4 มิ.ย. เวลา 07:17 • การศึกษา
SEO By Shoper Gamer

Bounce Rate คืออะไร

โดย
ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันด้านการตลาดออนไลน์รุนแรงขึ้น Bounce Rate หรือ "อัตราการตีกลับ" เป็นหนึ่งในเมตริกสำคัญที่ช่วยวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ และ ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจ Bounce Rate อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีทำงาน ประเภท ประโยชน์ ไปจนถึงเทคนิคลด Bounce Rate ให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
1
  • ​Bounce Rate คืออะไร
Bounce Rate คือ เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ออกจากหน้าแรกที่พวกเขาเข้าชม โดยไม่มีการโต้ตอบใดๆ เช่น ไม่คลิกลิงก์ภายใน ไม่กรอกแบบฟอร์ม หรือ ไม่เลื่อนดูเนื้อหาเพิ่มเติม
- ตัวอย่าง : หากมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ 100 คน และ 40 คนออกจากหน้าแรกโดยไม่ทำอะไรเลย → Bounce Rate = 40%
- การคำนวณ :
```
Bounce Rate = (จำนวนเซสชันที่เข้าชมหน้าเดียว ÷ จำนวนเซสชันทั้งหมด) × 100
```
1
  • ​Bounce Rate ทำงานอย่างไร
Google Analytics และ เครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ จะนับ Bounce Rate เมื่อ
1. ผู้ใช้ปิดแท็บหรือเบราว์เซอร์ทันทีหลังจากเข้าชมหน้าเว็บ
2. ผู้ใช้กด "ย้อนกลับ" ไปยังผลการค้นหา
3. ผู้ใช้คลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น
4. ผู้ใช้ไม่โต้ตอบกับเว็บไซต์เกิน 30 นาที (เซสชันหมดเวลา)
หมายเหตุ : ใน GA4 จะใช้แนวคิด "Session Engagement" แทน โดยนับว่าเซสชันที่มีส่วนร่วมต้องมีระยะเวลาเกิน 10 วินาที หรือมีการโต้ตอบ เช่น คลิกปุ่ม
  • ​ประเภทของ Bounce Rate
Bounce Rate แบ่งได้ตามลักษณะเว็บไซต์
1. เว็บทั่วไป (Blog, News) : มักมี Bounce Rate สูง (60-90%) เพราะผู้ใช้เข้ามาอ่านเนื้อหาแล้วออก
2. E-commerce : ค่า Bounce Rate ที่ดีควรอยู่ที่ 20-45% หากสูงเกินอาจหมายความว่าผู้ใช้ไม่สนใจสินค้า
3. Landing Page : อาจมี Bounce Rate สูงถึง 90% หากออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ทำแอคชันเดียว (เช่น กรอกแบบฟอร์ม)
4. เว็บบริการ (B2B) : ค่าเป้าหมายอยู่ที่ 25-55%
  • ​ประโยชน์
- วัดประสิทธิภาพเนื้อหา
หาก Bounce Rate สูง อาจหมายถึงเนื้อหาไม่ตรงความต้องการผู้ใช้
- ปรับปรุง UX/UI
ช่วยระบุปัญหาการออกแบบ เช่น เมนูสับสน หรือ โหลดช้า
- เพิ่ม Conversion Rate
ผู้ใช้ที่อยู่บนเว็บนานมีแนวโน้มซื้อสินค้า หรือ ใช้บริการมากขึ้น
- ส่งผลต่อ SEO
แม้ Google ยืนยันว่า Bounce Rate ไม่ใช่ปัจจัยจัดอันดับโดยตรง แต่เว็บที่มีผู้ใช้งานนานมักได้อันดับดีกว่า
  • ​ตัวอย่างการใช้งาน
☆ กรณีศึกษา 1: เว็บข่าว
- ปัญหา : Bounce Rate สูง 80%
- สาเหตุ : ผู้ใช้เข้ามาอ่านข่าวแล้วปิดทันที
- แก้ไข : เพิ่มลิงก์แนะนำบทความเกี่ยวข้อง (Internal Links) เพื่อดึงให้คลิกต่อ
☆ กรณีศึกษา 2: เว็บ E-commerce
- ปัญหา : Bounce Rate 70% ในหน้าสินค้า
- สาเหตุ : รูปสินค้าโหลดช้า และ ไม่มีคำอธิบายชัดเจน
- แก้ไข :
○ เพิ่มความเร็วเว็บ (Optimize Images)
○ เพิ่ม Call-to-Action เช่น "ซื้อเลย" หรือ "ดูรีวิว"
  • ​7 วิธีลด Bounce Rate อย่างได้ผล
☆ 1) เพิ่มความเร็วเว็บไซต์
- เว็บที่โหลดเกิน 3 วินาที มีโอกาส Bounce Rate สูง
- วิธีแก้ : ใช้เครื่องมือเช่น Google PageSpeed Insights เพื่อปรับปรุง
☆ 2) ปรับเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการ
- ใช้ Keyword Research เพื่อเขียนหัวข้อ และ เนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้
- หลีกเลี่ยง "Clickbait" (หัวข้อล่อคลิกแต่เนื้อหาไม่ตรง)
☆ 3) ออกแบบ UX/UI ให้ใช้งานง่าย
- ใช้การจัดวางที่สะอาดตา เมนูชัดเจน
- หลีกเลี่ยง Pop-up ที่รบกวนผู้ใช้
☆ 4) เพิ่ม Internal Links
- เชื่อมโยงไปยังบทความ หรือ สินค้าที่เกี่ยวข้องเพื่อดึงผู้ใช้ให้คลิกต่อ
☆ 5) ทำให้เว็บรองรับมือถือ (Mobile-Friendly)
- มากกว่า 50% ของการเข้าชมมาจากมือถือ
☆ 6) ใช้ Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจน
- เช่น ปุ่ม "สั่งซื้อทันที" หรือ "ดาวน์โหลดฟรี"
☆ 7) ทดสอบ A/B Testing
- ลองเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลเพื่อดูว่าอะไรดึงดูดผู้ใช้ได้มากกว่า
✏️ Shoper Gamer
  • ​UX/UI คืออะไร 👇
  • ​Website Structure คืออะไร 👇
  • ​Blog คืออะไร 👇
Credit :
👇
  • ​https://th.jobsdb.com/th/career-advice/article/bounce-rate
  • ​https://www.seo.com/basics/glossary/bounce-rate/
  • ​https://predictive.co.th/blog/seo-bounce-rate-ep-1/

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา