แบรนด์ต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งตะวันตก สามารถเล่นมุกแซวกันแรงๆ ได้ เพราะพวกเขามองว่าเป็น การตลาดแบบบันเทิง (Entertaining Advertising) ซึ่งส่งเสริมการแข่งขันและความคิดสร้างสรรค์
🇺🇸 ในอเมริกา:
- การแซวหรือโจมตีคู่แข่งตรงๆ เรียกว่า Comparative Advertising และ ถูกกฎหมาย หากข้อมูล “จริง” และ “พิสูจน์ได้”
- ตัวอย่าง:
> Pepsi vs Coca-Cola – ทำแคมเปญแกล้งกันเป็นสิบปี
> Apple vs Microsoft – “Mac vs PC” ads โจมตีเรื่องระบบและ UX กันตรงๆ
> Burger King vs McDonald’s – เล่นแรงด้วยวิธีเชิงมุกและภาพสร้างสรรค์ เช่น “เราเปิดวันหยุดเพราะแมคไม่เปิด”
บางแคมเปญถึงขั้นได้รางวัล Cannes Lions ด้วยซ้ำ เพราะถือว่า “จิกแบบมีคลาส”
🇯🇵 ญี่ปุ่น:
- ญี่ปุ่นไม่นิยมโจมตีคู่แข่งโดยตรง
- โฆษณาส่วนใหญ่เน้น ความรู้สึกดี กับแบรนด์ (Kando Marketing) และสร้างความประทับใจมากกว่าแซวใคร
🇹🇭 ไทย:
- ไทย ซีเรียสกับการแซวคู่แข่ง โดยเฉพาะแบรนด์ท้องถิ่น เพราะมักถูกมองว่า เป็นการ ด้อยค่าความน่าเชื่อถือ หรือ “เสียมารยาท”
- มีกรณีฟ้องร้องจริง เพราะกฎหมายโฆษณาไทยห้ามเปรียบเทียบสินค้าเว้นแต่มีข้อมูลที่พิสูจน์ได้ และไม่บิดเบือน
🎯 แล้วแบรนด์ไทยทำยังไงได้บ้าง?
1. เล่นแบบ Indirect เช่น ทำโฆษณาล้อเลียน พฤติกรรมของคนใช้สินค้านั้น โดยไม่พูดถึงแบรนด์
2. ใช้ Parody / Pop Culture สื่อให้คนเดาเอาเอง (เหมือนรูปที่คุณส่ง McDonald's vs KFC – UFC parody)
3. Collaborative Rivalry เหมือน Burger King เชิญลูกค้าไปซื้อจาก McDonald's ช่วงโควิด – ได้ใจทั้งคู่
✅ สรุป:
- วัฒนธรรมฝรั่ง “ขำได้ แซวกันได้” แต่ต้องมีมารยาท และใช้ Creativity ไม่ใช่ Bully
- ถ้าเป็นแบรนด์จากประเทศเดียวกัน อย่าง แบรนด์ไทยแซวแบรนด์ไทย ต้องระวังเป็นพิเศษ
- แต่ถ้าแบรนด์มี ฐานของตัวเองแข็งแรงและเข้าใจเกม ก็สามารถสร้างแคมเปญ "คู่กัด" ที่ได้ใจได้เหมือนกัน
เกร็ดเล็กๆ ของแบรนด์ by Nok Creative Branding