6 มิ.ย. เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ธปท.เปิด 4 ความเสี่ยงเสถียรภาพการเงินไทย ที่ต้องจับตา

ธปท.แจงระบบการเงินไทยมีเสถียรภาพ แต่ยังมีความเสี่ยงจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เปราะบาง ภาวะการเงินที่อาจดึงตัวมากขึ้นกระทบสภาพธุรกิจและครัวเรือน บริษัทขนาดใหญ่ก่อหนี้สูง เสี่ยงต่อระบบ และฐานะการเงินของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการประเมินเสถียรภาพระบบการเงินไทยในปี 2567 โดยระบุว่า ระบบการเงินไทยโดยรวมยังคงมีเสถียรภาพที่ดีและสามารถสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งธนาคารพาณิชย์, สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ, ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) และสหกรณ์ออมทรัพย์ ต่างยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ว่าคุณภาพหนี้บางส่วนจะด้อยลงบ้าง แต่ภาพรวมยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินไทยในระดับที่เหมาะสม
ขณะที่การลดลงของหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เป็นสัญญาณที่ดีในการลดหนี้ (deleverage) ที่จะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพระบบการเงินในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสถียรภาพที่ดีในภาพรวม แต่ปัจจัยเสี่ยงจากหลายด้านยังคงมีผลกระทบต่อระบบการเงินไทยในอนาคต ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ในระหว่างที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีในปี 2567 การเสริมสร้างเสถียรภาพระบบการเงินก็ยังคงต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกและภายใน โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยในระยะข้างหน้า อาทิ นโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ปัญหาเชิงโครงสร้างของบางภาคธุรกิจ และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาด
นอกจากนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงก็เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อหนี้ครัวเรือนยังมีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้และการใช้จ่ายของประชาชน ส่งผลต่อเสถียรภาพของทั้งระบบการเงินและเศรษฐกิจ
ธปท.ระบุว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบการเงินไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาวะเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก หรือความผันผวนของตลาดการเงินระหว่างประเทศ จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดไทย
  • นักลงทุนในตลาดการเงินไทยมีความเปราะบางจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ
เมื่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงจากปัจจัยต่างๆ เช่น การปรับตัวของนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก หรือปัญหาการฟื้นตัวที่ช้าในบางภาคธุรกิจ อาจทำให้เกิดการขายสินทรัพย์ที่ไม่คาดคิด ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ในตลาดลดลง และกระทบต่อฐานะทางการเงินของนักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายย่อย
หากมีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปรับตัวลงของราคาสินทรัพย์ในต่างประเทศ (global asset price correction) หรือการเทขายสินทรัพย์จากความตื่นตระหนก (panic asset selling) จะยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดและเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงินในระยะยาว
  • ภาวะการเงินที่ตึงตัวในปี 2567
เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องของทั้งธุรกิจและครัวเรือน ซึ่งสะท้อนจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ลดลงและการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนที่หดตัว โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินนี้ได้แก่ ความต้องการสินเชื่อที่ลดลง การชำระคืนหนี้ และความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้กู้บางกลุ่ม
การประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ) รวมถึงการแข่งขันจากสินค้าจีนที่เข้ามาในตลาดไทย จะเป็นแรงกดดันสำคัญต่อการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่สูงและหาตลาดทดแทนได้ยาก ซึ่งจะส่งผลต่อการจ้างงานและรายได้ของครัวเรือน
  • บริษัทขนาดใหญ่บางรายที่มีการก่อหนี้ในระดับสูง (highly leveraged large corporations: HLLCs)
เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้กับเสถียรภาพของระบบการเงินไทย แม้บริษัทขนาดใหญ่โดยรวมจะมีผลการดำเนินงานที่ดีและความสามารถในการชำระหนี้ที่สูง แต่การสะสมหนี้ในระดับสูงอาจทำให้บริษัทเหล่านี้มีความเสี่ยงในการรองรับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
หากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าหรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ การชำระหนี้ของบริษัทเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินในระดับกว้าง
1
ความเสี่ยงที่สูงจากการก่อหนี้อาจทำให้เกิดการล้มละลายหรือความไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงินและอาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินในวงกว้าง
  • ภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเผชิญกับปัญหาการชะลอตัวและการฟื้นตัวที่ช้า
โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งอุปสงค์ในกลุ่มนี้ลดลงตามกำลังซื้อของประชาชนที่อ่อนแอ นอกจากนี้ การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมายังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (developer) ที่เน้นพัฒนาอาคารชุดอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านชื่อเสียง (reputation risk) และอุปทานคงค้างที่อาจระบายได้ยากขึ้นหากอาคารได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว การขาดความเชื่อมั่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะส่งผลกระทบต่อการขายและการพัฒนาโครงการในอนาคต
เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพในระยะยาว ธปท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนความเสถียรของระบบการเงิน
ทั้งการเพิ่มสภาพคล่องเพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว การปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของสินเชื่อบัตรเครดิต และการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (NaCGA) เพื่อช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
โฆษณา