สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้ 2 มิ.ย.68
ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไทย (2 มิ.ย.) เปิดสัปดาห์ใหม่ บวกเพิ่มขึ้น 200 บาท ตามราคาทองคำ gold spot ที่เปิดบวกแรง โดยราคาที่ สมาคมค้าทองคำ ได้ประกาศเมื่อช่วง 10.45 น. ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 อยู่ที่ 51,350 บาท ส่วนราคารับซื้อ 51,250 บาท
ขณะที่ ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 52,150 บาท ส่วนราคารับซื้อ 50,225.08 บาท คำนวณจากเงินบาทที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์
ด้านฮั่วเซ่งเฮง มองว่า ราคาทองในประเทศยังแกว่งตัวในกรอบแคบจากปัจจัยราคาทองคำโลกและค่าเงินบาทที่สวนทางกัน แนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับทยอยเข้าสะสมที่ระดับ 50,900 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 50,600 บาทลงไป ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 51,600 และ 51,900 บาท
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ
- Advertisement -
- Advertisement -
gold spot เดือน พ.ค. ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนรุนแรง โดยจุดสูงสุดและต่ำสุดของเดือน ห่างกันมากถึง 318 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดตลาดบวกขึ้นมาเพียง 0.1 ดอลลาร์ เท่านั้น
ขณะที่ ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำ gold spot เคลื่อนตัว sideway ก่อนจะปรับตัวลดลงมา 69 ดอลลาร์ โดยทำจุดสูงสุดที่ 3,350 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 3,288 ดอลลาร์ ขณะที่เมื่อวันศุกร์ ราคาทองคำปิดลบ 28.61 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาราคาทองคำได้ยังคงเป็นความไม่แน่นอนเรื่องของสงครามการค้า หลังศาลการค้าระหว่างประเทศ สั่งยกเลิกภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. เพราะใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตของประธานาธิบดี
ก่อนในวันถัดมา ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง ได้สั่งระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศ พร้อมให้ฝ่ายรัฐบาลตอบกลับภายในวันที่ 9 มิ.ย.
ทำให้กระบวนการพิจารณาในเรื่องการใช้อำนาจของ ปธน.ทรัมป์ฯ ยังมีความไม่แน่นอนสูง และจะต้องติดตามความคืบหน้าใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังมองว่า ปธน.ทรัมป์ฯ ยังมีหลายช่องทางที่จะผลักดันให้การบังคับใช้เรื่องของศุลกากรตอบโต้ดำเนินต่อไปได้
โดย ShiningGold มองว่า เช้านี้ทองคำเปิด GAP กระโดด 10 ดอลลาร์จาก 3,288 ไป 3,298 ดอลลาร์ โดยยังไม่ได้ย้อนลงมาปิด GAP ที่เปิด สาเหตุหลักมาจากช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาไทย สหรัฐฯ มีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ
รวมถึง ประเด็นของโดรนยูเครนที่โจมตีสนามบินยุทธศาสตร์ของรัสเซียหลายแห่ง ในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ดูเหมือนว่าความพยายามเจรจาสงบศึกที่ประเทศตุรกีเป็นตัวกลางในวันนี้ดูไม่มีความหมายโดยสิ้นเชิง
ทั้ง 2 ปัจจัยยังสนับสนุนราคาทองคำเชิงบวก เหลือเพียงการย้อนลงมาปิด GAP จะเกิดขึ้นภายในวันหรือไม่ หรือปล่อยค้างไว้เพื่อดีดต่อยังคงต้องพิจารณาช่วงวันต่อเป็นระยะ
กลยุทธ์การลงทุน : ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถทะลุและยืนเหนือ 3,330 ดอลลาร์ ได้ ยังคาดหวังการย่อตัวปิด GAP ให้เข้า open long 3,294 – 3,288 และ 3,270 ดอลลาร์ เคร่งครัด stop loss ที่ 3,250 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 3,315 / 3,330 และ 3,342 ดอลลาร์
ด้าน InterGold มองเทคนิคว่า ราคาทองคำปิดเดือน พ.ค. แดนบวก แต่ไม่หวือหวานัก เรียกว่าน่าดึงดูดน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ๆ โดยข่าวภาษีดูเบาลงไปมากเหมือนใกล้หาจุดยุติได้แล้ว
ทำให้ในเดือน มิ.ย. นี้ นักลงทุนทองคำหรือคนที่ติดดอยอยู่ อาจต้องลุ้นหนัก หากจะคาดหวังให้ราคาขึ้นรุนแรงอีกครั้ง
มองว่าสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์แรกของเดือน อาจต้องเรียกความเชื่อมั่นขาขึ้นกลับมา ด้วยการปิดบวกรุนแรง และหากยืนเหนือ 3,330 ดอลลาร์ ได้ จะยิ่งดี และดีกว่านั้น คือ ปิดเหนือ 3,360 ดอลลาร์ และจะให้ดีที่สุดคือ 3,400 ดอลลาร์
ส่วนมุมมองขาลง ยังคงเหมือนเดิม หากหลุด 3,250 ดอลลาร์ ถือว่าอันตรายมาก เสี่ยงลงลึก หรืออาจสิ้นสุดขาขึ้นรอบนี้ และยิ่งถ้าหลุด 3,200 ดอลลาร์ โอกาสจบรอบสูงมาก ซึ่งอาจได้คำตอบในสัปดาห์นี้ก็เป็นได้
โดยให้แนวต้านที่ 3,330 ดอลลาร์ หรือ 51,600 บาท ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 3,295 ดอลลาร์ หรือ 51,000 บาท
ขณะที่ YLG Bullion มองว่า เมื่อวันศุกร์ ราคาร่วงลงทำระดับต่ำสุดบริเวณ 3,270 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นหลังราคาเกิด Bullish Divergence ใน 15 นาที วันนี้หากการพักตัวไม่หลุด 3,389 ดอลลาร์ แล้วดีดผ่าน 3,332 ดอลลาร์ แสดงว่าชุดดีดอาจยังไม่จบ
อย่างไรก็ดี ตราบใดที่ราคายังไม่ทะลุ 3,365 ดอลลาร์ มองว่าระยะกลางเป็นการดีดเพื่อพักตัวสะสมด้วยการแกว่งออกข้างในรูปแบบ Triangle แต่หากราคาทะลุ 3,365 ดอลลาร์ จะกลับไปมีมุมมองเชิงบวกในะระยะกลางอีกครั้ง
สำหรับกลยุทธ์การเข้าสถานะใหม่ ดูจังหวะขายหากไม่ผ่าน 3,250-3,365 ดอลลาร์ ตัดขาดทุนสถานะขายหากราคาผ่าน 3,365 ดอลลาร์ ซื้อคืนถ้าราคาไม่หลุด 3,300-3,289 ดอลลาร์
ปิดท้ายที่ GCAP Gold มองว่า ราคาทองคำทะยานขึ้นเหนือระดับ 3,300 ดอลลาร์ ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ฟื้นตัว และแรงขายดอลลาร์สหรัฐฯ ที่กลับมาอีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาการคลัง ของสหรัฐฯ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ขณะเดียวกัน สัญญาณเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ช่วยหนุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดดอกเบี้ยในปี 2025
โดยนักวิเคราะห์คาด Fed จะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้ง ในปีนี้ แม้ว่าบันทึกการประชุม FOMC เดือน พ.ค. สะท้อนความลังเลและท่าทีรอดูข้อมูลเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ Fed หลายคนยังเห็นว่า หากภาวะตลาดแรงงานแข็งแกร่งและเงินเฟ้อลดลง การลดดอกเบี้ยจึงจะเหมาะสม
กลยุทธ์การลงทุน แนะรอซื้อที่ 3,294 ดอลลาร์ มีแนวรับที่ 3,294 / 3,289 และ 3,284 ดอลลาร์ มีจุด stop loss ที่ 3,280 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 3,332 / 3,337 และ 3,342ดอลลาร์
มาดูประเด็นเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้
วันจันทร์ที่ 2 มิ.ย. มีตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย เดือน พ.ค. จาก S&P Global คาดจะคงที่ ที่ระดับ 52.3 ขณะที่ดัชนีภาคการผลิต เดือน พ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) คาดอยู่ที่ 49.3 จากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 48.7
ส่วนวันอังคารที่ 3 มิ.ย. มีตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน เม.ย.
วันพุธที่ 4 มิ.ย. มีตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน เดือน พ.ค. จาก ADP , ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย เดือน พ.ค. จาก S&P Global และ ดัชนีภาคบริการ เดือน พ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM)
ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 5 มิ.ย. มีตัวเลข จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
และปิดท้ายในวันศุกร์ 6 มิ.ย. จะมีตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน พ.ค. ซึ่งคาดว่าจะลดลงเหลือ 130,000 ตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 177,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานคงที่ที่ระดับ 4.2%
อ่านเพิ่มเติม https://goldaround.com/?p=48960
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
