4 มิ.ย. เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ฌ็อง-มารี เอเวยาร์ สุดยอดนักลงทุน VI แห่งแดนน้ำหอม

หลายคนรู้จักเบนจามิน เกรแฮม ในฐานะบิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ VI ผู้เป็นทั้งต้นแบบและอาจารย์ของนักลงทุนระดับเทพอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์
ซึ่งนอกจากบัฟเฟตต์แล้ว เกรแฮมยังเป็นต้นแบบให้กับใครอีกหลาย ๆ คน หนึ่งในนั้นก็คือ ฌ็อง-มารี เอเวยาร์ ผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนชาวฝรั่งเศส
ที่ใช้แนวทางการลงทุนของเกรแฮม ในการบริหารพอร์ตการลงทุน จนสร้างผลตอบแทนชนะตลาดได้ติดต่อกันนานหลายปี
ฌ็อง-มารี เอเวยาร์ เป็นใคร ? และเขาประยุกต์ใช้แนวทางของเกรแฮมอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ฌ็อง-มารี เอเวยาร์ เริ่มต้นชีวิตการลงทุน ในฐานะนักวิเคราะห์การลงทุนของ Société Générale หนึ่งในสถาบันการเงินรายใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งช่วงแรกในชีวิตการทำงานของเอเวยาร์นั้น เขาจำเป็นต้องปฏิบัติตามกลยุทธ์ที่หัวหน้าถ่ายทอดมาให้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็คือ “การซื้อขายหุ้นตัวใหญ่ในดัชนี ให้มากไว้ก่อน”
เพราะเป็นแนวทางที่ปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับในวงการ
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนชีวิตการลงทุนของเขาก็มาถึง ในปี 1968 เมื่อเขาได้ย้ายไปประจำที่สำนักงานของบริษัท ในประเทศสหรัฐอเมริกา
และได้มีโอกาสพูดคุยกับ นักศึกษาชาวฝรั่งเศส 2 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ที่ Columbia Business School ซึ่งได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับเบนจามิน เกรแฮม บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ผู้เคยเป็นทั้งนักศึกษาและอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Columbia ให้เอเวยาร์ฟัง
การพูดคุยครั้งนั้นได้จุดประกายแนวคิดการลงทุนแบบใหม่ให้แก่เอเวยาร์
โดยหลังจากเขาได้ไปอ่านหนังสือของเกรแฮมที่มีชื่อเสียงทั้ง 2 เล่ม คือ Security Analysis และ The Intelligent Investor
ทำให้เอเวยาร์ ค้นพบแนวทางการลงทุน ที่เขารู้สึกว่าตามหามานาน ไม่ว่าจะเป็น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและงบดุล, การซื้อหุ้นเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และต้องมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) เป็นต้น
ซึ่งเอเวยาร์ได้พยายามเกลี้ยกล่อมหัวหน้า ให้อนุญาตให้เขาลงทุนตามสไตล์ของเกรแฮม แต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะหัวหน้าไม่แม้แต่จะรู้จักเบนจามิน เกรแฮม รวมถึงสไตล์การลงทุนของเขาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในปี 1979 เอเวยาร์ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลกองทุนรวมขนาดเล็กกองหนึ่ง ที่ชื่อ SoGen International Fund ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของกองทุน (AUM) ราว 491 ล้านบาท
ทำให้เขาได้มีโอกาสใช้แนวทางการลงทุน ที่ได้เรียนรู้มาจากเกรแฮมอย่างเต็มที่
และก็ทำให้ SoGen International Fund ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาเป็น First Eagle Global Fund สามารถทำผลตอบแทนจนถึงปี 2004 ได้ราว 15.8% ต่อปี ชนะดัชนี S&P 500 ที่ทำผลตอบแทนได้ 13.7% ในช่วงเดียวกัน
และแนวคิดของเอเวยาร์ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ AUM ของกองทุน เติบโตเป็น 1.6 ล้านล้านบาท ในปี 2019
แล้วหลักคิดที่เอเวยาร์ ประยุกต์มาจากหลักการของเกรแฮม มีอะไรบ้าง ?
- ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety)
หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับ Margin of Safety เป็นอย่างดี เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่บรรดานักลงทุน VI ทั่วโลกมักพูดถึง
แนวคิดนี้คือ “การซื้อหุ้นให้ต่ำกว่าราคาที่เราประเมินมูลค่า” เพื่อป้องกันความเสี่ยงทั้งจากการประเมินผิดพลาด ความไม่แน่นอน ไปจนถึงเหตุการณ์อื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อทั้งหุ้นและธุรกิจ
ซึ่งเอเวยาร์ได้กำหนด Margin of Safety ไว้ที่ 30-40% ของราคาที่เขาประเมินมูลค่าได้
- ไม่ตามกระแส
ในช่วงปี 1997 ถึงปี 2000 ดัชนี NASDAQ ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ได้พุ่งขึ้นเกือบ 300% จากความร้อนแรงของหุ้นอินเทอร์เน็ต
ด้วยความที่ยึดมั่นในกลยุทธ์ของตนเอง เอเวยาร์เลือกที่จะไม่เข้าลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีเหล่านี้ ทั้งเหตุผลด้านราคาที่แพง รวมถึงความยากในการประเมินธุรกิจ
จนทำให้ในช่วงที่ NASDAQ พุ่งขึ้นสูงมากและฟองสบู่ยังไม่แตก
เอเวยาร์ถึงกับเกือบจบสิ้นในหน้าที่การงานเลยทีเดียว
เพราะทำผลตอบแทนไม่ได้ดีเท่ากองทุนที่เข้าไปร่วมวง และถูกมองว่าตามไม่ทันโลกยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากฟองสบู่ดอตคอมแตกลงในปี 2000
เขาได้กลายเป็นวีรบุรุษ กองทุนของเขาสามารถรอดพ้นจากวิกฤติมาได้ เพราะแทบไม่ได้ลงทุนในหุ้นอินเทอร์เน็ตเลย
- มองความเสี่ยงก่อนกำไร
ในชีวิตการลงทุนของเอเวยาร์ เขามักจะหลีกเลี่ยงสิ่งที่เขามองว่า “อันตราย” อยู่เสมอ
ซึ่งการเลือกที่จะไม่ลงทุนในบรรดาหุ้นอินเทอร์เน็ตในช่วงฟองสบู่ดอตคอม ที่ยังไม่สามารถทำกำไรได้ คือตัวอย่างที่ดีที่สุดที่แสดงให้เห็นว่า เขาหลีกเลี่ยงอันตรายได้อย่างไร
เรื่องนี้สะท้อนมุมมองของการมองไปที่ความเสี่ยงจากการลงทุน ก่อนที่จะคำนึงถึงผลตอบแทนที่จะตามมาของเอเวยาร์
ทั้ง 3 แนวทางนี้ เป็นตัวอย่างหลักคิดที่เอเวยาร์ ประยุกต์มาจากหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าของเบนจามิน เกรแฮม ที่เน้น “ความปลอดภัย”
ซึ่งจะเห็นว่า เอเวยาร์เน้นที่จะลดความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากทั้งการประเมินที่ผิดพลาด และความไม่แน่นอนต่าง ๆ
และเราสามารถประยุกต์ใช้หลักคิดความปลอดภัยนี้ เพื่อลดความเสี่ยง ความเสียหาย ในพอร์ตการลงทุนของเราได้
ซึ่งจะช่วยให้พอร์ตของเรา มีความยืดหยุ่น และสามารถรับมือกับวิกฤติ ที่ไม่คาดคิดได้..
โฆษณา