6 มิ.ย. เวลา 03:27 • ความคิดเห็น
ขอถวายความนอบน้อมแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...
เราขออนุญาตเรียบเรียงกระบวนทัศน์ให้เจ้าของกระทู้ เพื่อสร้างความเข้าใจและการแยกแยะ เพื่อดำรงไว้ซึ่งคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และการไม่ตีขลุมคำสอนให้ฟุ้งเฟ้อนะคะ
1. คนแรกที่ศึกษากฎที่เกี่ยวกับ "Conservation" คือบิดานักเคมี อองตวน-โลร็อง เดอ ลาวัวซีเย (Antoine-Laurent Lavoisier) เขาตั้งชื่อกฎนี้ว่า "The Law of Conservation of Mass " หรือที่ตำราไทยเอามาแปลว่า "กฎทรงมวล" ซึ่งกฎนี้บอกเอาไว้ว่า
matter cannot be created or destroyed
(สสารไม่สามารถสร้างหรือทำลายได้)
in a chemical reaction, only rearranged
(ในปฏิกิริยาเคมี มีเพียงการจัดเรียงใหม่เท่านั้น)
ต่อมา จึงมีนักวิทย์ฟิสิกส์ชาวเยอรมันและอังกฤษ อีกหลายคน พยายามนำกฎดังกล่าวมาค้นคว้าทดลองกับพลังงานรูปแบบอื่น อย่างเช่นพลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน จึงเกิดกฎอีกกฎหนึ่ง ซึ่งเป็นการยืนยันกฎของ อองตวน-โลร็อง เดอ ลาวัวซีเย ซึ่งกฎนี้บอกเอาไว้ว่า
energy cannot be created or destroyed,
(พลังงานไม่สามารถสร้างหรือทำลายได้)
only transformed from one form to another
(มันเพียงสามารถเปลี่ยนจากรูปแบบหนึ่งไป
(เป็นอีกรูปแบบหนึ่งได้)
within a closed system
(---ภายในระบบปิด---)
2. หลักคำสอนในศาสนาพุทธ จะต้องมาจากพระโอษฐ์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น พระโอษฐ์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์พระไตรปิฎก ที่มีการร่วมสังคายนามาหลายต่อหลายครั้ง ผ่านการประชุมหมู่สงฆ์ทั่วโลก โดยหมู่สงฆ์เหล่านี้มีทั้งจากนิกายมหายาน และจากนิกายเถรวาท ซึ่งไทยเรารับเอานิกายเถรวาทมายอมรับนับถือ....
คำสอนจากพระโอษฐ์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เห็นตรงกันในหมู่สงฆ์ทั่วโลก ที่ว่าด้วย"กรรม" นั้น คือทรงแสดงเพียงว่า :
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน (กัมมุนา วัตตติ โลโก)
มีกรรมเป็นกำเนิด (กมฺมโยนิ)
มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย (กัมมะปะฏิสะระโณ)
ทำกรรมใดไว้ ก็จะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น
(ยํ กมฺมํ กริสฺสนฺติฯ, ตสฺส ทายาทา ภวิสฺสนฺติฯ)
....................................................
คำว่าเจ้ากรรมนายเวรจึงไม่มีปรากฎในพระไตรปิฎก
เพราะหาไม่แล้ว ย่อมจะขัดแย้งกับสิ่งที่พุทธองค์
ทรงแสดงเอาไว้ว่า
....ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร...
(สัพเพ ธัมมา อนัตตา)
โฆษณา