Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิ่งเล่าเรื่อง
•
ติดตาม
4 มิ.ย. เวลา 04:35 • สุขภาพ
เยาวราชในความทรงจำของผม
ตอนที่ 1 วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)
ย้อนอดีตไปตอนผมเป็นเด็กน้อยหัวโต พุงโล ขาลีบเล็ก แถมงอโก่งนิดๆอีกตางหาก อายุช่วงนั้นน่าจะราวๆสัก 5 ขวบกว่าๆกระมัง จำได้ว่าสายๆวันนั้น ผมวิ่งลงบันไดหรือเหล่าเต๊งจากห้องนอนชั้นสองลงมา จะด้วยความรีบเร่ง หรือ ประมาทเลินเล่อ หรือผมเหยียบลื่นผ้าเช็ดเท้าหน้าห้อง หรือ ลื่นพื้นไม้กระดานบนชั้นสองสักอย่างจำไม่ได้แน่ชัด
พระเดชพระคุณผมไม่ตกบันไดลงมาก็จริง แต่ตอนนั้นผมปวดขาข้างซ้ายมาก ผมทั้งปวด ทั้งกลัว จนร้องไห้โฮออกมาก็คือ ผมขยับขาไม่ได้ ลุกขึ้นยืนก็ไม่ได้ อาการตอนนั้นบอกได้ในตอนวัยฟันน้ำนม ทรงอย่างแบด แซดอย่างหนักเลยว่า ผมเดินไม่ได้ ขาผมหัก หรือขาข้างซ้ายมันเป็นอะไรก็ไม่รู้
ผมนั่งร้องไห้ตรงขั้นบันไดที่ลื่นล้ม ด้วยความเจ็บปวด จำไม่ได้ว่าใครอุ้มผมลงมาชั้นล่าง ท่ามกลางญาติพี่น้องรุมล้อมเหมือนไทยมุง แต่นี่คือจีนมุง ความทรงจำ ณ ตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่าผมคงเดินไม่ได้แน่ๆ ท่ามกลางผู้คนหลายคนของครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน (แต้จิ๋ว)ที่ฐานะอยู่ตรงข้ามกับความมั่งมี และแทบจะไม่มีเป็นแน่แท้
แน่นอนผมคงไม่ได้ไปโรงพยาบาลเพื่อหาหมอ เพราะเราคงไม่มีเงินค่ารักษา รวมทั้งสมัยก่อนโรงพยาบาลก็คงมีน้อย จนแล้วจนเล่า อากง หรือปู่ ของผมในฐานะคุณหมอ และอาจารย์ประจำบ้าน ก็มาจับขาท่อนซ้ายของผม เพื่อต่อกระดูก โดยวิชาจับเส้นวิทยายุทธ์ของอากง ค่ำคืนวันนั้นบอกได้คำเดียวว่า ผมเจ็บปวดมากจนแทบขาดใจ ที่แน่ๆอีกหัวใจดวงหนึ่งที่แทบแตกสลายก็คือหม่าม้า หรือแม่ผมนั่นเอง
ในเวลาต่อมา จำไม่ได้ว่าขาผมหัก หรือเอ็นขาดกันแน่ แต่ที่แน่นอนผมกลายเป็นเด็กพิการ เดินไม่ได้เป็นแน่แท้ เวลาจะเคลื่อนไหวร่างกายไปข้างหน้าก็ใช้กระเถิบก้นไปข้างหน้าแทน นึกย้อนระลึกชาติกลับไปมันช่างสังเวชน่าดู ที่ต้องกลายร่างมาเป็นแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ม้าจะรัก และห่วงผมมากจนถึงทุกวันนี้ก็คงเป็นเพราะตอนผมเกิดมาก็ไม่ค่อยแข็งแรง โตมาหน่อยก็เกือบจะพิการ เดินไม่ได้ และนี่่คือสภาพของลูกชาย หลานชายคนโตของตระกูลแซ่เอี้ย หรือ ตระกูลหยาง (ภาษาจีนกลาง) ของบ้านนี้ ม้าคงยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้านะผมว่า
การรักษาขาท่อนซ้ายของผมเป็นแบบแผนโบราณ แนววิชากำลังภายในโดยอาศัยแรงศรัทธาของเทพเจ้าด้วย เนื่องจากบ้านเราก็ยังไม่มีเงินพอที่จะพาผมไปโรงพยาบาล แต่เราพอมีเงินเล็กน้อยที่จะไปหาหมอแผนโบราณ หรือเหล่าซินแซ เพื่อรักษาผมให้เดินได้ปกติ แบบกระดูกขาต้องสูงเท่ากันที่วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ นั่นเอง
ความทรงจำตอนนั้นมันฝังอยู่ในหัวกะขาข้างซ้ายมาตลอดว่า เหมือนนำตัวไปรักษาที่ วัดเส้าหลิน อย่างไรอย่างนั้นเลย และที่วัดมังกรฯ นี่เองที่ผมต้องมาฝึกดัดขา ดึงขา ดัดตัวคล้ายๆ ทำกายภาพบำบัดในปัจจุบัน พร้อมเอายาจีนสมุนไพร(ยาลูกกลอน) มาต้มกินที่บ้านเพื่อให้เดินได้
ผมต้องใช้ชีวิตแบบเด็กพิการ เดินไม่ได้ เป็นเวลานานพอสมควร และที่สำคัญผมไม่รู้ว่าที่ขาผมหักจนเดินไม่ได้นั้นมาจากวันแรกที่ลื่นล้มตรงบันไดบ้าน หรือ มาจากการรักษาด้วยวิชากำลังภายในของอากงผมกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ด้วยการรักษาของหมอกระดูกที่วัดมังกรฯ ยาลูกกลอนที่ได้มาต้มกิน ทำให้ผมเดินได้ในที่สุด แถมโตขึ้นมายังวิ่งมาราธอนได้ด้วย
ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสไปไหว้เจ้าที่วัดมังกรฯ หรือไปเดินเที่ยวแถวเยาวราชโดยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปที่ สถานีวัดมังกรฯ นั้นมันทำให้ผมหวลคิดถึงอดีตความหลังครั้งหนึ่งที่ผมประสบอุบัติเหตุลื่นล้มจนขาหัก เดินไม่ได้นั้นก็ได้หมอกระดูกของวัดมังกรฯ ช่วยรักษาให้ผมเดินได้มาถึงทุกวันนี้
วัดมังกรฯ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ จึงไม่ใช่วัดหลวงเก่าแก่ที่คนไทยเชื้อสายจีนอย่างผมนับถือ และนิยม มาไหว้ทำบุญ เสดาะเคราะห์แก้ปีชง เท่านั้น แต่ยังเป็นวัดที่มีบุญคุณกับผม มีคนที่ช่วยทำให้ผมเดินได้คือ เหล่าซินแซ หมอกระดูก คนที่ผมจำหน้าไม่ได้เลย และไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ที่สำคัญเป็นวัดที่ทำให้ผมคิดถึงอากง ปู่ของผมที่จากผมไปหลายปีแล้ว เพราะอากงคือคนที่เป็นพ่อของพ่อของผม เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองจีน พาป๊าของผมมาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสัมภารของในหลวง มาสร้างครอบครัวจนมีลูกหลานมากมาย
อากงคือปรมาจารย์ที่ผมรัก และนับถือมากที่สุด
ผมตั้งใจเขียนเรื่องเล่าตอนนี้ ในช่วงวันสารทจีน เพราะอากงจากผมไปหลังวันสารทจีนสองวันในปี พ ศ 2541 อากงคือสุภาพบุรุษ คนดี ที่หลานคนนี้ไม่มีทางลืม
คิดถึงอากงครับ
#วันวิ่งโลก #วิ่งเล่าเรื่อง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย