3 มิ.ย. เวลา 22:03 • ธุรกิจ

ทำความรู้จัก ESCO Model และการวัดผลพลังงาน ที่จะช่วยคุณประหยัดได้จริง

🤝ESCO (Energy Service Company) คือ บริษัทที่ โดย ออกแบบ, ลงทุนติดตั้ง, และบริหารโครงการ เพื่อให้ระบบใช้พลังงานน้อยลง แล้วได้รับผลตอบแทนจากส่วนแบ่งเงินที่ประหยัดได้
บริษัทที่เป็นสมาชิกจะให้บริการแบบครบวงจรในการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานให้แก่ลูกค้า ช่วยลูกค้าลดการใช้พลังงาน โดยออกแบบและติดตั้งมาตรการประหยัดพลังงาน เช่น เปลี่ยน Chiller เป็นรุ่นใหม่ที่ประหยัดขึ้น หรือติดตั้งระบบควบคุมอัจฉริยะ
จุดเด่นคือ ลูกค้าไม่ต้องลงทุนเองล่วงหน้า เพราะ ESCO จะจัดการให้ทั้งหมด แล้วรับผลตอบแทนจากส่วนแบ่งค่าไฟที่ประหยัดได้ตามสัญญา Energy Performance Contract (EPC) ซึ่งผูกพันว่าการจ่ายชำระค่าบริการจะขึ้นอยู่กับผลการปรับปรุงที่ทำได้จริง กล่าวคือ ขึ้นอยู่กับปริมาณการประหยัดพลังงานที่วัดและยืนยันได้
📈 M&V (Measurement & Verification) คือกระบวนการ วัดผลและตรวจสอบยืนยัน การเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงาน ก่อนและหลังการดำเนินโครงการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อหาค่าการประหยัดพลังงานที่เกิดขึ้นจริง มีบทบาทตั้งแต่การวางแผน กำหนดค่าพื้นฐาน (Baseline) ของการใช้พลังงานระบบทำความเย็นเดิม
หลังจากติดตั้งหรือปรับปรุงระบบเสร็จแล้ว ก็จะวัดการใช้พลังงานและสมรรถนะของระบบใหม่ เช่น ค่า kW/ตันความเย็น หรือปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ต่อการผลิตความเย็น 1 หน่วย เพื่อเปรียบเทียบกับฐานเดิม
M&V จึงเป็นหัวใจสำคัญ ก็เพราะในการทำสัญญา EPC นั้น ค่าตอบแทนของ ESCO จะขึ้นกับผลการประหยัดที่ทำได้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ดังนั้นผู้ว่าจ้าง หรือ เจ้าของอาคาร และ Service Provider ต่างต้องอาศัย “ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ” ในการตัดสินใจลงทุน
M&V ที่ดำเนินการอย่างเป็นระบบและยึดตามมาตรฐานสากล เช่น IPMVP (International Performance Measurement and Verification Protocol) จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกฝ่ายว่า ผลการประหยัดพลังงานของระบบ Chiller ที่ปรับปรุงนั้นเป็นจริงตามที่สัญญาไว้
หรือพูดง่ายๆ คือ M&V ทำหน้าที่เป็น กลไกตรวจสอบ ที่ทำให้ทั้งบริษัทที่เป็นสมาชิก ESCO และลูกค้ามั่นใจได้ว่าโครงการปรับปรุงได้ผลลัพธ์ด้านพลังงานจริงตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งยังช่วยป้องกันข้อพิพาทกรณีผลประหยัดไม่เป็นไปตามคาด เพราะมีหลักฐานข้อมูลรองรับอย่างชัดเจน
✅ ESCO+M&V = ตัวช่วยการันตีว่าคุณจะประหยัดทั้งต้นทุน และพลังงานได้จริง”
❄️ Cooling as a Service (CaaS) กับ ESCO
Cooling as a Service (CaaS) เรียกให้เข้าใจแบบทันทีก็น่าจะเป็นคำว่า "บริการแบบเช่าใช้" ครับ โมเดลธุรกิจใหม่นี้นำนวัตกรรมการให้บริการ (servitization) มาใช้กับระบบทำความเย็น แทนที่ลูกค้าจะต้องซื้อ Chiller เอง CaaS ก็จะเข้ามาเปลี่ยนให้ลูกค้าจ่ายเฉพาะ "ค่าความเย็น" ที่ใช้ไปจริง เช่น บาทต่อตันความเย็น-ชั่วโมง (TRh)
โดยที่ลูกค้าไม่ต้องลงทุนเครื่องเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องซ่อมบำรุง เพราะผู้ให้บริการเป็นคนจัดการทั้งหมด โดยยังยึดแนวทางการประหยัดพลังงาน ด้วยใช้เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง หรือ High Efficiency Chiller และมีการบำรุงรักษาอย่างดี
แนวคิดนี้ คล้ายกับการจ่ายค่าไฟฟ้าหรือค่าน้ำตามการใช้งาน ซึ่งทำให้ลูกค้ามี ค่าใช้จ่ายที่โปร่งใสและคาดการณ์ได้ง่าย (เพราะคิดตามอัตราคงที่ต่อหน่วย) และที่สำคัญ ไม่ต้องลงทุนเงินก้อนใหญ่ล่วงหน้า ในการติดตั้งระบบ ทำให้เปลี่ยนภาระค่าใช้จ่ายจากเงินลงทุน (CapEx) เป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (OpEx) แทน
ในทางปฏิบัติ ผู้ให้บริการ CaaS จะเป็นฝ่ายลงทุนจัดหาและติดตั้งเครื่องทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูง (High Efficiency Chiller) ให้ทั้งหมด ดูแลการเดินเครื่องและการซ่อมบำรุงรักษา รวมถึงเป็นผู้รับผิดชอบค่าไฟฟ้าและค่าสาธารณูปโภคที่ระบบใช้เองทั้งหมด
ฝ่ายลูกค้าเพียงแค่ใช้งานความเย็นตามต้องการ และจ่ายค่าบริการรายเดือนหรือรายงวดตามปริมาณความเย็นที่บริโภคจริงให้แก่ผู้ให้บริการ
⚠️ ความแตกต่างระหว่างโมเดล CaaS กับสัญญาแบบ ESCO
อยู่ที่วิธีการคิดค่าบริการและการจัดการความเสี่ยง ESCO ลูกค้าจะจ่ายตามมูลค่าพลังงานที่ประหยัดได้ เมื่อเทียบกับฐานเดิม แต่สำหรับ CaaS ลูกค้าจะจ่ายตามปริมาณ “บริการความเย็น” ที่ได้รับจริง โดยใช้อัตราที่ตกลงต่อหน่วยความเย็นที่ใช้
อย่างไรก็ดี ทั้งสองโมเดลมี จุดร่วม คือ ลูกค้าไม่ต้องลงทุนเองล่วงหน้า และมีการจ่ายชำระเป็นรายงวดตามผลการดำเนินงานหรือการให้บริการที่ได้รับ
ประโยชน์สำคัญของโมเดล CaaS ต่อผู้ใช้บริการและอุตสาหกรรม
• ไม่มีค่าใช้จ่ายลงทุนล่วงหน้า :
ผู้ใช้บริการไม่ต้องจ่ายเงินลงทุนก้อนใหญ่เพื่อซื้อเครื่องหรือระบบ Chiller ใหม่ ผู้ให้บริการเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ทำให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพชิลเลอร์ได้แม้ลูกจะมีงบประมาณจำกัด
• ค่าใช้จ่ายการใช้ความเย็นโปร่งใสและคงที่ตามการใช้งาน :
คิดค่าบริการตามหน่วยความเย็น (เช่น บาท/หน่วยความเย็น) ตามอัตราที่ตกลงล่วงหน้า ช่วยให้ลูกค้าคาดการณ์รายจ่ายได้ชัดเจน
• ได้ใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและบำรุงรักษาอย่างดี :
Service Provider มีแรงจูงใจที่จะติดตั้งเครื่องที่ประหยัดพลังงานที่สุดและดูแลรักษาให้อุปกรณ์ทำงานเต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ เพราะยิ่งระบบมีประสิทธิภาพ ผู้ให้บริการยิ่งลดต้นทุนของตนเองลงได้
• ลดความเสี่ยงด้านเทคนิคและการดำเนินงานให้ลูกค้า :
ผู้ใช้บริการไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุง, ความเสี่ยงเครื่องเสีย, หรือประสิทธิภาพตก เพราะผู้ให้บริการจะจัดการทุกอย่างให้ รวมถึงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายกรณีเครื่องขัดข้อง
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ โมเดล Cooling as a Service จึงสอดคล้องกับแนวทางของ ESCO ในการผลักดันให้เกิดโครงการประหยัดพลังงานที่ลูกค้าไม่ต้องลงทุนเอง อีกทั้งยังแก้ปัญหาซ้ำซากที่เคยเจอกันมา เช่น การที่ลูกค้าต้องทำความเข้าใจการคำนวณผลประหยัดที่สลับซับซ้อน หรือความยุ่งยากในการปรับปรุงตัวเลข baseline เป็นต้น
ACT ในฐานะสมาชิกของ ESCO และผู้ผลิตอุปกรณ์ทำความเย็น จึงเริ่มปรับตัวมาให้บริการในลักษณะ “as-a-Service” ซึ่งกำลังถูกมองว่าเป็นทิศทางสำคัญที่จะเติบโตในตลาด HVAC โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนที่ความต้องการเครื่องปรับอากาศขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ESCO + M&V + CaaS = อนาคต
🏢 กรณีศึกษาจากจาก อาคารพาณิชย์ในเมืองเมเดยีน ประเทศโคลอมเบีย ซึ่งบริษัทผู้พัฒนาโครงการต้องการก่อสร้างอาคารสำนักงานขนาด 100 สำนักงาน ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการ ลดต้นทุนเงินลงทุนด้านระบบปรับอากาศลง. จึงเลือกใช้บริการ Service Provider ที่เป็นสมาชิก ESCO รายหนึ่ง ให้เข้ามา ออกแบบและลงทุนติดตั้งระบบปรับอากาศแบบศูนย์กลาง (centralized HVAC) ที่มีประสิทธิภาพสูงในอาคารนี้ ภายใต้โมเดล Cooling as a Service (CaaS)
🏢 รายละเอียดโครงการ :
Service Provider ได้ทำการออกแบบระบบ Chiller ความจุสูง ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป และได้ติดตั้ง มิเตอร์วัดปริมาณความเย็นแยกตามผู้ใช้งานแต่ละพื้นที่ โดยเงินลงทุนทั้งหมด รวมถึงค่าจัดซื้อและติดตั้ง Chiller, ระบบท่อน้ำเย็น, เครื่องส่งลมเย็น (AHU) และระบบควบคุมต่าง ๆ ออกโดย Service Provider แต่เพียงผู้เดียว ลูกค้าผู้พัฒนาโครงการไม่ต้องใช้เงินทุนเลย
เมื่อระบบติดตั้งเสร็จและเริ่มดำเนินการ Service Provider เป็นผู้เดินระบบและบำรุงรักษาระบบปรับอากาศทั้งหมด พร้อมทั้งรับผิดชอบค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิตความเย็น จากนั้นจึง เรียกเก็บ “ค่าบริการความเย็น” รายเดือนจากผู้เช่าพื้นที่สำนักงานแต่ละรายตามปริมาณความเย็นที่ใช้ไปจริง
📈 ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น : การเลือกใช้โมเดล CaaS ทำให้อาคารแห่งนี้สามารถ ติดตั้งระบบทำความเย็นที่มีสมรรถนะสูงกว่าปกติมาก เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดด้านเงินลงทุนของผู้พัฒนาโครงการ. ระบบที่ติดตั้งมี ประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงเป็นสถิติ กินไฟเพียง 0.6 kWh ต่อการให้ความเย็น 1 ตัน-ชั่วโมง ซึ่งถือว่าประหยัดไฟฟ้าลงได้เกือบ 50% เมื่อเทียบกับระบบทั่วไป
จากการวัดผลการใช้พลังงานหลังดำเนินการ พบว่าโครงการนี้สามารถ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 1.2 GWh ต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2 เทียบเท่า) ประมาณ 440 ตันต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขการประหยัดที่มีนัยสำคัญมาก.
เมื่อประเมินผลตลอดอายุโครงการ ระบบความเย็นประสิทธิภาพสูงนี้คาดว่าจะ ประหยัดค่าใช้จ่ายรวมให้ทุกฝ่ายได้ราว 5.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5 ล้านยูโร) ตลอดอายุการใช้งานของมัน
📍 ประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย : กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าโมเดล CaaS สามารถสร้างสถานการณ์แบบ Win-Win-Win ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้พัฒนาอาคารที่ประหยัดงบลงทุนล่วงหน้า ไปได้จำนวนมาก หรือ ผู้เช่า/ผู้ใช้อาคาร ได้รับบริการความเย็นที่มีเสถียรภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายรวมลง อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรไปกับเรื่องนอกธุรกิจหลักของตน เพราะปล่อยให้มืออาชีพดูแลระบบให้
รวมถึงผู้ให้บริการที่สามารถบรรลุผลตอบแทนการลงทุนตามที่คาดหวังไว้ จากกระแสเงินสดค่าบริการที่ลูกค้าชำระมา และยังสร้างผลงานความสำเร็จที่นำไปขยายผลกับโครงการอื่นๆ และผู้ผลิตเทคโนโลยีความเย็น (OEM) ได้โอกาสในการขายอุปกรณ์รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูงเข้าสู่ตลาด ซึ่งในสภาพปกติที่ลูกค้าต้องลงทุนเองอาจขายได้ยาก และอุปกรณ์เหล่านี้ก็ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมเพิ่มอายุการใช้งานสูงสุดตามศักยภาพ
โดยรวมแล้วโครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ยืนยันว่า การผสานโมเดลธุรกิจ ESCO/CaaS กับการทำ M&V อย่างเหมาะสม สามารถผลักดันให้เกิด การอัปเกรดระบบ Chiller ที่ทั้ง ลดการใช้พลังงานได้จริง, คุ้มค่าทางการเงิน, และเพิ่มความพึงพอใจให้ผู้ใช้งาน ไปพร้อม ๆ กัน
📍 สรุป : แนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนการปรับปรุงพลังงาน และประสิทธิภาพของชิลเลอร์ คือการใช้บริการของบริษัทที่เป็นสมาชิกของ ESCO (Energy Service Company) ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงาน และการดำเนินการ M&V (Measurement & Verification) หรือการวัดและยืนยันผลการประหยัดพลังงานหลังดำเนินโครงการ.
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมทางธุรกิจอย่าง Cooling as a Service (CaaS) หรือโมเดลการให้บริการความเย็น ที่กำลังได้รับความสนใจเนื่องจากช่วยลดอุปสรรคด้านเงินลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน.
#CaaS #CoolingAsAService #SmartCooling #TheNovaExpo2025 #ACT #ESCO #Chiller
โฆษณา