31 พ.ค. เวลา 13:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

"ซื้อหุ้นดีเมื่อแตะเส้น EMA200 มีโอกาสชนะ S&P 500 ระยะยาว"

รู้จักเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 สัปดาห์ เครื่องมือที่ชาลี มังเกอร์ ให้ความสำคัญ
ชาลี มังเกอร์ (Charlie Munger) นักลงทุนสายเน้นคุณค่าผู้โด่งดัง ผู้ที่ให้บทเรียนอันล้ำค่าเเก่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Waren Buffett)
“การลงทุนระยะยาวในบริษัทที่เติบโต โดยเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นที่ถูกมาก แต่ต้องเป็นหุ้นที่มีคุณภาพ และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน” ชาลี มังเกอร์ กล่าว
คำเเนะนำนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อ Berkshire Hathaway จากที่ วอร์เรน บัฟเฟต์ เคยเน้นลงทุนเฉพาะหุ้นที่ราคาถูกที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เเท้จริง ทำให้เขามาลงทุนในหุ้นคุณภาพเยี่ยม เเต่ยอมจ่ายในราคาที่เหมาะสม ซึ่งทำให้ Berkshire Hathaway เติบโตในระยะเวลาต่อมา
เเม้ว่า ชาลี มังเกอร์ จะถูกยกย่องว่าเป็นนักลงทุนสายคุณค่าที่สามารถวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นอย่างลึกซึ้ง เเต่มีคำพูดหนึ่งของนักลงทุนสายคุณค่าผู้โด่งดังนี้เเสดงถึงการใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย
“ถ้าทั้งหมดที่คุณทำคือซื้อหุ้นคุณภาพดีเมื่อราคาลงมาถึงค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ คุณก็จะสามารถชนะดัชนี S&P 500 ได้อย่างมากในระยะยาว” ชาลี มังเกอร์ กล่าว
หมายความว่า เส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ หรือเส้น EMA 200 ( Exponential Moving Average 200) เป็นอีกนึง Indicator ที่เเม้เเต่นักลงทุนสายคุณค่าอย่างชาลี มังเกอร์ให้ความสำคัญมันคืออะไร เรามาทำความรู้จักกัน
[Indicator ในโลกของการลงทุนคืออะไร?]
Indicator คือเครื่องมือที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในอนาคต ซึ่ง ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ MA (Moving Average) เป็น Indictor ที่นักลงทุนนิยมใช้กัน
[ประเภทของ MA ในโลกของการลงทุน มีอะไรบ้าง]
1
ประเภทของ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะมี อยู่ 2 ตัว คือ
1. SMA (Simple Moving Average)
2. EMA (Exponential Moving Average)
[SMA เเละ EMA มีความเเตกต่างกันอย่างไร?]
1. SMA (Simple Moving Average) หรือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา
คือการนำราคาปิดของหุ้นในช่วงวันที่กำหนด (เช่น 5 วัน, 10 วัน, 100 วัน) มารวมกัน แล้วหารด้วยจำนวนวัน
2. EMA (Exponential Moving Average) หรือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบถ่วงน้ำหนัก ต่างจาก SMA ตรงที่ EMA จะให้ “น้ำหนัก” กับราคาล่าสุดมากกว่า เพื่อให้ค่าที่ได้ “ขยับเร็ว” และตามการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นได้เร็วกว่า โดย EMA ให้ความสำคัญกับราคาล่าสุดมากกว่า
[ ทำไมนักลงทุนถึงเลือกใช้ EMA มากกว่า SMA? ]
จากที่กล่าวไปข้างต้น EMA ให้ความสำคัญกับราคาล่าสุดมากกว่า ทำให้สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาได้รวดเร็วกว่า SMA ทำให้ EMA เป็นที่นิยม สำหรับนักลงทุน
[ EMA200 คืออะไร ]
จากที่กล่าวไปข้างต้น ว่า EMA คือค่าเฉลี่ยหุ้นที่ให้ความสำคัญของราคาล่าสุดมากกว่าราคาที่ผ่านมา ซึ่งเลขที่อยู่ข้างหลัง หมายความว่า ค่าเฉลี่ยตามเวลาที่เรากำหนด ดังนั้น EMA200 คือ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หรือ 200 สัปดาห์ (อยู่ที่เรากำหนดหน่วยของเวลา)
[ 3 ประโยชน์ของ EMA200 ]
1. ใช้บอกเเนวโน้วของหุ้นนั้นๆ ถ้าราคาหุ้นยืนอยู่เหนือเส้น EMA200 คือ ราคาหุ้นอยู่เเนวโน้มขาขึ้น กลับกัน เมื่อราคาหุ้นอยู่ใต้เส้น EMA200 ราคาหุ้นอยู่ในเเนวโน้มขาลง
2. ใช้เป็นเเนวรับ/เเนวต้าน
เเนวรับ เป็นเเนวที่ราคาเมื่อ วิ่งลงมาชนเเล้วไม่ผ่านหลายๆครั้ง ในทางกันข้าม เเนวต้าน เป็นเเนวที่เมื่อราคาวิ่งขึ้นมาชนหลายๆครั้ง เเล้วไม่สามารถผ่านได้ EMA200 สามารถใช้เเทนเเนวรับเเนวต้านนั้นได้
3. บ่งบอกต้นทุนของคนส่วนใหญ่ EMA200 คือ ค่าเฉลี่ยของราคาในระยะ 200 วัน ซึ่งจะสามารถบอกถึงต้นทุนราคาหุ้นของคนส่วนใหญ่ได้
สรุป EMA200 เป็น เครื่องมือที่ทั้งนักลงทุนรายย่อย เเละสถาบัน เลือกใช้บ่งบอกเเนวโน้มของเเต่ละสินทรัพย์ เพราะสามารถบอกค่าเฉลี่ย ราคา 200 วัน/สัปดาห์ จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อย่างไม่เป็นที่สงสัย
เขียนโดย: ณัฐวีร์ เชี่ยวพัทธยากร
#aomMONEY #EMA200 #เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่200สัปดาห์ #ชาลีมังเกอร์
โฆษณา