4 มิ.ย. เวลา 09:00 • อสังหาริมทรัพย์

ปั้น"สปอร์ตคอมเพล็กซ์" ต่อยอดเมืองใหม่ EEC เปิดเอกชนลงทุน PPP 50 ปี ให้บริการพร้อมไฮสปีด

  • “อีอีซีจับมือกกท.” จุดพลุบิ๊กโปรเจ็กต์ “สปอร์ตคอมเพล็กซ์” หรือศูนย์กีฬา 1,500 ไร่ มูลค่าหมื่นล้าน
  • ต่อยอดเมืองใหม่อัจฉริยะ บางละมุง ชลบุรี
  • ดึงเอกชนลงทุน PPP ยาว 50 ปี เปิดรับฟังความคิดเห็น ปลายปีนี้ สร้างรายได้ แข่ง “อู่ตะเภา” ยันสร้างเสร็จเปิดให้บริการ ปี 72 พร้อมไฮสปีด 3 สนามบิน
พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐภาคตะวันออกหรืออีอีซี ร้อนฉ่าอีกครั้งเมื่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี จับมือการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ลงทุน โครงการ “สปอตคอมเพล็กซ์” (Sport Complex)หรือศูนย์กีฬานานาชาติ มูลค่า กว่า1หมื่นล้านบาท บนที่ดิน 1,500ไร่ ภายในโครงการศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ EEC Capital City (EECiti) ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่รวม 14,619 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ1.34 ล้านล้านบาท
  • จับตาทุนใหญ่สน เมืองกีฬา-เมืองใหม่อัจริยะ
ประเมินว่าจะเป็นศูนย์กลางทางด้านการกีฬา การแสดง และการท่องเที่ยวระดับโลก แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของไทย แม่เหล็กสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศที่น่าจับตา โดยมีเป้าหมาย พัฒนาและเปิดให้บริการภายในปี2572
พร้อมโครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน (ดอนเมือง –สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ด้วยจุดเด่นที่ตั้งโครงการห่างจากเมืองพัทยาเพียง 10 กิโลเมตรยังอยู่ใกล้กรุงเทพมหานครและสนามบินสุวรรณภูมิ ที่จะพัฒนาระบบเชื่อมต่อภายในโครงการเชื่อมต่อการเดินทางรถไฟความเร็วสูง
โดยแหล่งข่าวแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า การขับเคลื่อนโครงการสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ไปพร้อมกับเมืองใหม่อัจฉริยะ จะสร้างรายได้อย่างมหาศาล และมีนักลงทุนรายใหญ่ระดับแถวหน้าของไทย สนใจโดยให้เหตุผลว่าโครงการมีความชัดเจนและคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสูง
ตามกรอบที่สกพอ.ศึกษาคือ ช่วยกระตุ้นการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ภายใน 10 ปี และสร้างพลังทางเศรษฐกิจให้ประเทศ และพร้อมยกระดับให้เป็นเมืองใหม่อัจฉริยะที่อยู่อาศัยชั้นดี ติด1ใน10 ของโลกภายในปี2580ภายใต้ธุรกิจ 5ด้านและที่อยู่อาศัยชั้นดี ประกอบด้วย
1.ศูนย์สำนักงานใหญ่ภูมิภาคและศูนย์ราชการ2.ศูนย์กลางการเงินอีอีซี3.ศูนย์กลางการแพทย์แม่นยำ
4.ศูนย์การศึกษาวิจัยพัฒนาระดับนานาชาติ5.ศูนย์ธุรกิจอนาคต ซึ่งสกพอ. มีเป้าหมายพัฒนารองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve Target Industries)
เมื่อเทียบกับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกมูลค่า 218,701 ล้านบาท บนพื้นที่ 6,500 ไร่บนที่ดินของของกองทัพเรือ ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยองแล้วน่าจะมีความได้เปรียบมากกว่า
“มองว่า เมืองใหม่อัจฉริยะ และเมืองกีฬา ฯจะเป็นอีกเมืองที่เป็นคู่แข่งสำคัญ หาก เมืองการบินมีความล่าช้าและไม่มีไม้เด็ด ดึงดูดคนเข้าพื้นที่”
  • ดึงเอกชนรายเดียว PPP สัมปทาน 50ปี
ขณะความคืบหน้า นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กกท.อยู่ระหว่างจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษารายละเอียดรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในการดึงดูดนักลงทุน คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 1 ปี
จากนั้นจะเปิดเชิญให้เอกชนร่วมลงทุน เพื่อใช้พื้นที่โครงการฯต่อไป โดยมีอายุสัญญาสัมปทาน 50 ปี
นอกจากนี้โครงการดังกล่าวควรให้เอกชนผู้ชนะการประมูลโครงการเป็นรายเดียวเพื่อบริหารโครงการให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินการ
คาดว่าโครงการนี้จะก่อสร้างราว 4 ปี ซึ่งแล้วเสร็จภายในปี 2572 สอดรับกับการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง -สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)
“เชื่อว่าโครงการสปอร์ตคอมเพล็กซ์ เป็นพื้นที่ที่มีสนามกีฬา เหมาะแก่การจัดกิจกรรมและการแข่นขันต่างๆด้านกีฬา สามารถสร้างรายได้ให้อีอีซีได้ ส่วนวงเงินลงทุนเบื้องต้นคงต้องรอความชัดเจนจากผลการศึกษาโครงการนี้จากกกท.ก่อน” นายจุฬา กล่าว
ที่ผ่านมา สกพอ. หรือ EEC ร่วมกับ กกท.ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ขับเคลื่อนโครงการนี้ เพื่อขยายพื้นที่พัฒนาเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ (EECiti) จากเดิม 5,700 ไร่ เป็น 14,000 ไร่ สามารถรองรับโครงการสำคัญต่างๆ รวมถึงสปอร์ตคอมเพล็กซ์ 1,500 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว 5,000 ไร่ ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ
และเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนภายใต้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) โดยกกท. ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬา
  • นำร่องเฟสแรก 200 ไร่
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สะท้อนว่าการก่อสร้างสปอร์ต คอมเพล็กซ์ (Sport Complex) พื้นที่บางละมุง จังหวัดชลบุรี ในพื้นที่เมืองใหม่อีอีซีนั้น
ได้เจรจากับทางอีอีซี ที่จะขอเพิ่มพื้นที่อีกประมาณ 1,200-1,800 ไร่ เพื่อให้ได้พื้นที่รวมเป็นประมาณ 1,500-2,000 ไร่ ในการสร้างสปอร์ต คอมเพล็กซ์ ซึ่งอีอีซี สามารถเวนคืนที่ดิน
สำหรับการนำมาพัฒนาโครงการนี้ได้ ซึ่งโครงการนี้มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โดยจะของบสนับสนุนจากรัฐบาลส่วนหนึ่ง และอีกส่วนเป็นการเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน หรือ PPP
สำหรับแผนการสร้าง “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” ในพื้นที่อีอีซี เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งในขณะนี้ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ไว้แล้วว่า
จะผลักดันให้อยู่ในเฟสแรกของการพัฒนาเมืองใหม่อีอีซี ที่จะยกระดับศูนย์ฝึกกีฬาภาคตะวันออกของกกท.ในพื้นที่บางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีพื้นที่อยู่ 200 กว่าไร่
“การที่เราเลือกพื้นที่ตรงนี้ เพราะเดินทางสะดวก เป็นที่มีรถไฟฟ้าเชื่อมต่อในอนาคต ใกล้สนามบิน เพราะถ้ามีสนามกีฬาขนาดใหญ่ การเดินทางทั้งทางบก ทางราง ทางเครื่องบิน มีความสะดวก และพื้นที่ตรงนี้สามารถขยายเชื่อมกับกิจกรรมต่างๆในอีอีซีได้ ทำให้พื้นที่คึกคัก ซึ่งโครงการนี้ได้นำเสนอรมว.ท่องเที่ยวในเบื้องต้นแล้ว เตรียมจะนำเรื่องเข้าบอร์ดกกท.และเสนอครม.ต่อไป ตามแผนคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2572” ดร.ก้องศักด กล่าว
ทั้งนี้ภายในสปอร์ต คอมเพล็กซ์แห่งนี้ จะประกอบไปด้วย สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ จุได้ 80,000 ที่นั่ง มากกว่าสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ที่จุได้เพียง 40,000 ที่นั่ง เพื่อให้มีศักยภาพรองรับการแข่งขันฟุตบอลโลกได้
ซึ่งจะเป็นเวโลโดรม (Velodromes) รองรับการแข่งขันได้ในหลายชนิดกีฬา และกีฬาใหม่ๆ อาทิ กีฬาขี่ม้า แข่งม้า และยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ในแบบมัลติเพอร์เพิร์ส (Multipurpose) อย่างการจัดคอนเสิร์ต หรือ กิจกรรมต่างๆได้ด้วย
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 4/2566 เรื่อง การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โครงการศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ (Future Livable Smart City: EECiti)
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เสนอ ให้ สกพอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นพิจารณาก่อนประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ส่วนความคืบหน้าโครงการฯ ปัจจุบันอีอีซีอยู่ระหว่างจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษารูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานบนพื้นที่เมืองใหม่อัจฉริยะ 14,619 ไร่ คาดใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน
ขณะเดียวกันตามแผนหากศึกษาแล้วเสร็จจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ภายในปลายปี 2568
หลังจากนั้นจะรวบรวมความคิดเห็นเพื่อจัดทำเป็นโมเดลธุรกิจ (Business Model) ก่อนกลับมาเสนอต่อกพอ.และครม.เห็นชอบรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ก่อนประกาศเชิญชวนให้เอกชนร่วมประมูลภายในต้นปี 2569 โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2570 ระยะเวลาก่อสร้างราว 2-3 ปี คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2573
ด้านวงเงินลงทุน PPP ระบบสาธารณูปโภคบนพื้นที่มืองใหม่อีอีซีนั้นยังไม่ได้ประเมิน เพราะรอผลการศึกษารูปแบบการร่วมลงทุน PPP ก่อนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งแนวโน้มการประมูลจะใช้รูปแบบ PPP Net Cost สัมปทาน 50 ปี โดยให้สัญญาสัมปทานเอกชนเพียงรายเดียวเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้เอกชนสามารถดำเนินการระบบสาธารณูปโภคได้พร้อมกันทั้งโครงการ
  • ไฮสปีดลุ้นอัยการฯสอบร่างสัญญา มิ.ย.นี้
ไม่เพียงเท่านั้นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยพัฒนาพื้นที่อีอีซีได้คงหนีไม่พ้น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. มีมติเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ฉบับแก้ไขตามหลักการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ตามขั้นตอนจะเสนอต่อคณะกรรมการกำกับสัญญาที่มีทั้ง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย รฟท. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบริษัทเอเชีย เอราวัน จำกัด (ซีพี)
ขณะนี้โครงการฯอยู่ระหว่างการตรวจสอบร่างสัญญาของอัยการสูงสุด ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน คาดแล้วเสร็จราวกลางเดือนมิถุนายนนี้ และเสนอต่อกพอ.พิจารณาก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างสัญญาฯต่อไป คาดว่าจะลงนามแก้ไขสัญญาได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2568
อย่างไรก็ดีหากลงนามแก้ไขสัญญาร่วมกับเอกชนแล้ว เบื้องต้นรฟท.ได้เร่งรัดให้เอกชนเข้าพื้นที่การก่อสร้างบริเวณฝั่งสนามบินอู่ตะเภาที่มีรันเวย์และพื้นที่ทับซ้อนโครงสร้างทางร่วมสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ในโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน ระยะที่ 1 โดยรฟท.ได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดออกแบบรายละเอียดโครงการฯก่อนดำเนินการก่อสร้างต่อไป
  • ปิดจ็อบเซ็นสัญญา 18 มิ.ย.68
ปิดท้ายที่โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออกภายใต้ลงทุนของบริษัท อู่ตะเภา เอวิเอชัน จำกัด หรือ UTA ปัจจุบันเตรียมเซ็นสัญญาก่อสร้างได้ภายในวันที่ 18 มิถุนายนนี้
จากนั้นอีอีซีจะออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed) หรือ NTP ซึ่งเป็นเอกสารที่จะออกให้แก่ผู้รับเหมา เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการเริ่มต้นโครงการก่อสร้างอย่างเป็นทางการ เพราะจะไม่รอรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบินแล้ว
โฆษณา