Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เมืองไทยไดอารี่ by Supawan
•
ติดตาม
31 พ.ค. เวลา 07:33 • ท่องเที่ยว
วัดสุวรรณคีรี .. วัดประจำตระกูล ณ สงขลา และ สุวรรณคีรี
“วัดสุวรณคีรี” หรือ “วัดหัวเขา” หรือ “วัดออก” (อยู่ทางทิศตะวันออกของวัดบ่อทรัพย์) ตั้งอยู่บนควน (ภูเขาลูกเล็ก ๆ) ริมทะเลสาบสงขลา ที่บ้านบ่อเตย ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
“วัดสุวรณคีรี” .. เป็นวัดโบราณวัดหนึ่งคู่บ้านคู่เมืองสงขลา สร้างประมาณปี พ.ศ. 2379 เดิมเคยเป็นวัดร้างมาก่อน ต่อมาได้รับการบูรณะให้เป็นวัดสำคัญประจำเมืองสงขลาฝั่งแหลมสน
โดยท่านพระยาสุวรรณคีรีสมบัติ (บุญหุ้ย) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา (พ.ศ. 2328-2354) เมื่อได้รับการบูรณะและสถาปนาขึ้นเป็นวัดหลวง และเป็นสถานที่ที่ถือน้ำสาบานหรือน้ำพิพัฒน์สัตยาของเหล่าข้าราชการบเมืองสงขลา วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2320
วัดแห่งนี้ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้าง .. แต่สันนิษฐานว่า เจ้าเมืองสงขลาคนใดคนหนึ่งเป็นผู้สร้างวัดสุวรรณคีรี … นอกจากนี้ยังมีหลักฐานคำจารึกที่พระเจดีย์ (ถะเจดีย์แบบจีน) ที่ตั้งอยู่หน้าพระอุโบสถวัดว่า “เจ้าพระยาสงขลา (บุญฮุย ณ สงขลา)” เป็นผู้สร้างเจดีย์เมื่อปี พ.ศ. 2340 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2341
จึงสามารถสันนิษฐานได้ว่าวัดสุวรรณคีรีสร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรีตอนปลายหรือกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นคือสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
และเมื่อครั้งที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จตรวจการณ์คณะสงฆ์ เมื่อปี พ.ศ. 2455 ได้กล่าวถึงวัดสุรรณคีรีไว้ว่า
“วัดสุวรรณคีรี ตั้งอยู่บนเชิงเขามีลานขึ้นไปเป็นชั้น ๆ กว้างขวางมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ของก่อสร้างก็เป็นชิ้นเป็นอัน อุโบสถใหญ่ และกุฏีก่ออิฐถือปูนหลังคามุงกระเบื้องทั้งนั้น เสียแต่ปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรมและปล่อยให้นกเรี้ยว มีพระ 6 รูปไม่พอจะรักษาได้
ทราบว่าอย่างนี้เพราะชาวบ้านไม่นับถือพระครูญาณโมลีรังเกียจในความประพฤติของพระครู ไม่มีใครไปทำบุญและช่วยธุระ บางบ้านถึงไม่ใส่บาตร...”
“วัดสุวรณคีรี” .. เป็นวัดประจำตระกูล ณ สงขลาและสุวรรณคีรี ได้รับการดูแลบูรณะจากลูกหลานของตระกูล ณ สงขลาตลอดมา และเมื่อย้ายเมืองสงขลาจากท่าแหลมสนมายังตำบลบ่อยางในปี พ.ศ. ๒๓๓๙ วัดสุวรรณคีรีก็ขาดการดูแลทำให้ทรุดโทรมลง
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516-2517 จึงได้มีการบูรณะใหม่อีกครั้งโดยพระครูคลิ้ง ธมฺมรกฺขิโต (พันธุอุบล) เจ้าอาวาสรูปที่ 9
โบราณสถานที่สำคัญ และสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดสุวรรณคีรี
“วัดสุวรณคีรี” มีความสำคัญทั้งในด้านสถาปัตยกรรม และภูมิสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจและทรงคุณค่า ... มีความต่อเนื่องกันในด้านการวางผังและภูมิสถาปัตยกรรม มีการทำกำแพงกันดินด้วยหินภูเขา ใน 3 ระดับ มีทางเดินและบันไดเชื่อมต่อกัน ระหว่างวัดปูด้วยกระเบื้องหน้าวัวโบราณ ซึ่งมีลวดลายในเนื้อกระเบื้องอันเป็นเอกลักษณ์กระเบื้องดินเผาเกาะยอ
พระอุโบสถ . .ตัวอุโบสถก่อด้วยอิฐถือปูน ขนาดกว้างประมาณ 8.25 เมตร ยาว 15.90 เมตร อุโบสถมีประตู 4 ประตู ด้านหน้า 2 ประตู ด้านหลัง 2 ประตู ลักษณะของประตูและหน้าต่างของอุโบสถสร้างแบบเรียบง่ายไม่มีการประดับสิ่งใด ๆ
.. ด้านหน้ามีตุ๊กตาหินจีนเฝ้า 2 ตัว
หน้าบันทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีลวดลายปูนปั้นรูปดอกไม้และสัตว์ป่า เช่น กระจง กระรอก และ ประดับด้วยเครื่องถ้วยเครื่องชามจีนอย่างสวยงาม
ภายในพระอุโบสถ .. มีเสาสี่เหลี่ยมรองรับหลังคา ๒ แถว แถวละ ๖ ต้น บัวหัวเสาเป็นรูปบัวเหลี่ยมแบบศิลปะโคธิคของชาติตะวันตก
สำหรับพระประธาน .. ก่อด้วยอิฐถือปูนลงรักปิดทองปางมารวิชัยขนาดใหญ่ มีรูปพระสาวกพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ซ้ายขวาตามลำดับ
ด้านหน้าพระประธานมีพระพุทธรูปอีกหลายองค์ เช่น พระพุทธรูปบุเงินปางอุ้มบาตร ๑ องค์ พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ ปางห้ามสมุทร ปางห้ามมาร พระพุทธรูปหินอ่อนศิลปะพม่า ๒ องค์ และพระพุทธรูปจำหลักไม้ฝีมือช่างท้องถิ่นจำนวนมาก
ฝาผนังอุโบสถทั้ง 4 ด้าน .. ปรากฏภาพเขียนสีฝุ่นมีรองพื้น ฝีมือช่างหลวง ภาพเดิมชำรุดเหลืออยู่เพียงส่วนน้อย กรมศิลปากรได้ทำการซ่อมและบูรณะ ซึ่งร่องรอยของจิตรกรรมเดิมเห็นจะได้ว่าเป็นจิตรกรรมที่สวยงามด้วยเส้น สี และองค์ประกอบซึ่งสวยงามอย่างยิ่ง นับเป็นฝีมือของช่างชี้นครู
เนื้อเรื่องที่เขียนเป็นภาพพุทธประวัติ ไตรภูมิและทศชาติชาดก มีพื้นที่เขียนภาพประมาณ ๗ ตารางเมตร โดยเขียนภาพสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วมีแม่น้ำไหลออกจากปากราชสีห์ วัว ม้าและช้างไว้ตอนบน
ตอนล่างเป็นภาพพระมาลัยโปรดสัตว์นรก อยู่บนผนังด้านหลังพระประธาน ผนังด้านหน้าพระประธานเป็นภาพมารผจญ ด้านข้างเป็นภาพทศชาติชาดก ตอนบนเหนือกรอบหน้าต่่างเขียนภาพพุทธประวัติ และบนเพดานเขียนลายดาวทองบนพื้นรักแดง ซึ่งสวยงามและมีคุณค่าอย่างยิ่ง
หอระฆังตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอุโบสถ .. ก่อด้วยปูน มีทั้งหมดสองชั้น ชั้นล่างก่อทึบ ชั้นบนก่อโปร่ง มีการเจาะช่องหน้าต่างเป็นรูปวงรีทั้งสี่ด้าน ภายในแขวนระฆัง
อาคารดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงศิลปะที่รับอิทธิพลจากตะวันตก เช่น การทำซุ้มประตูอาร์ตโค้งที่ชั้นล่างซุ้มหน้าต่างทรงรูปไข่ที่ชั้นบน ซึ่งเป็นอิทธิพลของตะวันตกในช่วงปลายของรัชกาลที่ ๓
เจดีย์หินแบบจีน (ถะศิลา) ทำด้วยหินแกรนิตรูปทรงหกเหลี่ยมมี ๗ ชั้น ตั้งอยู่บริเวณลานด้านหน้าของอุโบสถ มีลักษณะสำคัญคือด้านล่างเป็นฐานเขียง รองรับส่วนกลางซึ่งมีรูปทรงเหมือนอาคาร ๖ ชั้น และอยู่ในผัง ๘ เหลี่ยม ด้านบนสุดประดับปล้องไฉน
ในชั้นที่สอง .. ปรากฏจารึกภาษาจีนอ่านว่า "เจียงชิ่งซื่อเหนียน" แปลว่าปีที่ ๔ แห่งรัชสมัยพระเจ้าเจียชิ่ง อยู่ในปี พ.ศ. 2342 ซึ่งตรงกับรัชกาลที่ 1 ของไทย
ในชั้นที่ ๓ ของเจดีย์ .. มีคำจารึกภาษาจีนและภาษาไทยว่า “กระหม่อมฉันเจ้าพระยาสงขลา (บุญฮุย) น้อมเกล้าถวายไว้ก่อสร้างปีมะเส็งสำเร็จปีมะเมีย วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๓๔๑”
ซุ้มใบเสมา .. สร้างด้วยหินแกรนิต ลักษณะศิลปะแบบจีน ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นรูปดอกไม้ ภายในเป็นเสมาหินแกรนิตแบบเสมาคู่ปักอยู่ซุ้มใบเสมาทั้งแปดทิศ ซึ่งเป็นพุทธศิลป์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เจดีย์หน้าวัดสุวรรณคีรี .. เป็นเจดีย์ที่ก่ออิฐถือปูน ฐานเจดีย์เป็นรูปทรงกระบอกและมีก้อนหินใหญ่ประดับฐานรอบฐานทั้ง ๔ ทิศ องค์เจดีย์เป็นระฆังแบบโอคว่ำมีลวดลายเป็นปูนปั้นรูปพวงดอกไม้ประดับรอบองค์ซึ่งเป็นอิทธิพลจากศิลปะจีนสมัยรัตนโกสินทร์
เจดีย์แห่งนี้ชาวบ้านล่ำลือกันว่าหินที่ล้อมรอบเจดีย์องค์นี้งอกขึ้นมาเอง ต่อมาพระและชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณะใหม่มีการทาสีให้ดูสวยงาม รอบ ๆ ฐานพระเจดีย์ทั้ง ๔ ทิศ มีรูปพระสาวกปูนปั้นนูนต่ำประนมมืออยู่ภายในวงกลม
สมเด็จเจ้าเกาะยอ
สมเด็จเจ้าเกาะยอ หรือพระราชมุนีเขากุดเป็นชาวบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หรือที่ชาวบ้านเกาะยอเรียกว่า "พ่อท่านสมเด็จเจ้าเกาะยอ" เป็นพระชั้นสมเด็จที่เดินทางมากับสมเด็จเจ้าพะโค๊ะ และสมเด็จเจ้าจอมทอง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าพระสามเกลอ ทางภาคใต้
ทั้ง ๓ องค์ซึ่งท่านได้เดินทางเทศนาธรรมมาเรื่อย ๆ และมาอยู่กันคนละแห่งละที่ คือสมเด็จเจ้าพะโค๊ะอยู่ที่วัดพะโค๊ะ, สมเด็จเจ้าจอมทองมาอยู่ที่วัดเกาะใหญ่ และสมเด็จเจ้าเกาะยออยู่ที่เขากุฏเกาะยอ
สมเด็จพระเอกาทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงเห็นว่าสมเด็จเจ้าเกาะยอเป็นผู้มีบุญญาธิการสูง จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์ที่พระราชมุนีเขากุด ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าสมเด็จเจ้าเกาะยอ หรือสมเด็จเจ้าเขากุด เมื่อมรณภาพแล้ว ชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างสถูปเจดีย์ก่อด้วยอิฐถือปูนเก็บอัฐิธาตุของท่าน ไว้บนยอดเขากุดในบริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองปรากฏหลักฐานอยู่จนถึงทุกวันนี้
ทุกปีในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ของทุกปีลูกหลานชาวเกาะยอจะประกอบพิธีกรรมและขึ้นเขากุฏ เพื่อสักการและหม่ผ้าเจดีย์สมเด็จเจ้าเกาะยอ ในขณะบางคนที่เคยบนบานสานกล่าวใว้ก็จะนำของไปแก้บนกันในวันนั้น ส่วนลูกหลานสมเด็จเจ้าเกาะยอที่อยู่ไกล ๆ ก็ตั้งจิตภาวนาถึงสมเด็จเจ้าเกาะยอให้สมเด็จเจ้าเกาะยอคุ้มครองป้องกันภัยให้ลูกหลานทุก ๆ คน
https://clib.psu.ac.th/southerninfo/content/1/05a6a70a
บันทึก
2
1
1
2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย