั่วไป เงินเดือนที่สูงขึ้นมักจะมาพร้อมกับตำแหน่งงานที่สูงขึ้น ความรับผิดชอบที่มากขึ้น และความกดดันที่เพิ่มขึ้น
ตำแหน่งผู้จัดการอาจจะได้เงินเดือน 50,000 บาท แต่ต้องทำงาน 10-12 ชั่วโมงต่อวัน มีความเครียดสูง และมีเวลาน้อยในการดูแลเรื่องส่วนตัว รวมถึงการวางแผนการเงิน
เมื่อเหนื่อยจากการทำงาน หลายคนจะเลือกใช้เงินเพื่อคลายเครียด ไม่ว่าจะเป็นการไปสปา กินอาหารแพงๆ ซื้อของฟุ่มเฟื่อย หรือไปเที่ยวต่างประเทศ แทนที่จะออมและลงทุนอย่างที่วางแผนไว้
ในขณะที่คนที่มีเงินเดือนน้อยกว่า แต่มีเวลาและพลังในการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ มักจะมีผลลัพธ์ทางการเงินที่ดีกว่าในระยะยาว
การรอให้เงินเดือนสูงก่อนแล้วค่อยวางแผนการเงิน เป็นเหมือนการเลื่อนการเรียนรู้การขับรถออกไป จนกว่าจะซื้อรถหรูได้ เมื่อถึงเวลาที่มีรถหรูแล้ว แต่ไม่มีทักษะในการขับ ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากรถคันนั้นได้ หรือแย่กว่านั้นอาจเกิดอุบัติเหตุ
ความจริงคือ การวางแผนการเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เรามี แต่ขึ้นอยู่กับนิสัย ทักษะ และความมีวินัยในการจัดการเงิน ไม่ว่าเราจะมีเงิน 15,000 บาทหรือ 50,000 บาทต่อเดือน หากไม่มีแผนการเงินที่ดี เงินจำนวนเท่าไหร่ก็จะไหลออกไปได้หมด
อีกทั้ง เวลาเป็นสิ่งที่ซื้อด้วยเงินไม่ได้ และในโลกของการเงิน เวลามีค่ามากกว่าจำนวนเงิน การเริ่มต้นวันนี้ แม้จะด้วยจำนวนเงินที่น้อย ยังดีกว่าการรอให้มีเงินมากแล้วเริ่มในวันพรุ่งนี้
เขียนโดย: วัฒนา มะสันเทียะ
#aomMONEY #วางแผนการเงิน #เงินเดือน #การจัดการเงิน
โฆษณา