3 มิ.ย. เวลา 06:51 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Mad Unicorn สงครามส่งด่วน (Spoil แบบไม่กั๊ก)

"สงครามส่งด่วน" Series original by Netflix เรื่องใหม่จาก GDH ที่ทำแสดงโดยนักแสดงมากฝึมืออย่างไอซ์ซึ ที่ทุกคนคงเคยได้เห็นบทบาทผ่านการแสดงมาบ้างอย่าง The voice TH หรือว่า One for the road ทำให้พอรับประกันได้ว่าซีย์รี่ย์เรื่องนี้ต้องน่าสนใจ และเป็นผลงานการกำกับของ ณฐพล บุญประกอบ ที่มีผลงานการเขียนบทที่น่าสนใจจากหนังหลายเรื่อง อาทิ Suck seed ห่วยขั้นเทพ, เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ เป็นต้น
1
มาดูคำโปรยเค้าบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจแบบ Base on true strory ทำให้เรื่องราวยิ่งน่าสนใจไปอีก จึงกดดูเลยแบบไม่ลังเล ปรากฏว่าลากยาวตั้งแต่ 5 ทุ่ม ยันตี 5
พล๊อตเรื่องว่าด้วยการทำสงครามธุรกิจขนส่งในไทย ช่วงปี 2556-2564 โดยประมาณ ก่อนที่การขนส่งในไทยจะบูมเท่าทุกวันนี้ จากเด็กดอยผู้มุ่งมั่น ปั้นแบรนด์จากศูนย์จนแบรนด์ได้ขึ้นเป็น start up unicorn หรือคือเป็นบริษัท "สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ากิจการเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35,000 ล้านบาท) โดยยังไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์" แค่ฟังตัวประวัติก็ขนลุก
Mad Unicorn สงครามส่งด่วน สปอยล์แบบไม่กั๊ก เริ่ม!
***คำเตือน เนื้อหาทั้งหมดยาวมาก เนื่องจากไม่ใช่หนังแต่เป็นซีรีย์ทั้งหมดที่กินความยาว 7 ตอน คนเขียนเหงื่อตกเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้***
2
แต่ถ้าใครอยากข้าม part สปอยล์ไปอ่าน เรื่องไหนจริงไม่จริง บทวิเคราะห์ สัมภาษณ์นักแสดง part หลังสุดได้เลยนะ
สันติ (ไอซ์ซึ) เด็กดอยลูกครึ่งไทย-จีน ผู้มุ่งมั่น ทำงานอยู่เหมืองทรายที่เชียงราย กับเฮียเจ้าของเหมือง ทุกคนจะพบว่าเค้าสามารถสื่อสารภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว จากการสื่อสารเป็นล่ามให้กับเถ้าแก่ที่พูดไทยไม่ได้เลย เค้าต้องเป็นสื่อกลางระหว่างนายทุนไทยที่กำลังจะมาเอาเปรียบเถ้าแก่ และพบว่าเหมืองกำลังมีปัญหา
1
สันติได้มีโอกาศไปเค้าฟังคลาสของนักธุรกิจไทยรายใหญ่ เจ้าสัวคณิน ที่มีมุมมองทางธุรกิจที่ว่า ถ้าเราอยากรวย เราต้องไปหาของขายในสิ่งที่คนต้องการ และเราต้องไปเป็นหัวแถวของคนขายสิ่งนั้น
เจ้าสัวถามคนในคลาสว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะขายอะไรให้ผมตอนนี้ อะไรที่ผมไม่มี นักศึกษาตอบคำถามไปต่างๆกัน แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสัวต้องการ
สันติเลือกที่จะยกมือตอบคำถามไปว่า "เก้าอี้ครับ เพราะเห็นเฮียยืนอยู่นานแล้วน่าจะเมื่อย" คณินสนใจคำตอบและเห็นว่าจริง จึงถามว่าจะขายเท่าไหร่?
สันติเริ่มต้นขายเก้าอี้ที่ หนึ่งหมื่นบาท แต่ไม่นานก็ถูกตัดราคาไปเรื่อยๆ จนในที่สุด เจ้าสัวถามว่า แล้วคุณจะขายให้ผมได้ยังไง ถ้าคนขายเยอะขนาดนี้ และราคาถูกกว่า
สันติตอบไปว่า "แต่ถ้าเก้าอี้ทุกตัวเป็นของผม ราคาแค่ไหนเฮียก็ต้องจ่ายใช่ไหมครับ" คำตอบสกิดใจคณินและอยากรู้คณะของสันติ
สันติตอบไปว่า "คณะเหมืองทรายครับ"
หลังจากเข้าคลาส สันติได้ไอเดียที่จะไปช่วยเฮียที่เหมืองทราย โดยการไปติดต่อเหมืองทรายอื่นๆ ให้เข้าร่วมกับตน และขายทรายให้กับนายทุนด้วยราคาที่สูงขึ้นได้ ทำให้เหมืองทรายของเถ้าแก่รอดจากวิกฤต สันติได้รับเงินเดือนที่มากขึ้น แต่ฝันเค้าสูงกว่านั้น
ลื้อจะเอาเท่าไหร่ "1 กิโลกรัม"
สันติเลือกจะเดินตามฝันโดยขอยืมเงินเถ้าแก่ไปเป็นทุน 1 กิโลกรัม
โดยสัญญากับเถ้าแก่ไว้ว่าจะหาเงินให้ได้ 100 กิโลกรัม
ชีวิตบนดอยของสันติไม่ค่อยสงบสุขนัก เค้ามีแก๊งเพื่อนที่รักกัน แบบกองโจร
มีชีวิตแบบเด็กแว๊นต่อยตีกับ เด็กบ้านอื่นอยู่เป็นประจำ มีอยู่ครั้งที่เค้าต้องเข้าคุก เพราะน้องชายไปฟันเด็กคนอื่น บาดเจ็บสาหัส แล้วสันติรับผิดแทน
1
สันติเข้ากรุงเทพ แต่ยังคงความสมถะเหมือนเดิม เค้าส่งเงินให้แม่กับน้องใช้ไม่เคยขาด เค้าใช้ความสามารถภาษาจีนที่มี เริ่มต้นงานใหม่เป็นไกด์ทัวร์จีน
ระหว่างที่ทำงานนั้นเองเค้าได้พบกับ Jimmy เซลล์ขายคอนโดที่ห้อยทองเต็มตัว
ด้วยความสันติอยากจะรวยแบบพี่เค้าบ้าง จึงขอ ห้องคอนโดมาช่วยขาย แต่ก็ต้องจ่ายแป๊ะเจี๊ยะไป 1 ล้านบาท แลกกับคอนโด 40 ห้อง ห้องละ 10 ล้านบาท
สันติเริ่มเร่ขายคอนโดให้ชาวจีนในทัวร์ แต่ก็ต้องพบว่ามันยากกว่าที่คิด จนไปเจอกับเศรษฐีจีนคนนึงที่มากับพี่สาวไทย และต้องการล่ามแปล
พี่สาวไทยของเสี่ยขอให้สันติไปหาลิปสติกมาให้เธอ เนื่องจากเธอไม่ได้พกมา และปากซีดมาก โดยให้นิยามลิปสติกที่อยากได้ว่า ใครทาแล้วสวยก็ให้ไปขอคนนั้น
และนั่นเองทำให้เค้าได้พบกับ เสี่ยวหยู ความสวยของเธอเตะตาสันติก่อน และยิ่งน่าสนใจเมื่อพบว่าเธอพูดไทยได้ สันติขอยืมลิปสติก แต่.. จะมีผู้หญิงคนไหนให้ยืมลิปสติก สันติจึกเสนอว่าจะขอซื้อ
3500 ค่าลิปสติก
"3500 ค่าลิปสติก"
"แต่ลิปสติกนี้คุณใช้ไปแล้วควรจะลดให้ผมหน่อย"
"จริงๆลิปสติกชั้น 1500 แต่ชั้นอยากขายคุณ 3500 จะเอาไม่เอา"
สันติที่มีเงินติดตัวอยู่แค่พันเดียว เลยให้เงิน 1000 บาทติดไว้ก่อนพร้อมนามบัตร
แล้วนัดเสี่ยวหยูอีกทีตอนเย็น เพื่อจ่ายเงินที่เหลือ
(ความเห็นผู้เขียน : แผนสูง...)
แต่ในที่สุดคืนนั้นเค้าก็ไม่ได้ไปพบเธอ เพราะมีภารกิจสำคัญที่ต้องช่วยเสี่ย นั่นก็คือการเป็นล่ามให้เสี่ยระหว่างทำภารกิจกับพี่สาวไทย เสี่ยบอกว่าห้องที่ได้มาขายอะมันเป็นห้องที่โลเคชั่นแย่ทั้งหมด มันถึงขายออกได้ยาก สันติโดยหลอกแล้ว
แต่ถ้าช่วยอยู่แปลให้จะชวนไปงานปาตี้วันเกิดที่จีน ที่นั่นจะพบกับเพื่อนเสี่ยที่สนใจอสังหา ถ้าเอ็งอยากไปลองขายก็ขายได้เลย ต้องมีซักคนแหละที่ซื้อ...
สันเดินทางไปตามคำเชิญของเสี่ย พบว่าที่งานเลี้ยงในห้องหรูสวนตัวของเสี่ยมีเจ้าสัวคณินอยู่ที่นั่นด้วย สันติ เดินไปทักทาย เจ้าสัวจำได้ว่าเจ้าหนุ่มนี่จากคณะเหมืองทรายนี่หว่า น่าสนใจๆ
สันติบุกหาเสี่ยแล้วเริ่มนำเสนอคอนโดที่จะขายแทบจะในทันทีที่เจอ ไม่มีใครสนใจห้องราคา 10 ล้านแม้แต่คนเดียว ไม่พอยังดูถูกเหยียดหยาม สันติหมดหนทางจึงท้าพนันกับเสี่ย ด้วยตัวเองจะดื่มเหล้าของเสี่ย 40 แก้ว
แก้วแล้วแก้วเหล้า ที่สันซัดใส่ปากของตัวเอง จาก 10 เป็น 20 แก้ว จนกลายเป็นการพนันระหว่างหมู่เพื่อนของเสี่ย สันพยายามอย่างถึงที่สุดจนสลบไป..
ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาพบกับบาร์ที่ว่างเปล่า สายเข้าจากเสี่ย และเค้าก็ได้รู้ความจริงว่า แก้วที่ 30 เค้าก็ลงไปไปกองไม่เป็นท่า เสี่ยบอกเค้าว่าไปเมืองอื่นในจีนแล้ว ส่งจานข้าวหมาตามมาให้หน่อย..
***ที่ไปรษณีย์จีนนั้นเองที่เค้าได้ค้นพบว่า ขนส่งขั้นต่ำของจีนเริ่มต้นแค่ 25 บาท ทั่วประเทศ หัวใจของเด็กหนุ่มพองโต คิดว่านี่แหละคือโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
วันนั้นเองสันต้องขึ้นเครื่องบินกลับไทย ปรากฏว่าที่นั่งของเค้าถูกอัพซีท ให้ไปอยู่ในชั้น first class โดยเจ้าสัวคณิน ที่เห็นเค้าที่เกทเลยตัดสินใจอัพให้ จะได้มานั่งด้วยกัน
1
สันติด้วยความตื่นเต้น เค้าขอบคุณเจ้าสัว และเล่าว่าเค้านี่แหละที่จะกลายเป็นหัวแถวในไทยจากไอเดียธุรกิจที่เค้าปิ๊งขึ้นมาได้ก่อนหน้านี้
1
***เจ้าสัวขอจ่ายค่าเสือกฟังไอเดียนี้ด้วยการเหมาห้องคอนโดทั้งหมด 40 ห้อง ของสัน (ห้องละ 10 ล้าน) สันไม่รีรอรีบเล่าสิ่งที่เค้าเจอให้กับเจ้าสัวฟัง เจ้าสัวเชื้อชวนสันให้มาร่วมกันสร้างธุรกิจนี้ในทันที พร้อมกับบอกว่านี่มันธุรกิจหมื่นล้าน
ไม่ใช่แค่ 1000 ล้าน แต่หมื่นล้าน
สันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณินกรุ๊ปในทันที ด้วยตำแหน่งว่าที่ CEO โปรเจค easy express ขนส่งใหม่ที่จะครอบคลุมทุกพื้นที่ด้วยราคาที่ถูกลง คณินมอบนาฬิกาหรูเรือนนึงไว้ให้สันติเพื่อเป็นของขวัญสำหรับงานนี้
แต่ก่อนจะเริ่มโปรเจคต้องระดมทุนให้ได้ซะก่อน จากบริษัทยักษ์ใหญ๋ในจีน โดยนายทุนใหญ่ส่งทีมงานมาตรวจลงพื้นที่ เพื่อดูการขยับขยายของการขนส่งในไทย
หนึ่งในทีมงานจากจีนนั้นเอง ทำให้สันได้พบกับ เสี่ยวหยู(เจนเย่) อีกครั้ง เสี่ยวหยู ดูไม่ค่อยชอบใจในการกลับมาพบกันอีกครั้งเท่าไหร่ จากไกด์ทัวร์จีนที่หลอกเอาลิปสติกเธอไป มาเป็นว่าที่ CEO โครงการระดับ 100 ล้าน สันติพยายามเข้าจีบเธอ แต่ก็ต้องได้พบความจริงว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว
สันเอาชนะใจนายทุนใหญ่จากจีนด้วยเรื่องเล่าในวัยเด็กของเค้า เกี่ยวกับมาม่าที่เค้ากินเป็นประจำบนดอย ทุกวันเค้าจะต้องไปซื้อมาม่าในราคา 7 บาท แต่เค้าพบว่า วันนึงที่เค้าลงมาจากดอยและมาซื้อมาม่าที่ตีนดอยนั้น มาม่าราคาเพียงแค่ 5 บาท..
และนั่นเป็นเพราะการขนส่ง ถ้าการขนส่งทั่วถึง
สิ่งต่างๆก็จะถูกลง ทุกคนก็จะเข้าถึงได้
นายทุนใหญ่จากจีนสนใจในตัวชายหนุ่มคนนี้มาก*** และเกือบที่จะตกลงในข้อเสนอร่วมทุนในทัน แต่ถูกเสี่ยวหยูเบรคการตัดสินใจไปซะก่อน
สันจึงหาเวลามาคุยกับเสี่ยวหยูและได้ทราบว่าเธอจับได้ว่าเค้าจ้างคนไปต่อแถวส่งของเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เหล่าผู้บริหารจากจีนเห็น สันติที่หมดหนทางจึงไปเล่าให้เจ้าสัวคณินฟัง เค้าเสนอเช็คให้สันติ 2 ล้าน เพื่อไปให้เสี่ยวหยู และให้ชวนเธอมาร่วมงาน
สันติเอ็นเตอร์เทนทีมเสี่ยวหยูอย่างดีพาไปเล่นโต๊ะพนันในยามราตรี แต่ไม่ว่าจะทำดียังไงก็ดูเหมือนว่าเสี่ยวหยูจะไม่มีทีท่าจะดีกับเค้าเลย
การเจรจาครั้งนี้คงต้องล้มเหลว...ก่อนที่จะจบคืนนี้ไป และไปตัดสินชะตากันในวันรุ่งขึ้น สันติเลือกที่จะก้มหัวขอโทษกับเสี่ยวหยู และสารภาพว่าเค้าจ้างคนไปต่อแถวเพื่อสร้างภาพจริงๆ เค้าทำเองคนเดียว และเค้าขอโทษ ได้โปรดยกโทษให้กับเค้า แทนที่จะควักเช็คจากเจ้าสัวคณินให้เธอ
เช้ารุ่งขึ้นเจ้าสัวคณินพบสันติในห้องประชุมคณะกรรมการใหญ่แต่เช้า พร้อมขวดแชมเปญหลายขวด สันติบอกเจ้าสัวว่า เค้าไม่ได้ทำตามแผน (2 ล้าน) และเล่าว่าเค้าทำยังไง เจ้าสัวหงุดหงิดไป 1 ยก และบอกว่าจะให้เค้าฝากความหวังไว้กับลมปากอย่างงั้นหรอ
การเจรจาครั้งสำคัญเริ่มต้นขึ้น สันติและเจ้าสัวได้รับข่าวดีอย่างรวดเร็ว
สันติโคตรตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งใหม่ เค้าที่จะได้เป็น CEO และ ผู้ถือหุ้น 19% ในบริษัทขนส่งที่มีทุนร่วม 100 ล้านบาท
ก่อนกลับเค้าได้ไปสูบบุหรี่ที่ลานจอดรถ พร้อมกับยืมไฟแช็คชายหนุ่มแปลกหน้าหน้าตาดีที่นั่งอยู่ก่อน สันติเอ่ยชมไฟแช็คอย่างเสียไม่ได้ ชายแปลกหน้าเล่าว่าสิ่งนี่เป็นไฟแช็คสั่งทำ ปรกติเค้าไม่ค่อยให้ใครยืมเพราะมันชอบไม่ได้คืน
สันติรีบคืนไฟแช็คให้ พร้อมให้ทุกคนเป็นพยานว่าเค้าคืนแล้วน้า
สันโม้ถึงความโชคดีของเค้าในการเจรจาวันนี้ และฝันที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองในอนาคต
1
หลังจากบทสนทนาจบลงชายหนุ่มเดินจากไป สันติจึงได้รู้จักเค้าจากคนรอบข้างว่า คนนี้คือ "เคน" ลูกชายของเจ้าสัวคณิน โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่า เคน คนนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อตัวชีวิตเค้าในอนาคตอันใกล้นี้เป็นอย่างมาก
ในขณะที่ความฝันของเค้ากำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา
หน้าจอโทรศัพท์เป็นชื่อของเสี่ยวหยู สันติรีบรับโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี...
เสี่ยวหยูรีบบอกให้สันติทำใจเย็นๆ เพราะนี่คือเรื่องใหญ่ และไม่รู้ว่าเค้ารู้หรือยัง ว่าทางคณินกรุ๊ปกับบริษัทในจีนตัดสินใจเพิ่มทุนขึ้น เป็น 1000 ล้านบาท ทำให้มูลค่าหุ้นของสันติลดลงเหลือเพียงแค่ 1.9% และจะจัดงานแถลงข่าว โปรเจค EASY EXPRESS วันนี้ พร้อมกับเปิดตัว CEO คนใหม่
5
สันติรีบแจ้นไปงานแถลงข่าวด้วยความหัวร้อน และพบว่า CEO คนใหม่ของบริษัท EASY EXPRESS คือ "เคน" ชายหนุ่มที่เค้าพึ่งเจอวันก่อน
สันถูกลากออกจากงานเนื่องจากสร้างความปั่นป่วน เจ้าสัวคณินบอกว่าเค้าว่าการเพิ่มทุนมันเป็นเรื่องปรกติของการลงทุน และทางบริษัทแม่คงไม่ยอมให้ใครก็ไม่รู้มาขึ้นเป็น CEO ของโปรเจค 1000 ล้าน
สันรวบรวมไฟแค้นติดต่อเสี่ยวหยู และบอกเธอว่าเค้าจะสร้างบริษัทขนส่งขึ้นมาเองแล้ววันนึงเค้าจะไปเหยียบหน้าคนที่หักหลังเค้า
เสี่ยวหยูแนะนำโปรแกรมเมอร์อัจฉริยะ ที่พึ่งถูกบริษัททุนใหญ่หักหลังมาเหมือนกัน ให้สันได้ทำความรู้จัก และนั่นเองเค้าได้พบกับ "รุ่ยเจี๋ย" อัจฉริยะ IT ที่ฝึมือดี แต่ปากเสียอย่างหาที่สุดไม่ได้
สันใช้วิธีบ้าดีเดือดทุกทาง เพื่อซื้อใจ รุ่ยเจี๋ย ให้มาเป็นพวกจนสำเร็จ
พาร์ทของเสี่ยวหยูที่จีน... เสี่ยวหยูกำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัวกับแฟนหนุ่มเลียม นักธุรกิจหน้าตาดี อบอุ่น และรักเสี่ยวหยูมากๆ แต่ก็ต้องมาพบว่า บ้านสมัยเด็กของเธอกำลังจะถูกยึดจากหนี้ที่พ่อเธอเป็นคนสร้าง
เสี่ยวหยูตัดสินใจเข้าร่วมทีมกับ สันติ และ รุ่ยเจี๋ย เพื่อหาเงินใช้หนี้ โดยรับหน้าที่เป็น CFO ดูและด้านการเงินของบริษัททั้งหมด
บริษัท SC EXPRESS ถือกำเนิดขึ้น พวกเค้าเช่าโรงแรม
3 หัวหอก พร้อมลูกทีม it 5-6 คน นั่งทำโปรแกรมกันทั้งวันทั้งคืน แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะ launch ตัวบริษัทและ application ต่างๆได้ มันยังต้องใช้ทุนมหาศาล
บริษัทเราจะอยู่ตรงนี้
สันติกับเสี่ยวหยูออกล่าทำความรู้จักนักธุรกิจชั้นนำหลายวงการ เพื่อหาผู้ร่วมทุน หลายคืนที่ทั้งทีมอดตาหลับขับตามนอน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะมีนายทุนคนไหนร่วมลงทุน บวกกับทีมไอทีที่เริ่มจะหมดความอดทนกับรุ่ยเจี๋ยที่หยาบคายไม่เลิกและไม่เห็นใจเพื่อนร่วมงาน อย่าง "ลีนุกซ์" สาวไอทีที่ต้องขอลาไปหาแม่ที่ รพ. แต่รุ่ยเจี๋ยกับพยายามไล่เธอออก
ในที่สุดก่อนที่ความหวังจะหมดลงเพราะเงินไม่มีแล้ว เสี่ยวหยูก็ได้รับโทรศัพท์จาก Alice Wang มหาเศรษฐีจากจีน ที่กำลังจะไม่อยู่ไทยแล้วภายในไม่กี่ชั่วโมง พวกเค้าต้องเข้าเกทเพื่อไปเจรจากับเธอ เพราะเป็นความหวังสุดท้าย
จากตอนแรกที่ สันติ 65% รุ่ยเจี๋ย 30% เสี่ยวหยู 5%
Alice ขอหุ้น 15% แลกกับทุนที่เธอจะให้ 100 ล้าน สันติจำยอมเพราะหมดหนทาง
พร้อมกับ comment จาก Alice ว่าเธอไม่ชอบชื่อบริษัท เปลี่ยนมันหน่อยเถอะ***
2
ทีมพากันไปฉลองจุดเริ่มต้นของบริษัทในครั้งนี้ด้วยการไป outing ที่ทะเล
สันติอยากให้ทุกคนสนิทกันจึงวางแผนให้ทุกคนโดดทะเล และให้เรือทิ้งพวกเค้าไว้เป็นเวลา 1 ชม ซึ่งมันได้ผล ทุกคนดูสนิทสนมกันมากขึ้นหลังจากที่ผ่านช่วงเวลาความเป็นความตายมาด้วยกัน
ขณะที่กำลังสนทนากับเสี่ยวหยูบนเรือที่กำลังจะขับฝ่าพายุดำครึ้ม เค้าก็ได้ปิ๊งไอเดียชื่อใหม่ของบริษัทขึ้นมา****
เป็นไงพึ่งสั่งทำมาใหม่เลยติดวันนี้
โกดังใหม่พร้อมป้ายโลโก้ตัวใหญ่ "TUNDER EXPRESS" สันติอวดอีก 2 หัวเรือ ด้วยความภาคภูมิใจ แต่ก็ต้องโดนด่ากลับมาว่า ตัว "H" หายไปไหน ขยันแต่โง่นี่ทำให้เพื่อนเหนื่อยใจจริงๆ
THUNDER EXPRESS เริ่มต้นด้วยทีมเด็กแว๊นดังเดิมจากบนดอย เพื่อนสมัยเด็กของสันติที่ขึ่รถลงมาช่วยงานตามคำเรียกร้อง พร้อมกับธงน้องชายของสันติก็มาด้วย
ทุกคนเริ่มออกส่งของพร้อมมอบโปรโมชั่นให้กับร้านค้ารายใหญ่ต่างๆถ้าเค้ายอมมาผูกขาดการขนส่งกับธันเดอร์ โดยบริการที่ธันเดอร์ไม่เหมือนกับเจ้าอื่นคือการที่ พร้อมไปรับส่งพัสดุถึงที่!!!
ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นหลังจากธันเดอร์ส่งของไปได้ซักพักคือ โกดังเก็บสินค้ากำลังจะเต็มเนื่องจากมีพัสดุคงค้างมากเกินไป เนื่องจากไปส่งหลายทีแล้วไม่มีผู้รับ ไรเดอร์ต่างๆเริ่มบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านที่เค้าไปส่วนใหญ่เป็นบ้านร้าง
สันติแกะห่อพัสดุคงค้างมานานดู และพบว่าเป็นก้อนหิน เค้าและทีมจับ pattern ได้ว่าบ้านร้างที่ส่งไปส่วนใหญ่คือบ้านที่ถูกยึด เค้ารีบแก้ไขและใส่ข้อมูลบ้านที่ไม่มีผู้รับลงไปในระบบเพื่อไม่ให้ไรเดอร์เสียเวลา
อันไหนปลอมอันไหนจริง
สันติตัดสินในรวบร่วมพัสดุปลอมทั้งหมดมากองรวมกันหน้าบริษัทและจุดไฟเผาเอาความสะใจ และประกาศสงครามกับใครก็ตามที่ทำเรื่องนี้กับเค้า
เบื้องหลังการกลั่นแกล้งทั้งหมดมาจาก เคน CEO คนใหม่ของ EASY EXPRESS ที่ในที่สุดก็ต้องมาลงสนามรับพัสดุถึงบ้าน เลียนแบบธันเดอร์
การแข่งขันครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ "Molly" บริษัท application ขายสินค้ายักษ์ใหญ่ประกาศว่าจะคัดเลือก บริษัทขนส่งที่เหมาะสมจะมาร่วมเป็น partner เป็นระยะเวลา 1 ปี และวันชี้ชะตาคือหลังจากวันที่น้กช้อปจะซื้อของกันมากที่สุดคือ 11.11
ธันเดอร์ทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้ติดเป็น 1 ในทีมที่จะได้เข้ารอบ โดยการ ลดราคาขั้นต่ำของการขนส่งลงเหลือเพียง 19 บาทในสาขาที่เปิดใหม่ จากเพดานราคาที่ควรเป็น 25 บาท
เจ้าสัวคณินนัดคุยกับสันติ และไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ จะทำให้เค้าแย่เอา แต่สันติด้วยความหัวร้อน บ้าดีเดือด จึงตัดสินใจปรับราคาเป็น 19 บาทขั้นต่ำทุกสาขา
การตัดสินใจนี้ เสี่ยวหยูไม่เห็นด้วยเลย จากการประมาณการณ์งบของเธอ สิ่งนี้จะทำให้บริษัทอยู่ไปไม่ถึงวันที่ 11.11 ด้วยซ้ำ
สันติจึงตัดสินใจปรับลดเงินเดือนของพนักงานทุกคนลง!!! ความกดดันเพิ่มมากขึ้นมหาศาลจากเหตุการณ์นี้ ไรเดอร์ เริ่มโกงบริษัท ทำให้สันติต้องตัดสินใจไล่เพื่อนสมัยเด็กออกจากงาน
สันติที่สถานการณ์กำลังย่ำแย่ ถูกขู่ฆ่าด้วยการวางกระสุนหนึ่งนัดไว้หน้ารถ เพราะกับกับคำขู่ว่า ชีวิตของเค้ามันก็แค่กระสุนเม็ดเดียว
เค้าสืบจากกล้องวงจรปิดจนพบว่าคนที่ทำแบบนี้คือ น้องชายแท้ๆของเค้าเอง "ธง"
สันกับธงปรับความเข้าใจกัน (แบบลูกผู้ชาย) ธงได้รับมอบหมายงานที่ใหญ่ขึ้นด้วยการได้เป็นหัวไรเดอร์ เพื่อที่จะให้เค้าได้เข้าใจความสำคัญของหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
***เลียม เสียวหยู***
เลียมคู่หมั่นเสี่ยวหยูมาไทย และได้พบกับสันติ ในระหว่างมื้ออาหาร ทั้งคู่มีปากมีเสียงกัน เลียมเก็บกระเป๋าออกจากห้องของเสี่ยวหยู ให้เสี่ยวหยูได้ใช้เวลาคิดและติดต่อกลับหาเค้าเอง เสี่ยวหยูติดต่อเลียมอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดและขอโอกาสกับธุรกิจนี้ที่เธอเชื่ออีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย เลียมทีไม่ได้หายไปไหนและเค้าเช่าห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อคอยดูเสี่ยวหยูห่างๆ อย่างห่วงไย
1
ในตอนที่ไม่เหลือทุนแล้ว เสี่ยวหยูตัดสินใจออกจากบริษัทไปพบกับ Alice อีกครั้งเพื่อขายหุ้นทั้งหมดของเธอให้ Alice และนำเงินทั้งหมดมาให้ ธันเดอร์ยืม 34 ล้าน เพื่อไปให้ถึงวันที่ 11.11 ด้วยความหวังที่เชื่อว่าธันเดอร์จะต้องชนะการแข่งขันนี้
ทุกคนมุ่งหน้าไปยังวันที่ 11.11 แบบไม่หันกลับหลัง
ในที่สุดสันก็คิดไอเดียดีๆออกที่จะเป็นแคมเปญกระตุ้นยอดขายในวันที่ 11.11 นี้ เค้าเล่าแผนให้กับทุกคนในทีมฟัง และเตรียมตัวสำหรับ Big day ที่จะถึง..
11.11
แผน "สั่งวันนี้ ได้พรุ่งนี้"
THUNDER พบว่า EASY เองก็ใช้แคมเปญแผนนี้เหมือนกัน (ทำไม?) แต่วันนี้เป็นไงเป็นกัน ยังไงพวกเค้าก็ต้องชนะ ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมหมดเแล้ว ทั้งรถทั้งคนทั้ง application ที่ดูเหมือนจะไม่มีข้อผิดพลาดทุกอย่าง perfect
แต่ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ
รุ่ยเจี๋ย ที่พึ่งตัดสินใจแบ่งหุ้นในส่วนของตัวเองให้กับทีม IT ในตอนเช้า พบว่า ลีนุกซ์ หนึ่งในทีมของตัวเองนี่แหละที่เป็นหนอนบ่อนไส้ และกำลังจะรีเซตระบบสายพานทั้งหมดของโกดัง และเธอก็ได้ทำมันจริงๆ
ระบบการขนส่งภายในโรงงานหยุดชะงัก รุ่ยเจี๋ยแจ้งว่าต้องใช้เวลารีเซตระบบถึง 20 ชม ถึงจะทำการรันระบบใหม่ได้
สันและทีมหมดหนทางเค้าจึงให้ทุกคนโทรเรียกใครก็ได้ที่รู้จักมาที่โรงงาน ใช้แรงงานคนแทนแรงงานเครื่องจัก ให้การส่งพัสดุมันยังไปต่อได้
อุปสรรคยังไม่หมดแค่นั้น รถบรรทุกเปล่าถูกจ้างไปอยู่เฉยๆที่ EASY ด้วยความตั้งใจของเคน EASY ส่งของหมดแล้ววันนี้ ด้วยยอดที่สูสีกันกับ THUNDER
แต่ ธันเดอร์ยังมีพัสดุอีกมากที่ยังไม่ถึงปลายทาง เสี่ยวหยู ตัดสินใจขนส่งพัสดุที่คงค้างด้วยเครื่องบิน กับไฟลท์ FX186
เคน ได้รับข่าวนี้จากหนอนอีกคนในธันเดอร์ และรีบขัดขวางการเดินทางไปยังสนามบินทุกวิธี ด้วยการตั้งด่านตรวจเผื่อยืดเวลาให้ช้าลง
***คณินที่ได้ฟังเรื่องนี้จากลูกชาย เดินทางไปหาเพื่อนเก่าที่ตึก sky tower ทันที
รถส่งของธันเดอร์ทุกคันถูกด่านโบก และต้องไปตรวจเช็คทั้งคนขับ และสมุดรถ รถของสันติผ่านไปได้ด้วยดี รถบางคันที่ต้องจอด ได้รับการช่วยเหลือจากรุ่ยเจี๋ยที่เรียกไรเดอร์คนอื่นๆในบริเวณใกล้เคียงไปรับของแล้วขี่กันต่อไปสนามบิน
แต่รถของธงเองหาสมุดรถไม่เจอ ด้วยความช่างสังเกตของธงพบว่าหนึ่งในทีมงานของเค้าเนี่ยะแหละที่แอบหยิบสมุดรถใส่กระเป๋าไว้ให้พวกเค้าหาไม่เจอ และนี่คือหนอนบ่อนไส้อีก 1 คนในทีม
สันติขับรถต่อคนเดียว แล้วก็ต้องพบกับอุบัติเหตุ เคน คิดว่าเค้าชนะศึกนี้แล้ว
***คณินไม่นิ่งนอนใจ เค้าคุยกับเพื่อนบนยอดตึกระฟ้า ขอให้เจ้าของสายการบินเคลียร์พัสดุของธันเดอร์ออกจากไฟลท์ FX186 ให้หมด เพื่อนคณินรับปากทำตาม..
1
สันติที่สภาพสะบักสะบอมจากรถบรรทุกคว่ำเดินเก็บพัสดุที่ร่วงจากรถ และติดต่อกลับหาทีมให้ส่งคนมารับ แต่หมดแล้ว ทีมไรเดอร์ที่มีแถวนั้นไม่มีแล้ว
ในขณะที่หมดแล้วซึ่งความหวัง บอม และเพื่อนแว๊นจากยอดดอย ขี่มอเตอร์ไซค์มารับสันไปยังสนามบิน พร้อมกับบอกว่าไม่ต้องดีใจไป นี่มาช่วยธง
เครื่องบินออกไปแล้ว สันต้องนั่งเครื่องบินแบบเป็นผู้โดยสารไปส่งของที่เหลือเอง
สภาพไปเกท
***เพื่อนของคณินแจ้งว่า พัสดุของธันเดอร์ในไฟลท์ FX186 มีอยู่กล่องเดียวเท่านั้นถูกไฟลท์หรือเปล่า
((ก่อนเริ่มแผนนี้เสี่ยวหยูและสันได้คุยกันก่อนว่า เสี่ยวหยูจะต้องไม่บอกใครเรื่องไฟลท์ที่จะขนส่งครั้งนี้ เพราะสันคิดว่าเราอาจจะยังมีหนอนในทีมอีก และไฟลท์ที่ถูกต้องคือ FX184))
สันถูกปลุกจาก รพ ขึ้นมาฟังผลตัดสินของ Molly !!!!!!!!!!!!
ผลจากการประเมินทั้งหมดสรุปได้ว่า THUNDER EXPRESS จะได้เป็นพาร์ทเนอร์กับทาง Molly เป็นเวลา 1 ปี***
EASY EXPRESS ถูกซื้อกิจการโดยจีน และปลด CEO ลง เคน เลือกที่จะก้าวไปสร้างชีวิตของตนเอง โดยการออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทของพ่อ
สันตัดซื้อภาพไก่จากเจ้าสัวคณิน ราวกับเป็นสัญลักษณ์ว่าเค้าถอนขนไก่สำเร็จอีกครั้งแล้ว
เถ้าแก่เหมืองทรางให้ลูกชายอ่านข่าวสันติกับธุรกิจของเค้าที่ได้ระดมทุนจนได้ขึ้นเป็น unicorn บริษัทแรกของไทย
เวลาผ่านไปซักพัก สันติในชุดสูทเรียบร้อยไปพบเสี่ยวหยูที่จีนพร้อมกดกริ่งและบอกเธอว่าเค้ามาส่งพัสดุ เสี่ยวหยูที่กำลังทำอาหารรีบหยุดมือออกมารับ สันติยื่นเช็คให้ด้วยเสี่ยวหยูด้วยจำนวนเลขที่เขียนบนเช็ค 200 ล้าน เค้าไม่ได้อยู่กินข้าวด้วยกัน ได้แต่ร่ำลาว่ามีธุระต้องไปต่อ พร้อมรอยยิ้ม
จบ.
หมายเหตุ :
เนื้อหาทั้งหมดเล่าจากความทรงจำ ถ้ามีผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมานะที่นี้
จริงไม่จริง ใน "พัสดุส่งด่วน Mad Unicorn"
จากที่ฟังบทสัมภาษณ์ของ คุณไก่ ผู้กำกับสรุปได้ว่า
นี่ไม่ใช่หนังชีวประวัติ เป็น fiction ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง การทำงานครั้งนี้คุณไก่ได้ไปสัมภาษณ์ทาง CEO ของ Flash express อยู่ 4 ชม. เพื่อรวบรวม element ต่างๆมาประกอบกันเพื่อสร้างพลอตเรื่องทั้งหมด
การก่อตั้งเกิดขึ้นจริง ตัวละคร สันติ มาจากคุณคมสันต์จริง ตัวของรุ่ยเจี๋ยเทพไอทีที่ไม่ได้มีดีแค่ปาก ก็มาจาก โปรแกรมเมอร์ตัวจริงที่ชื่อเหว่ยเจี๋ย ซึ่งคุณคมสันต์ให้คอมเม้นไว้ว่า ตัวจริงยิ่งกว่านี้ 1000%
การถูกหักหลังมีเกิดขึ้นจริง แต่เจ้าสัวคณิน กับเคน คุณไก่บอกว่าได้แรงบันดาลใจมารวมๆ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงอ้างอิงถึงใคร
แผนการจับทุกคนทิ้งไว้กลางทะเล เคยเกิดขึ้นจริงคุณคมสันต์เคยทำกับทีมบริหาร
เรื่องเป็นเด็กดอยเรื่องจริง แต่ตัวเค้าเองเคยไปทำงานเหมืองทรายเป็นการชั่วคราวและเรียนจบ ป.ตรี มีทุนคือได้ภาษาจีนอยู่แล้วจริงๆ คุณไก่ต้องการให้มันดูดราม่าขึ้นจึงไม่ได้ให้สันติเรียนในระบบแบบนักศึกษา
พัสดุปลอมที่ถูกส่งมามีอยู่จริง คุณคมสันต์ให้นิยามว่าเป็นการถูกรับน้องจากเจ้าขนส่งอื่นๆในตลาด
ส่วนของเสี่ยวหยู คุณไก บอกว่าเป็นส่วนเสริมที่เป็นแทบจะเป็น fiction ทั้งหมด
แหล่งที่มา
จาก the cloud
เกร็ดอื่นๆ
ไอซ์ซึ นักแสดงนำชาย หรือสันติ ตัวจริงไม่ได้มีความสามารถในการพูดภาษาจีน แต่เป็นคนที่ ผู้กำกับรู้ว่า เค้าสามารถที่จะทำสิ่งนี่ได้
ความเหมือนกันคือ ตัวสันติ มี passion แรงกล้าในการอยากที่จะรวย และประสบความสำเร็จ ส่วนตัว ไอซ์ซึ ก็มี passion ในการแสดงที่แรงกล้าไม่แพ้กัน
เค้าใช้เวลาฝึกภาษาก่อนเริ่มถ่ายทำจริงเพียง 2 เดือน และไม่สามารถเข้าใจภาษาจีนได้ทั้งหมด เน้นท่องจำประโยค และเน้นเสียงส่วนที่สำคัญของประโยค
ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
ต้องบอกว่า ซีรีย์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจมากๆ และยิ่งได้มารู้ว่า พี่ไก่ ณฐพล เป็นคนทำสารคดีวัดธรรมกาย "come and see เอหิปัตสิโก" คือโคตรนับถือเรื่องนั้นก็คือเป็นที่ 1 ในดวงใจมาก ทั้งการตัดต่อ การนำเสนอเนื้อหา ทำให้ได้ฉุกคิดและตั้งคำถาม แต่กับเรื่องนี้ พัสดุส่งด่วน คือเป็นหนังที่ดูเอามันส์ ดูเสร็จแล้วอยากลุกขึ้นมาทำ start up หรือลงมือทำอะไรซักอย่าง เหมือนที่ลุกขึ้นมาเขียนบทความนี้เนื่องจากความประทับใจอันเต็มเปี่ยม
2
ส่วนตัวชื่นชมการแสดงของทุกนักแสดงที่ได้มีส่วนร่วมในเรื่อง ตั้งแต่พระเอกไอซ์ซึ เจนเย่ ดร.พลัง บี้ ทีมสมทบทุกคน ทั้งแก๊ปโบ้ น้องลีนุกซ์ และคนอื่นๆ ด้วยการแสดงที่ต้องมีบทพูดจีนเยอะมากๆ แต่ทุกตัวละครทำได้ลื่นไหล
ส่วนบทและกำกับภาพไม่ต้องพูดถึงเลย บิ๊วอารมณ์ให้มีส่วนร่วมกับหนังไปตั้งแต่ต้นจนจบ เอาจริงๆบิ๊วหนักแบบที่ โหๆยังไม่สุดอีก ยังไม่สุดอีก ต้องไปจบที่ตรงไหน อันนี้ก็มีเหนื่อยนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้ว สนุกมากกก
ที่สุดอีกอย่างคือชอบความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวหยูและสันติมาก ชอบที่เลิฟไลน์นี้มันไม่ลงล็อค เพราะเลียมและเสี่ยวหยูล็อคกันแน่นมาก เพราะความฝันของสันติกับความฝันของเสี่ยวหยูเป็นคนละฝันกันมันเลยเดินต่อไปกันไม่ได้ ซึ่งตรงมิตรภาพนี้มันสมบูรณ์แบบในตัวของมันเอง ที่พอโตมาถึงจุดหนึ่งแล้วเราจะเข้าใจได้
9.5/10 จาก Before U Go
สุดท้ายหากทุกคนมีประเด็นไหนที่อยากพูดคุยหรือเล่าเสริม สามารถเขียนคอมเม้นมาได้เลยนะ ถ้ามีพิมพ์ผิดพิมพ์พลาด หรือมีช่วงไหนตกหล่นก็ต้องขออภัยมานะที่นี้
ฝากกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจด้วยน้า
#สงครามส่งด่วน #MadUnicorn #NetflixTH #Moviesreview #Netflixreview
Before you go
03.06.2023
โฆษณา