31 พ.ค. เวลา 05:45 • ความคิดเห็น
1. หากใครตอบคำถามข้อนี้ได้ คงได้รับรางวัล Nobel Prize ไปนานแล้ว เพราะคนแรกที่นำเสนอทฤษฎี Big Bang เป็นเพียงนักบวชคริสเตียน ที่เป็นนักจักรวาลวิทยาชาวเบลเยี่ยม ฌอร์ช เลอแมตร์ (Georges Lemaître) เขาบอกว่าจักรภพ กำเนิดจากการระเบิดของ "ซูเปอร์อะตอม (SuperAtom)" แม้เขาจะเป็นเพื่อนซี้กับไอน์สไตน์ แต่ก็มักขัดคอกันในเรื่องแนวคิด
2. และต่อมาเจ้าพ่อแห่งนักทฤษฏีฟิสิกส์อย่าง "สตีเฟน ฮอว์กิ้ง” เป็นคนแรกและคนเดียวที่กล้าตอบคำถามตามกระทู้ข้างต้น โดยฮอว์กิ้งหยิบยกเอาทฤษฎีชื่อ No-boundary proposal หรือ “ภาวะ Stephen-hawking-Hartle state)” ของตนเองมาอธิบายว่า
The universe doesn't have a boundary,
much like Earth's rounded surface lacks an edge
for the universe to traveling southward
until you reach the South Pole.
When you reach the South Pole,
the term "south" loses its meaning.
The same idea is applied to time before the Big Bang
-- once you trace back the universe to its beginning,
the concept of time becomes obsolete.
Stephen Hawking
3. หากคุณแปลภาษาอังกฤษที่เขาอธิบายไว้ตาม ข้อ 2 ไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่ามัน "ว่างเปล่า" หรือจู่ๆ มันนึกจะเกิดมันก็เกิด ไม่มีที่มาและก็ไม่มีที่ไป ก็หาใช่ไม่ เรามองว่ามันออกจะสอดคล้องกับหลัก "อิทัปปัจจยตา" ที่สำคัญในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน นักวิทย์ยังคงสรุปตรงกันว่า เราไม่อาจจะกล่าวได้เต็มปากว่า มีบางสิ่งเกิดขึ้นมาได้จากความว่างเปล่า เพราะสภาพสุญญากาศทางควอนตัม ก็ยังมีพลังงานบางอย่างแอบแฝงอยู่
สภาวะขอบเขตสุดของจักรวาล
ก็คือการที่มันไม่ได้มีขอบเขตนั่นเอง
นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันรู้กันแล้วว่า
จักรวาลนั้นขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
เรามองว่า หลักอิทัปปัจยตา ยังคงสอดคล้องกับการหาข้อสันนิษฐานเรื่องสภาวะก่อน Big Bang แต่สำหรับเรื่องสูญญตาหรือความว่างนั้น เป็นคนละเรื่องกัน ไม่สามารถเอามาปะปน เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องนี้ได้เลย
ความว่างหรือสูญญตา
เพียงบอกว่า
สรรพสิ่งยึดเอาเป็นตัวเป็นตนไม่ได้
เพราะที่สุดมันจะดับลง
เพียงเท่านั้นเอง
โฆษณา