6 มิ.ย. เวลา 08:36 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รวบรวมสรุป อบรม The Influencer Financial & Investment Day 4 (17.05.2025)

การเรียนในสัปดาห์ที่ 4 ของโครงการ The Influencer เน้นเรื่องการเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนที่ควรต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรให้มีความเข้าใจในเรื่องการลงทุนอย่างเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเล่าถึงลักษณะคุณสมบัตินักวิเคราะห์ ประเภทของนักวิเคราะห์ รวมไปถึงการสอบใบอนุญาต CFA, CISA ถือเป็นวัดสอบมาตรฐานที่นิยมใช้กันทั่วโลก ที่ควรจะต้องมีถึง 3 ระดับ จรรยาบรรณการเป็นนักวิเคราะห์สำคัญ
อย่างมากที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แล้วมีการฝึกกการวิเคราะห์จากประเด็นข่าว นำมาสรุปอย่างเป็นขั้นตอน จนประมวลผลข้อเท็จจริงเพื่อสื่อสารไปยังผู้ติดตามและลูกค้าเพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจลงทุน ส่วนช่วงบ่าย คุณบีได้เล่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเค้าที่สอดคล้องในเรื่องการเงิน ทั้งเรื่องลูกหลานของเค้ามีเป้าหมายเรียนต่อในต่างประเทศและเป้าหมายของลูกที่จะต้องดำเนินต่อไปอย่างไร ควบคู่กับการสอนเรื่องการบริหารการเงินส่วนบุคคล
พร้อมแนวทางเคล็ดลับการเป็น Influencer/นักผลิตสื่อ ที่จะสื่อสารไปยังผู้ติดตามได้อย่างไรบ้าง โดยนำมาสรุปในโพสต์นี้กันค่ะ
Morning Session - ศรชัย สุเนต์ตา
The Professional Analyst
- การเป็นนักวิเคราะห์ หรือไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไรก็ตาม ต้องมีจรรยาบรรณ แนวทางปฏิบัติตามในแต่ละอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นทั้งคนเก่งและคนดีจะช่วยส่งเสริมอาชีพให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
1 นักวิเคราะห์สำคัญอย่างไร
- หน้าที่ของนักวิเคราะห์การลงทุน เป็นผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ข้อมูลทางการเงิน เศรษฐกิจ และปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการลงทุน เช่น ปัจจัยทางการเมืองที่ส่งผลต่อนโยบายทั้งในและต่างประเทศ ที่จะเชื่อมโยงไปยัง การคลัง การเงิน ภาษี การส่งออกนำเข้า หรือเทรนด์ต่างๆในอนาคต เช่น AI รวมไปถึงการวิเคราะห์มูลค่าราคาหลักทรัพย์ จึงมาเขียนคำแนะนำให้กับนักลงทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร ตราสารหนี้ กองทุนรวม สินทรัพย์อื่นๆ เป็นต้น
- หน้าที่หลักของนักวิเคราะห์การลงทุนคือ
วิเคราะห์ข้อมูล - ศึกษาข้อมูลบริษัท งบการเงิน สภาพเศรษฐกิจ และแนวโน้มอุตสาหกรรม วิเคราะห์ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยนำข้อมูลที่ได้มา ไปดูภาคแมคโครมีทิศทางไปทางไหนบ้างสำหรับธุรกิจบริษัทนั้นๆ
ประเมินมูลค่า – ใช้เครื่องมือและเทคนิคในการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ เช่น CDF, P/E, PBV นักวิเคราะห์หาหุ้นที่เหมาะสมกับสไตล์ของนักลงทุนในแต่ละประเภทต่างๆ
จัดทำรายงาน – สรุปผลการวิเคราะห์และเสนอแนะในรูปแบบของบทวิเคราะห์หรือรายงานการลงทุน มีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการฟัง ภาษาที่ใช้ ความรู้และความสามารถ สามารถทำบทวิเคราะห์ผลิตสื่อต่างๆ เช่น Podcast, Infographic, Video เป็นต้น
ให้คำแนะนำ - เสนอคำแนะนำต่อผู้จัดการกองทุน ลูกค้ารายใหญ่หรือบุคคลทั่วไป มอง Target Type เป็นอย่างไร ติดตามงบการเงินในทุกไตรมาส ต้องมีอัพเดทว่ามีผลกระทบสิ่งที่บล.วิเคราะห์
ติดตามผล – เผ้าติดตามข่าวสารและข้อมูลใหม่ๆ เพื่อปรับคำแนะนำให้ทันสถานการณ์
- นักวิเคราะห์การลงทุน มี 2 ประเภท ได้แก่ Buy-Side Analyst ทำงานให้กับผู้จัดการกองทุนหรือสถานบันการเงิน เพื่อแนะนำกลยุทธ์ในองค์กร ส่วน Sell-Side Analyst ทำงานให้กับโบรกเกอร์/ธนาคารเพื่อออกบทวิเคราะห์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเอาไปใช้ เพื่อประกอบในการตัดสินใจลงทุน
ซึ่งงานทั้ง 2 ประเภทนั้นจะต้องมีการสอบใบอนุญาต เช่น นักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analyst) , ผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant) หรือ ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) เป็นต้น โดยมีขั้นตอนการสอบในแต่ละประเภทที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่รับรองประเภทใบอนุญาต รวมไปถึงหลักสูตรที่ต้องสอบ เช่น CISA CFA ระดับ 1-3
- จากสถิติจำนวนนักวิเคราะห์การลงทุน พบว่า นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ มากที่สุด 812 คน รองลงมาเป็น นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน 245 คน และนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค 124 คน ส่วนประเทภนักวิเคราะห์การลงทุนน้อยที่สุดคือ นักวิเคราะห์การลงทุนอาเซียน 15 คน (ข้อมูลจากเดือนเมษายน 2568 สำนักงาน ก.ล.ต.)
- คุณสมบัติที่พบบ่อยสำหรับนักวิเคราะห์ลงทุน คือ ต้องจบปริญญาในสายการเงิน บัญชี เศรษฐศาสตร์ หรือ บริหารธุรกิจ / มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและใช้เครื่องมือทางการเงิน และ ต้องมีใบอนุญาต เช่น CFA, CISA, AISA, IC License
- นักวิเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จนั้นจะต้อง เตรียมวางแผนทำการบ้านล่วงหน้า ก่อนจะไปนั่งฟังผู้บริหารบริษัทนั้น ควรดูข้อมูลบริษัททำธุรกิจอย่างไร มีผลประกอบ งบการเงิน รวมไปถึงปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อภาครวมอุตสาหกรรม / เป็นคนช่างสังเกต เวลาที่บริษัทประกาศผลการดำเนินงานในแต่ละไตรมาส
แล้วสังเกตว่าผู้บริหารบริษัทเค้าพูดอะไร มีความผิดปกติกับสิ่งที่กำลังประกาศอยู่ไหม หรือข้อมูลมาอ่าน แต่มีบางเคสที่ผลประกอบการกำไร แต่กระแสเงินสดติดลบ ซึ่งต้องหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร / ถามคำถามที่ใช่ ถามตรงประเด็น กับผู้บริหาร เราจะได้คำตอบดีที่สุดในเชิงลึกมากขึ้น นั่นคือการพัฒนาในการเป็นวิเคราะห์การลงทุน
- CFA (Charted Financial Analyst) เกิดขึ้นเมื่อ 80 ปีที่แล้ว โดยต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะมี Capital Market Cap ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นใบรับรองที่รับรองวิชาชีพโดย CFA Institute แสดงถึงความเชี่ยวชาญการวิเคราะห์การเงิน การลงทุน และการตัดสินใจการเงินที่มีประสิทธิภาพ ถึง 3 ระดับ ได้แก่
LV1 – ความรู้พื้นฐานทางการเงิน
LV2 – วิเคราะห์เชิงลึกในสินทรัพย์ต่างๆ
LV3 – การจัดการลงทุนแบบองค์รวม
- CISA (Certified Investment and Securities Analyst) ออกหลักสูตรโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการพัฒนาหลักสูตร CISA ใหม่ให้เป็นมาตรฐานวัดความรู้สำหรับผู้ที่จะก้าวสู่วิชาชีพตลาดทุน พัฒนาความรู้ด้านวิเคราะห์และบริหารการลงทุนในเชิงกว้างและเชิงลึก โดยมีโครงสร้างเนื้อหาใกล้เคียงกับ CFA แบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่
AISA (Accredited Investment and Securities Analyst) ระดับ Foundation Knowledge มุ่งเน้นปูพื้นฐานให้เข้าใจถึงเครื่องมือพื้นฐานเกี่ยวกับการวิเคราะห์การเงิน วิเคราะห์หลักทรัพย์ และจัดการการลงทุน
CISA (Certified Investment and Securities Analyst) ระดับ Advanced Knowledge ประยุกต์ใช้เครื่องมือพื้นฐานและแบบจำลองในการประเมินมูลค่าต่างๆ ในกระบวนการบริหารกลุ่มสินทรัพย์ลงทุน ตลอดจนเทคนิคในการบริหารกลุ่มสินทรัพย์ลงทุน
- นักวิเคราะห์ได้ทำหน้าที่ในการค้นคว้าข้อมูลที่จัดทำคือ
1. การรวบรวมข้อมูล เช่น เศรษฐกิจมหภาค, ตลาดเงินตลาดทุน, บริษัทจดทะเบียน, ข้อมูลเชิงเทคนิค และ ข่าวและปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้อง
2. การวิเคราะห์ข้อมูล เช่น เชิงปริมาณ อย่าง คำนวณความสัมพันธ์ของข้อมูลเศรษฐกิจต่อตลาดทุน, คำนวณ Valuation ที่เหมาะสมของตลาด, คำนวณมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมด้วยวิธี DCF, PER, PBV ส่วนเชิงคุณภาพ อย่าง ประเมินความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ, แนวโน้มอุตสาหกรรมที่มีผลปัจจัยภายนอก
3. จัดทำบทวิเคราะห์ เช่น เขียนสรุปใจความสำคัญ, ให้คำแนะนำการลงทุน, นำเสนอกราฟ/ตาราง/ Infographic มาเสริม
4. ตรวจสอบและเผยแพร่ เช่น มีการตรวจสอบการจัดทำบทวิเคราะห์ และ เผยแพร่บทวิเคราะห์ ดังนั้นการจัดทำบทวิเคราะห์นั้น เพื่อไม่ให้นักลงทุนหลงทางได้
- จากสถานการณ์ข่าวต่างประเทศเช่น US ขึ้นภาษี เมื่อข่าวออกมา กระทบประเทศไทยในเชิงไหนบ้าง มาใช้ประกอบกับ AI แล้วมาพิจารณาในการประกอบการตัดสิน เช่น วิเคราะห์ข่าว การประมวลผล วิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน และ ใช้โมเดล AI จำลองสถานการณ์ หลังสรุปเสร็จมาเล่าถึงภาครวมจากข่าว
- ความสำคัญของนักวิเคราะห์ในตลาดการเงิน
“วิเคราะห์ตลาด = ศิลปะ + วิทยาศาสตร์ + เทคโนโลยี”
นักวิเคราะห์ – ผู้แปลโลกเศรษฐกิจให้เข้าใจง่าย และใช้ได้จริง
บทวิเคราะห์ - แผนที่ ทิศทาง ประกอบ คือ 3 คำแรกที่จะนำทางเพื่อประกอบในการตัดสินใจลงทุน
- เทคนิคใช้บทวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ โดยมีจุดสำคัญที่ควรดู เช่น ทำไมนักวิเคราะห์ถึงแนะนำ, แยกให้ออกว่าข้อมูลใดคือ Fact หรือ Opinion, เข้าใจว่าปัจจัยใดบ้างที่กระทบต่อรายได้/การประเมินมูลค่า, มีความเสี่ยงอะไรบ้าง, แหล่งข้อมูลจากไหน
- ความสำคัญของนักวิเคราะห์ในตลาดการเงิน คือ ปฏิบัติหน้าที่ของนักวิเคราะห์ที่กระทบตลาดการเงิน มีกรณีในต่างประเทศเกี่ยวกับ การละเมิดจรรยาบรรณของนักวิเคราะห์การเงินหลายเคส โดยเฉพาะสหรัฐอเมริการ ซึ่งเป็นตลาดที่เข้มงวดมากในเรื่องผลประโยชน์ และจรรยาบรรณของนักวิเคราะห์
2 จรรยาบรรณนักวิเคราะห์
- ประเด็นที่จะละเมิดในระดับโลกที่ควรต้องเจอ คือ ประเด็นแนะนำหุ้นโดยมี Conflict of Interest - วิเคราะห์บวกเพื่ออื้อฝ่าย Banking / ไม่เปิดเผยผลประโยชน์ของตนเอง - ถือหุ้นที่แนะนำหรือเกี่ยวกับบริษัท / วิเคราะห์ตามคำสั่งผู้บริหาร - ถูกบีบจากฝ่ายบริหารหรือ Deal Team และ ความซื่อสัตย์ในการวิเคราะห์
- เอกสารคำแนะนำภายในขัดแย้งกับบทวิเคราะห์จริงที่เผยแพร่ภายนอก
- สรุปเชิงกลยุทธของการปั่นหุ้นในไทย โดยมี บทวิเคราะห์ เป็นเครื่องมือกลยุทธ์ และวัตถุประสงค์ เช่น ใช้ข่าวดีต่อเนื่อง - ข่าวลือ ข่าวบวกปลอม เพื่อดึงดูดรายย่อย / วิเคราะห์หุ้นแบบ Bias วิเคราะห์เชิงบวกแต่แอบถือหุ้นมอง เพื่อสร้างกระแส / สร้างปริมาณซื้อขายเทียบ ทำรายการซื้อขายกันเอง เพื่อปลุกปริมาณเทียม / ดึงคนดังหรือผู้บริหารเข้าร่วม ใช้ภาพลักษณ์เพิ่มความน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างดึงนักลงทุนใหม่ / ไม่เปิดเผย Conflict of Interest ปั่นแล้วขาย เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
- สรุป Code of Ethics (จรรยาบรรณ) คือ หลักจริยธรรมให้ CFA ยึดถือปฏิบัติ เพื่อสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นให้แก่ลูดค้าและสังคมช่วยป้องกันการทุจริตและส่งเสริมการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ โดยจรรยาบรรณมี 6 ข้อ ได้แก่
1. ประพฤติอย่างมีความซื่อสัตย์ มีความสามารถ และความเคารพ
2. ยึดถือผลประโยชน์ของลูกค้าและวิชาชีพเหนือผลประโยชน์ส่วนตน
3. ใช้ดุลยพินิจอย่างอิสระและรอบคอบ
4. สนับสนุนการปฏิบัติที่มีจรรยาบรรณ
5. ส่งเสริมความโปร่งใสในตลาดทุน
6. พัฒนาความสามารถอย่างต่อเนื่อง
- ประพฤติอย่างมีความซื่อสัตย์ มีความสามารถ และความเคารพ นักวิเคราะห์ควรใช้ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างรอบคอบและเป็นกลาง เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้องและโปร่งใสแก่ลูกค้า แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นในการให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา นักวิเคราะห์ยึดมั่นในหลักจริยธรรมและความซื่อสัตย์ในการตัดสินใจ
- สนับสนุนการปฏิบัติที่มีจรรยาบรรณ ควรให้คำแนะนำ และสอนสมาชิกในทีมในการใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง และการปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้สมาชิกในทีมปฏิบัติตามหลักการจริยธรรมในการทำงานทุกครั้ง เพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงของทีมและวิชาชีพ
- ส่งเสริมความโปร่งใสในตลาดทุน นักวิเคราะห์ควรเปิดเผยข้อมูลนี้แก่ลูกค้าและตลาดอย่างโปร่งใส โดยไม่ใช้ข้อมูลนี้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว การปฏิบัติช่วยรักษาความน่าเชื่อถือและความโปรงใสในตลาดทุน
- การพัฒนาความสามารถอย่างต่อเนื่อง ควรเข้าร่วมการอบรมการใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะการวิเคราะห์ นำความรู้ที่ได้ มาใช้ในการทำงานจริง เพื่อให้คำแนะนำที่มีคุณภาพและทันสมัยแก่ลูกค้า พัฒนาความสามารถช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการแข่งขันในสายงาน
- สรุป Standards of Professional Conduct (มาตรฐานการประพฤติปฏิบัติทางวิชาชีพ)
1. ความเป็นมืออาชีพ
- ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และมาตรฐานวิชาชีพ
- ความเป็นอิสระและมีหลักการ รักษาความเป็นอิสระและหลีกเลี่ยงความขัดแย่งทางผลประโยชน์
- การใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ห้ามให้ข้อมูลที่เท็จหรือเข้าใจผิด
- การประพฤติปฏิบัติที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำลายความซื่อสัตย์ในวิชาชีพ
2. ความน่าเชื่อถือของตลาดทุน
- ข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผย ห้ามใช้หรือเปิดเผยข้อมูลยังไม่เผยแพร่ต่อสาธารณะ
- การบิดเบือนตลาด หลีกเลี่ยงการกระทำผิดที่บิดเบือนราคาหรือปริมาณซื้อขาย
3. หน้าที่ต่อลูกค้า
- ความซื่อสัตย์ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ต่อลูกค้า
- การปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม
- ความเหมาะสม ตรวจสอบความเหมาะสมการลงทุน
- การนำเสนอผลการดำเนินงานอย่างถูกต้องและเป็นธรรม
- รักษาความลับของข้อมูลลูกค้า ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด
4. หน้าที่ต่อนายจ้าง
- ต้องมีความซื่อสัตย์ นักวิเคราะห์ควรปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ต่อนายจ้าง
- การรับผลตอบแทนพิเศษ หลีกเลี่ยงผลประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากนายจ้าง
- ความรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชา ควรตรวจสอบตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
5. การวิเคราะห์ การให้คำแนะนำ และการตัดสินใจด้านการลงทุน
- ต้องมีเหตุผลในการแนะนำอย่างถูกวิธี
- สื่อสารกระบวนการลงทุนและการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
- การเก็บรักษาหลักฐานที่สนับสนุนการวิเคราะห์และคำแนะนำ
6. ความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- การเปิดเผยความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างครบถ้วน
- ลำดับความสำคัญของธุรกรรมของลูกค้าก่อน
- ค่าตอบแทนในการแนะนำธุรกิจ เปิดเผยค่าตอบแทนที่ได้รับ/จ่าย
7. ความรับผิดในฐานะสมาชิกของ CFA Institute/ผู้สมัครสอบ
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในฐานะสมาชิกและผู้สมัครสอบ อาจทำให้ทำลายชื่อเสียงของ CFA ได้
- การอ้างถึง CFA Institute / คุณวุฒิ CFA แต่ต้องสอบผ่านก่อนจนได้รับใบอนุญาต CFA อย่างถูกต้อง
3 กรณีศึกษาสำหรับ Professional Analyst
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นนักลงทุนต้นแบบ ยังยึดถือหลักการของบริษัทจากปัจจัยพื้นฐาน หาบริษัทที่มีมูลค่าที่น่าสนใจและถือหุ้นในระยะยาว ซึ่งมีหลักการ วิชาการ และจรรยาบรรณอย่างครบถ้วน นั่นคือคุณสมบัติในการเป็นนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์อย่างแท้จริงให้กับคนรุ่นหลังทั่วโลก
4 สิ่งที่ Professional Analyst ควรเรียนรู้
- การใช้ AI เป็นเสมือนเป็นผู้ช่วยในการทำหน้าที่จัดบทสรุปต่างๆ ถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ควรต้องอ่านคัดกรองก่อนที่จะเอามาใช้เลือกข้อมูลอย่างถูกต้อง รวมไปถึงควรคำนึงจากการใช้ AI คือ ความโปร่งใส ความยุติธรรม ความรับผิดชอบ การจัดการความเสี่ยง
- เปิดเส้นทางสู่การเป็น Professional Analyst ต้องยึดถือปฏิบัติตามจรรยาบรรณ และวิชาชีพ, รักษาความเป็นมืออาชีพ แต่ต้องรู้จักยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้ที่จะแก้ไข และ ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อนำไปเป็นประโยชน์ในการผลิตสื่อด้านการลงทุนต่อไป
Afternoon Session – ภัครัฐรพี ตั้งสำเริงวงศ์
Professional Influencer
- “ความไม่รู้ทางการเงิน กำลังกลายเป็นโรคระบาดเงียบของชาติ” ในหลักความรู้ทางวิทยาศาสตร์บอกว่าความรู้ทางการเงินเป็น Latent Demand ความรู้ไม่มีทางรู้ด้วยตัวเอง ต้องการรู้เรื่องอย่างเชิงลึกโดยต้องได้รับคำสอนจากคนอื่นที่มีความเชี่ยวชาญ มาสอนคุณในเรื่องการเงินที่จะต้องรู้รอบด้าน แล้วเชื่อมโยงไปสื่อสารร่วมกับผู้อื่นได้
- “การเดินทางของคุณคือ Content” กว่าที่จะติดตามเรานั้น จะได้เห็นคุณค่าบางอย่างเพิ่ม มีเรื่องราวในชีวิต ทำให้มีการรอบรู้ต่างๆจากประสบการณ์ในการท่องเที่ยวบนเส้นทางของตัวเอง โดยมีเคล็ดลับในการเป็น Influencer คือ
1) Ground Experience ประสบการณ์จากการลงพื้นที่
2) Passionate Understanding ความเข้าใจและเข้าถึง
3) Edutainment การเรียนรู้ที่สนุก
4) Practicality การนำไปปฏิบัติได้จริง
5) Knowledge Transfer การส่งต่อความรู้
ดังนั้น การเป็น Influencer หรือ นักผลิตสื่อที่ดีจะต้องสร้างกระบวนการความเชื่ออยากบอกเพื่อนหรือผู้ติดตาม ผ่านในเชิงจิตวิทยา กระบวนการความเชื่อ
- Professional Influencer = Influence / Inspire / Impact ถือเป็น 3 หลักพื้นฐานที่จะเป็นแรงผลักดันในการผลิตสื่อ
- คนไทยส่วนใหญ่ถูกหลอกกว่า “รวยเร็ว” ดีกว่า “รวยจริง” ถ้าเจอในเรื่องที่ไม่ดีจริง ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ต้องพัฒนาขึ้น
- “เงินมีไว้บริหาร / เงินมีไว้ใช้” ส่วนใหญ่คนไทยมีความคิดที่จะพึ่งพาเงินของคนอื่น หรือ คนในครอบครัว โดยไม่รู้แหล่งที่มาในการหาเงินที่แท้จริงเป็นอย่างไร ดังนั้นการปรับความคิดทางการเงินของตัวเองนั้นจะต้องมีมี
1. Mindset เปลี่ยนความคิดใหม่ในเรื่องการเงินของตัวเอง แล้วนำประสบการณ์ที่ได้จะต้องขับเคลื่อนที่จะชี้นำพฤติกรรมของผู้คน
2. Skillset ต้องมีทักษะ ความรู้ และความสามารถทางการเงินที่จะต้องตอบโจทย์จาก Mindset อีกที
3. Toolset การนำเสนอในการผลิตสื่อด้านการเงินในรูปแบบต่างๆที่เหมาะสมกับตัวเรา เพื่อไปสื่อสารกับคนอื่นหรือผู้ติดตามได้
- Influencer พูดให้เปลี่ยนไม่ใช่พูดให้สวย ไม่ใช่โอ้อวดหรือโน้มน้าวใจในสิ่งที่ยังไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง จนทำให้ผู้ติดตามเกิดความสงสัยในตัวเค้า อาจจะเป็นการพูดเท็จก็ได้
- “อย่ารอให้ชีวิต พร้อม ให้พูดแล้วสร้าง ความพร้อม ด้วย Passion ของคุณเอง” ควรตั้งเป้าหมายตัวเองให้มีความเชี่ยวชาญในเนื้อหาเรื่องนั้นๆที่ตัวเองสนใจ เพื่อเป็นต้นแบบให้กับผู้ติดตามคนอื่นๆที่มีความสนใจด้วย ถ้าเป็นที่สุดในเรื่องของตัวเองที่สนใจเมื่อไร คำพูดจะศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากเลยที่จะสื่อสารไปยังผู้ติดตามหลายๆคนได้มากขึ้น
- จากทฤษฎี “Motivation Iceberg แรงจูงใจในการลงมือทำ” เปรียบเทียบกับน้ำแข็งที่กระทำการลงมือทำที่ ซึ่งต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าควรจะนำเสนอในเรื่องอะไร กลุ่มเป้าหมายคือใคร วัตถุประสงค์ในการนำเสนอ แล้วต้องมีผู้ติดตามต้องกดไลค์ คอมเมนท์ แชร์ หรือองค์ประกอบมากมายที่จะต้องเผชิญหลายด้านที่จะต้องสร้างความผูกพันให้กับผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง อาจต้องใช้เวลากว่าจะประสบความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งที่ในการสู่เป็นนัก Influencer/นักผลิตสื่อที่ดีได้
- เป้าหมายการเงินของคุณคืออะไร? แบ่งออกเป็นออมจ่าย สินเชื่อ หนี้สิน ประกันชีวิต 4 เสาหลักในการบริหารจัดการเงินส่วนบุคคล ต้องมีเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจนจนนำไปสู่บรรลุเป้าหมายได้ ต้องลงรายละเอียดค่าใช้จ่าย และประสบการณ์ที่ต้องการนั้น เพื่อจะได้ไม่พลาดเป้าหมายได้
- Hook Communication สื่อสารให้คนฟังรู้สึกว่า “ใช่เลย” - โดยเปิดหัวข้อประเด็นที่น่าสนใจ ไปให้ถึงจุดระดับตื่นเต้น
- Influence คุณไม่มีวันสร้างอิทธิพลได้ - ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร เกิดจากที่ยังขาดความไม่ชัดเจนของตัวเอง ขาดเป้าหมาย อาจเป็นจุดอ่อนในการขาดวินัยของตัวเองได้
- Inspire จุดไฟให้ตัวเองก่อน ถึงจะไปจุดคนอื่น – เกิดจากที่ตัวเองมีแรงจูงใจในตัวเองที่อยากทำอะไรต่างๆที่ทำให้มีความสุข อยากทำอย่างต่อเนื่อง แล้วนำเสนอสู่ผู้อื่นได้
- คนที่ Inspire คนอื่นได้ คือคนที่เคยล้ม แล้วลุกด้วยตัวเอง – ส่วนใหญ่ชอบแชร์ความสำเร็จ มากกว่าแชร์ความล้มเหลว ซึ่งทำให้รู้มุมมองในด้านเดียว โดยที่ยังไม่รู้ว่าความสำเร็จเกิดคืออะไร
- เราไม่ได้แชร์เพื่อโชว์ว่าเราดีแค่ไหน… แต่เพื่อให้คนอื่น ไม่ต้องพังเหมือนเรา - ควรเป็นตัวในแบบของตัวเอง
- จากหนังสือ Designing Your Life ออกแบบชีวิต ชีวิตหลังเรียนจบมหาลัยแล้วควรทำอย่างไรต่อ พูดถึงโมเดล Work Life Balance ชีวิตเราไม่ได้เหมือนตาชั่งที่มีแค่สองด้าน เรามีหลายแง่มุมกว่านั้น
แผน Odyssey ตัวฉันใน 3 รูปแบบ
- My Odyssey Plan หรือแผนโอดิสซีย์ เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการออกแบบชีวิตโดยเป้าหมาย 5 ปี ในแผนเป้าหมายชีวิตเป็นอย่างไร
5Y Plan1 อยากทำ ถ้าทุกอย่างเหมือนเดิมฉันอยากทำอะไรบ้าง?
5Y Plan2 ไม่มีให้ทำแล้ว ถ้างานหรืออาชีพที่ฉันมี หายไปจากโลกใบนี้ ฉันจะทำอะไร?
5Y Plan3 ไม่ต้องการเงิน ถ้ามีเงินไม่จำกัด และไม่ต้องกังวลว่าใครจะตัดสิน นินทา ฉันอยากทำอะไร?
-5 เสาหลักการวางแผนการเงิน (5 Pillars of Financial Planning) ที่จะช่วยให้บริหารจัดการเงินของตัวเอง เพื่อให้ได้บรรลุเป้าหมาย โดยมีองค์ประกอบได้แก่
1. วางแผนกระแสเงินสดและการเกษียณอายุ (Cash Flow & Retirement Planning) – บริหารจัดการเงินรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้มีเงินเพียงพอมีเป้าหมายในอนาคต แล้วควรวางแผนการออม การลงทุน เพื่อชีวิตหลังเกษียณ
2. วางแผนมรดก (Estate Planning) เตรียมทรัพย์สินละหนี้สินไปยังผู้รับผลประโยชน์ที่ต้องการ จึงต้องทำพินัยกรรม การจัดตั้งผู้จัดการมรดก เพื่อช่วยลดภาระทางภาษีและความยุ่งยากทางกฎหมาย
3. วางแผนประกันภัย (Insurance Planning) มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัวจากความเสี่ยงทางการเงินที่ไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุ สุขภาพ ควรเลือกประกันภัยที่เหมาะสม เช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันวินาศภัย
4. วางแผนการลงทุน (Investing Planning) กำหนดกลยุทธ์ในการเงินออมไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้เงินงอกเงย บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้ แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ระยะเวลาการลงทุน
5. วางแผนภาษี (Tax Planning) ลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายอย่างถูกกฎหมายในการวางแผนภาษี พิจารณากับรายได้ที่ตัวเองมี เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้
- จากทฤษฎีน้ำแข็งนั้น สามารถใช้ในการพัฒนาตัวเองและพัฒนาบุคลากรในองค์กร เช่น Driver – Need – Behavior
- Inspire by Experience คิดและเขียน Quote การเงินที่อยากให้คนรุ่นใหม่ได้อ่าน
- ปิดท้ายด้วยคำคมจาก มหาตมะ คานธี คือ “Be the Change you want to see in the world” ถ้าเราอยากให้โลกเป็นแบบไหน แต่เราไม่เป็นแบบนั้น ยากที่จะเปลี่ยนแปลงคนอื่น ดังนั้นการเป็น Influencer/นักผลิตสื่อที่ดีจะต้องพูดด้วยจากความเข้าใจจากประสบการณ์ของตัวเอง พูดเพราะตัวเองเคยทำแบบนี้มาก่อน อยากให้แบ่งปันร่วมกับผู้อื่น สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้
บทสรุปการเรียน The Influencer ครั้งที่ 4 ได้เล่าถึงเบื้องต้นการเป็นนักวิเคราะห์การลงทุน ถือเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญที่จะต้องรู้รอบด้านในวงระดับเศรษฐศาสตร์ จึงต้องอาศัยการเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบ ฝึกในการวิเคราะห์ข่าว แล้วต้องมีการสอบใบอนุญาตเพื่อยกระดับตัวเองในการเป็นนักวิเคราะห์อย่างแท้จริง นอกจากนี้ นักลงทุน หรือผู้ที่สนใจสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ได้เช่นกัน
แล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีจรรยาบรรณ วิชาชีพ และรักษาความเป็นมืออาชีพ ที่จะสามารถดำรงในอาชีพนักวิเคราะห์สายการลงทุนได้ ส่วนเรื่องการวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญที่จะมีเป้าหมายชีวิตของตัวเองที่จะต้องทบทวนอยู่บ่อยครั้ง ควบคู่ไปกับสอนการเป็น Influencer หรือ นักผลิตสื่อด้านการเงิน การลงทุน ในการเผยแพร่สื่อแพลต์ฟอร์มต่างๆที่จะสื่อสารไปยังผู้คนได้ ถึงในระยะแรกจะวิวน้อย หรือมีผู้ติดตามน้อย นั่นคือจุดเริ่มต้นในก้าวสู่การผลิตคอนเทนต์การเงินการลงทุน แ
ล้วยังต้องเจออุปสรรคมากมายที่จะต้องฟันฝ่าจนก้าวสู่การมีชื่อเสียง ก็คือการมีคุณค่าตัวตนของเราที่อยากให้ความรู้ร่วมกับผู้อื่นมาถ่ายทอดต่อไปเรื่อยๆค่ะ
หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์ในการนำเสนอสำหรับผู้ติดตามทุกคนนะคะ อย่าลืมฝากเพื่อนๆ และผู้ติดตามทุกท่านมาช่วยกันโหวตให้คะแนนหนูหน่อยค่ะ เพื่อได้รับคัดเลือกเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของโครงการ The Influencer Financial & Investment มาร่วม Vote ได้ผ่านทางลิงค์นี้ หรือ QR Code จากภาพค่ะ
 
“1 Vote = 1 ให้กำลังใจ” ในการผลิตสื่อของเราต่อไปค่ะ
* หมายเหตุ Content นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ The Influencer Financial & Investment ของ E-FinanceThai เท่านั้น
#TheInfluencerTH #TheInfluencer2025
โฆษณา