4 มิ.ย. เวลา 14:54 • หนังสือ

หลักการพัฒนาชีวิตให้สมบูรณ์ขึ้นตามลับดับ

ขอบคุณทุกๆคำตอบในBD ที่ถามว่าชีวิตที่สมบูรณ์เป็นอย่างไร และขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จัดพิมพ์ (คุณพีรนุช เกียรติสมมารถ และครอบครัว) หนังสือธรรมะของหลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
ผู้อ่าน อ่านแล้วเข้าใจเนื้อความดังนี้ว่า
ชีวิตที่สมบูรณ์ควรจะเป็นชีวิตที่
ได้ประโยชน์สุขทั้ง 3ระดับ
คือประโยชน์ตาเห็น 1 (ด้านรูปธรรม)
ประโยชน์เลยตาเห็น 2 (ด้านนามธรรม)
และประโยชน์อย่างยิ่ง 3 (ด้านนามธรรมขั้นโลกุตตระ)
ประโยชน์สุขระดับที่ 1
1.มีสุขภาพดี มีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เป็นอยู่สบาย ใช้การได้ดี
2.มีทรัพย์สินเงินทอง มีการงานอาชีพเป็นหลักฐาน หรือพึ่งตนเองได้ในทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ก็สำคัญ พระพุทธเจ้าสอนไว้มากมายในเรื่องทรัพย์สินเงินทองว่า จะหามาอย่างไร จะจัดอย่างไร และจะใช้จ่ายอย่างไร
3.มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนมนุษย์ หรือมีสถานะในสังคม ยศศักดิ์ ตำแหน่ง ฐานะ ความมีเกียรติ มีชื่อเสียง การได้รับยกย่อง หรือเป็นที่ยอมรับในสังคม รวมทั้งความมีมิตรสหายบริวาร
4.มีครอบครัวที่ดีมีความสุขความอบอุ่น
ประโยชน์สุขระดับที่ 2
5.มีศรัทธา ความเชื่อในคำสอนที่ดีที่ส่งเสริมความเมตตาและชี้จุดหมายทางดำเนินชีวิตที่ประเสริฐดีงาม
6.มีคุณธรรม ความประพฤติดีงามสุจริตมีศีลพื้นฐานไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
7.มีชีวิตที่มีคุณค่าเป็นประโยชน์ เช่นการแบ่งปั่นช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นด้วยคุณธรรม ได้ทำประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ ฝึกมีความสุขจากคุณธรรมดีๆเหล่านี้ และสิ่งที่เรียบง่ายเช่นความสงบและสุขจากการแบ่งปั่น
8.มีปัญญา มีความรู้ความเข้าใจในความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลาย พอที่จะปฏิบัติต่อสิ่งที่เกี่ยวข้อง เริ่มแต่บริโภคบริหารใช้จ่ายจัดการทรัพย์สินเงินทองนั้น ในทางที่จะเป็นคุณประโยชน์สมคุณค่าของมัน และไม่ให้เกิดเป็นปัญหาไม่ให้เกิดทุกข์ ไม่ลุ่มหลงมัวเมา อยู่อย่างเป็นนาย มิใช่เป็นทาสของทรัพย์
ประโยชน์สุขระดับที่ 3
9.มีการอบรมจิตใจ ("ความเห็นส่วนตัวข้อนี้น่าจะหมานถึงการเจริญสมถะและวิปัสสนา") เพื่อพัฒนาความสามารถที่จะมีความสุข และมีปัญญามองสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น ไม่มองตามความชอบชังของเรา ฝึกให้มีสติรู้ทันธรรมดาในสภาวะความจริงของชีวิตที่ว่า สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงผันแปรอยู่เสมอ และเป็นทุกข์ เพราะความผันแปรมาบีบคั้น และความไม่มีตัวตน เพราะมันเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เพื่อให้จิตใจมีสติรู้ทันธรรมดา และยอมรับความจริงเหล่านี้
เพื่อที่ว่า
เวลาเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา ความทุกข์มาจะได้ไม่จมทุกข์ เพราะเรากำหนดสติรู้ทันธรรมดาว่า ทุกข์มันก็ไม่เที่ยงเดียวมันก็ผ่านไป และเอาทุกข์นั้นมาพัฒนาปัญญา หาเหตุปัจจัยที่ทำให้ฝ่ายเสื่อมเกิดขึ้น และสร้างเหตุปัจจัยแก้ไขมันเท่าที่เราพอจะทำได้
ส่วนเวลาได้ลาภ ได้ยศ ได้คำสรรเสริญ ได้ความสุขมา เราก็อนุญาติให้ตัวเองดีใจมีความสุขกับมันได้ แต่อย่าให้ถึงกับหลงไหลมั่วเมา พร้อมทั้งมีสติรู้ทันธรรมดาว่าเดียวความสุขมันก็ผ่านไป และเอาสุขมาพัฒนาปัญญา หาเหตุปัจจัยที่ความสุขมันเกิด และสร้างเหตุปัจจัยส่งเสริมมันให้ดีขึ้น
ดำเนินชีวิตด้วยกระแสปัญญา
ฝึกจนจิตเข้าถึงความเกษมผ่องใส ไม่หวั่นไหวทั้งฝ่ายดีฝ่ายร้ายที่เข้ามา วางใจและปฏิบัติได้ถูกต้องตามเหตุปัจจัย ปล่อยให้กฎธรรมชาติทั้งหลายก็เป็นกฎธรรมชาติอยู่ตามธรรมชาติ ความทุกข์ที่อยู่ในธรรมชาติ ก็คงเป็นทุกข์ของธรรมชาติไป ไม่เข้ามากระทบกระทั่งบีบคั้นจิตใจของเราได้ เป็นผู้มีสุขอยู่กับตนเองตลอดเวลา
สรุปว่า ชีวิตที่สมบูรณ์คือ ชีวิตที่มีการพัฒนาประโยชน์สุขทั้ง 3 ระดับ ให้เกิดขึ้นมีกับกระแสชีวิตของเราในทุกๆวันของการดำเนินชีวิต.
หลักการพัฒนาชีวิตให้สมบูรณ์นี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มาอ่านทุกๆท่านนะครับ หรืออย่างน้อยก็ได้เอาไว้เป็นตัวเลือก สำหรับแนวทางการดำเนินชีวิตครับ
ขอบคุณทุกๆคำตอบ ที่ตอบมาให้ด้วยเมตตานะครับ
ขอให้ทุกๆท่าน สุขกายสุขใจปลอดภัยนะครับ
โฆษณา