5 มิ.ย. เวลา 05:43 • นิยาย เรื่องสั้น

ชื่อเรื่อง: เงาใต้โคมไฟ

---
หน้า 1
คนส่วนใหญ่คิดว่าผีไม่น่าจะมีอารมณ์ขัน
พวกเขาคิดว่าเราต้องคร่ำครวญ—ลากโซ่ สะอื้นใต้แสงจันทร์ หรือกระโดดออกมาจากกระจกเวลาตีสาม
แต่ฉันไม่ใช่แบบนั้น
ฉันชื่อยูจินะ ลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น ตายตอนอายุ 22 ตอนนั้นกำลังเรียนศิลปะในเกียวโต เสียชีวิตเพราะไฟไหม้หอพักตอนกลางดึก ฉันไม่ได้วิ่งหนีเพราะมัวแต่พยายามเอากระเป๋าสีชมพูที่แม่ซื้อให้จากกรุงโซลกลับออกมา
สุดท้าย…ฉันได้ทั้งกระเป๋า และความตายมาเป็นของแถม
หน้า 2
หลังตาย ฉันล่องลอยอยู่ในวัดเก่าริมเขาในเมืองฮิกาชิยามะ ที่นั่นเงียบสงบพอจะคิดถึงชีวิต แต่ก็เหงาจนแทบบ้าตายอีกครั้ง มีแต่ต้นสน เก้าอี้ไม้เก่าๆ และเสียงลมพัดผ่านระฆังลม
แล้ววันหนึ่ง…มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินหลงเข้ามาในวัด เธออายุประมาณสิบขวบ ผมเปีย เสื้อกันหนาวสีแดงขาดตรงแขนขวา เธอเดินผ่านฉันไปโดยไม่เห็น—แน่นอน ฉันเป็นผีนี่นะ
แต่พอเธอหันกลับมา จ้องมองจุดที่ฉันยืนอยู่ตรงบันไดหินเก่าๆ เธอกลับพูดว่า…
“ออนนี่…?”
ฉันนิ่งไป
ใช่…คำว่า "ออนนี่" ภาษาเกาหลี แปลว่า "พี่สาว"
ไม่มีใครเรียกฉันแบบนั้นมาเป็นปีแล้ว
หน้า 3
เด็กคนนั้นชื่อโซระ พ่อแม่พาเธอย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นหลังเกิดเหตุการณ์บางอย่างในโซล เธอชอบเดินหนีโรงเรียน มาหลบในวัดร้างเพราะที่นั่นไม่มีใครสนใจว่าชื่อเธอออกเสียงแปลก
ฉันกลายเป็นเพื่อนล่องหนของเธอ เราเล่นซ่อนแอบกันบ่อย (แม้เธอจะหาไม่เคยเจอ) ฉันเคยวาดภาพด้วยมือผีๆ แล้วเป่ามันให้ปลิวไปตกตรงหน้าเธอเหมือนใบไม้ เธอยิ้มและพูดว่า "โอปป้าคงส่งมาล่ะมั้ง"
ฉันไม่กล้าบอกว่าฉันนี่แหละคือคนส่ง
ในความเงียบและความตาย ฉันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจากรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
และแม้เธอจะเติบโตจากวัดแห่งนี้ไป แต่เธอก็ทิ้งตุ๊กตาตัวเล็กไว้ให้ฉัน—มีป้ายเล็กๆ เขียนว่า
“ถึงออนนี่ที่ไม่เคยเห็นหน้า
ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนหนูเสมอ”
พอฉันอ่านจบ กระเป๋าสีชมพูใบนั้นที่ฉันตายไปพร้อมมัน—ก็หายไปจากมือฉัน
สุดท้าย…ฉันได้กลับบ้านแล้วละมั้ง
ผู้เล่า: ผีชื่อ "ยูจินะ" ลูกครึ่งเกาหลี–ญี่ปุ่น
---
หน้า 1
คนส่วนใหญ่คิดว่าผีไม่น่าจะมีอารมณ์ขัน
พวกเขาคิดว่าเราต้องคร่ำครวญ—ลากโซ่ สะอื้นใต้แสงจันทร์ หรือกระโดดออกมาจากกระจกเวลาตีสาม
แต่ฉันไม่ใช่แบบนั้น
ฉันชื่อยูจินะ ลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น ตายตอนอายุ 22 ตอนนั้นกำลังเรียนศิลปะในเกียวโต เสียชีวิตเพราะไฟไหม้หอพักตอนกลางดึก ฉันไม่ได้วิ่งหนีเพราะมัวแต่พยายามเอากระเป๋าสีชมพูที่แม่ซื้อให้จากกรุงโซลกลับออกมา
สุดท้าย…ฉันได้ทั้งกระเป๋า และความตายมาเป็นของแถม
หน้า 2
หลังตาย ฉันล่องลอยอยู่ในวัดเก่าริมเขาในเมืองฮิกาชิยามะ ที่นั่นเงียบสงบพอจะคิดถึงชีวิต แต่ก็เหงาจนแทบบ้าตายอีกครั้ง มีแต่ต้นสน เก้าอี้ไม้เก่าๆ และเสียงลมพัดผ่านระฆังลม
แล้ววันหนึ่ง…มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินหลงเข้ามาในวัด เธออายุประมาณสิบขวบ ผมเปีย เสื้อกันหนาวสีแดงขาดตรงแขนขวา เธอเดินผ่านฉันไปโดยไม่เห็น—แน่นอน ฉันเป็นผีนี่นะ
แต่พอเธอหันกลับมา จ้องมองจุดที่ฉันยืนอยู่ตรงบันไดหินเก่าๆ เธอกลับพูดว่า…
“ออนนี่…?”
ฉันนิ่งไป
ใช่…คำว่า "ออนนี่" ภาษาเกาหลี แปลว่า "พี่สาว"
ไม่มีใครเรียกฉันแบบนั้นมาเป็นปีแล้ว
หน้า 3
เด็กคนนั้นชื่อโซระ พ่อแม่พาเธอย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นหลังเกิดเหตุการณ์บางอย่างในโซล เธอชอบเดินหนีโรงเรียน มาหลบในวัดร้างเพราะที่นั่นไม่มีใครสนใจว่าชื่อเธอออกเสียงแปลก
ฉันกลายเป็นเพื่อนล่องหนของเธอ เราเล่นซ่อนแอบกันบ่อย (แม้เธอจะหาไม่เคยเจอ) ฉันเคยวาดภาพด้วยมือผีๆ แล้วเป่ามันให้ปลิวไปตกตรงหน้าเธอเหมือนใบไม้ เธอยิ้มและพูดว่า "โอปป้าคงส่งมาล่ะมั้ง"
ฉันไม่กล้าบอกว่าฉันนี่แหละคือคนส่ง
ในความเงียบและความตาย ฉันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจากรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
และแม้เธอจะเติบโตจากวัดแห่งนี้ไป แต่เธอก็ทิ้งตุ๊กตาตัวเล็กไว้ให้ฉัน—มีป้ายเล็กๆ เขียนว่า
“ถึงออนนี่ที่ไม่เคยเห็นหน้า
ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนหนูเสมอ”
พอฉันอ่านจบ กระเป๋าสีชมพูใบนั้นที่ฉันตายไปพร้อมมัน—ก็หายไปจากมือฉัน
สุดท้าย…ฉันได้กลับบ้านแล้วละมั้ง
จบ
โฆษณา