4 มิ.ย. เวลา 02:24 • นิยาย เรื่องสั้น

ของแปลก

ผมใช้เวลาหลายวัน เดินเข้าออกร้านหนังสือ ที่วันนี้ดูจะหายากขึ้นทุกที เพื่อมองหาผลงานชิ้นใหม่ของนักเขียนที่ผมชอบใจ
ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญระบบการพิมพ์หนังสือ สำนักพิมพ์ สายส่งหนังสือ หรือวิถีทางธุรกิจ แต่ก็เห็นนักเขียนหลายคน ที่วันนี้เลือกจะพิมพ์ผลงานแบบอิสระ ไม่เน้นว่าต้องมีสำนักพิมพ์ เรียกว่าพิมพ์เอง ขายเอง ตามวาระที่สามารถทำได้ ด้วยการโฆษณาทางสื่อโซเชี่ยลของตัวเอง นั่นรวมถึงนักเขียนที่ผมชมชอบท่านนี้ด้วย
นั่นทำให้ผมยิ่งไม่มั่นใจว่า ตามร้านหนังสือทั่ว ๆ ไปนั้น จะมีหนังสือของเขาวางอยู่บนชั้นหนังสือไหม แต่เท่าที่เดินเข้า ๆ ออก ๆ มาหลายร้าน ก็ไม่เห็นมี
ร้านหนังสือวันนี้หายากเต็มที ถ้าไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ก็แทบหาไม่เจอ ยิ่งแผงหนังสือที่คุ้นตาตามท้องถนนนั้น หายไปจนหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
วันนั้นผมแวะจอดรถในห้าง เพื่อหาทางขึ้นรถไฟฟ้าผ่าเมืองในช่วงเวลาที่ไม่น่าขับรถ ผมแวะร้านหนังสือเล็ก ๆ ในห้างก่อนเดินออกมาขึ้นรถไฟฟ้า พบหนังสือที่หมายตาวางอยู่ในมุมที่มองแทบไม่เห็น มีอยู่แค่ไม่กี่เล่ม
ซื้อติดมือออกมาจากร้าน ผมก็ชอบใจที่ว่าหนังสือเล่มนั้นขนาดพอดีมือ พิมพ์ด้วยกระดาษปรู๊ฟธรรมดา ราคาไม่แพง และทำให้น้ำหนักเบากำลังดี ถืออ่านได้ด้วยมือเดียว
สายตายาวก็เป็นปัญหา ประสาชายสูงวัย จะยืนอ่านบนรถไฟฟ้าก็ต้องหาแว่นมาใส่ แต่ถึงจะขลุกขลักยังไง ผมก็อดใจไม่ไหว เหมือนเด็กเห่อของเล่นใหม่
รถแน่นกำลังดี ผมยืนอยู่ด้านในตัวขบวนรถ ด้วยว่าระยะทางอีกไกลหลายสถานี พอยืนเข้าที่ สวมแว่นสายตาได้เรียบร้อย ผมก็หนังสือและถือไว้ในมือ อีกมือเกาะราวเหล็กเอาไว้แน่น ๆ
ผ่านไปกี่สถานีไม่รู้ได้ ผมยืนอ่านหนังสือ ปล่อยตัวเองโยกเยกไปตามจังหวะเข้าสถานี แต่ก็ไม่ละสายตาจากตัวหนังสือตรงหน้า จนรู้สึกว่ามันชักจะเวียนหัวหน่อย ๆ ไม่รู้ว่าเพราะรถโยก หรืออาวุโส
ผมลดหนังสือลง ละสายตาไปมองรอบตัว อยู่ ๆ ผมก็สังเกตุได้ว่า ทั้งขบวนรถที่ผมโดยสารอยู่นั้น ผมเป็นผู้โดยสารคนเดียวที่อ่านหนังสือระหว่างการเดินทาง ที่เหลือนั้น แทบทุกคนกำลังมองดูสมาร์ทโฟนในมือ สวมหูฟัง ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มีบ้างที่โดยสารไปนิ่ง ๆ ไม่ทำอะไร แต่ไม่มีใครที่อ่านหนังสือเลย ... ไม่มีสักคนเดียว
ถึงผมจะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นตัวประหลาดอะไรนัก แต่ก็สะท้อนใจขึ้นมาว่า หนังสือเล่ม ๆ ที่เปิดอ่านได้ มีกลิ่นน้ำหมึก กลิ่นกระดาษ กำลังหายไปจากโลกรอบตัว อย่างน้อย ๆ ก็รอบตัวผมในเวลานั้น
ไม่รู้เหมือนกันว่า อะไรที่เกิดขึ้นก่อนกัน ระหว่าง คนเริ่มอ่านหนังสือเล่ม ๆ กันน้อยลง ร้านหนังสือเลยน้อยลงตามความนิยม หรือว่า เพราะร้านหนังสือมันน้อยลง หนังสือหาซื้อยากขึ้น คนก็เลยอ่านหนังสือเล่ม ๆ น้อยลง กันแน่ ... ราวกับกำลังตั้งคำถามว่า ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน
หรือว่าถึงคราวที่หนังสือเล่ม ๆ กำลังจะต้องหายไป ตามการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่หมุนเร็วจนน่าหวั่นใจ
หันมองตู้หนังสือที่บ้านแล้วผมก็คิดในใจว่า ไม่นานจากนี้ สิ่งพิมพ์ที่อัดแน่นอยู่ในตู้นี้ จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ เป็นของหายาก ที่สักวันอาจต้องอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ให้ใครต่อใครซื้อบัตรผ่านประตู เข้ามาดูกันเป็นของแปลกตา ก็เป็นได้ ...
โฆษณา