Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
9 มิ.ย. เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ย้อนรอย 25 ปี ฟองสบู่ดอตคอม เมื่อนักลงทุน ตื่นเต้นกับเทคโนโลยี
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้เจอกับสิ่งที่เรียกว่า ฟองสบู่ดอตคอม (Dot-Com Bubble)
มันคือยุคทองของอินเทอร์เน็ต ที่บริษัทไอทีเกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก
นักลงทุนแห่เข้าไปลงทุนกันเต็มที่ ทั้งที่หลายบริษัทยังไม่มีรายได้ ยังไม่มีกำไร เพราะเชื่อว่า อินเทอร์เน็ต คือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก
แม้สิ่งนี้จะเปลี่ยนโลกได้จริง
แต่สำหรับนักลงทุนหลายคน ในตอนนั้น คงเป็นฝันร้ายที่กลายเป็นจริง
หลังฟองสบู่แตก ราคาหุ้นดิ่งลงเหว จนนักลงทุนเจ็บตัวกันถ้วนหน้า
วันนี้ เวลาก็ล่วงเลยมา 25 ปีแล้ว
แต่ก็ยังเป็นบทเรียน ที่เตือนสตินักลงทุนได้ดี มาจนถึงตอนนี้
อีกทั้งบางคน ก็ตั้งคำถามว่า บรรดาหุ้น AI ที่ขึ้นมาเยอะในช่วงปีที่ผ่านมา กำลังเผชิญกับฟองสบู่เช่นเดียวกันหรือเปล่า ?
เบื้องหลังของเรื่องนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนดูวิกฤติฟองสบู่ดอตคอม หากเราดูดัชนี NASDAQ แหล่งรวมหุ้นเทคโนโลยี ในช่วงปลายยุค 90s จะเห็นการขึ้นลงแรงที่ผิดปกติ
เริ่มต้นในปี 1995 ดัชนี NASDAQ อยู่ที่ระดับ 750 จุด จากนั้นตลาดก็เป็นขาขึ้นร้อนแรง มาโดยตลอด
สิ้นปี 1996 ดัชนี 1,291.03 จุด
สิ้นปี 1997 ดัชนี 1,570.35 จุด
สิ้นปี 1998 ดัชนี 2,192.69 จุด
สิ้นปี 1999 ดัชนี 4,069.31 จุด
แค่ปี 1999 ปีเดียว ดัชนีปรับตัวขึ้นจากปีก่อนถึง 85%
แต่ในปี 2000 ที่ฟองสบู่แตก ดัชนีก็ร่วงลงกว่า 39% มาอยู่ที่ 2,470.52 จุด และร่วงต่อเนื่องในปีต่อ ๆ มา
สิ้นปี 2001 ดัชนี 1,950.40 จุด
สิ้นปี 2002 ดัชนี 1,335.51 จุด
โดยในวันที่ 9 ต.ค. 2002 NASDAQ ทำจุดต่ำสุดที่ 1,114 จุด หรือลดลง 78% จากจุดสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 15 ปี กว่าดัชนีจะกลับมายืนเหนือจุดเดิมได้..
ในเวลานั้น ที่ฟองสบู่ก่อตัว ทุกคนพูดถึงว่า “อินเทอร์เน็ต จะเปลี่ยนโลก” ใครที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยีนี้ คือล้าสมัย
บริษัทไหนที่มี .com ในชื่อบริษัทหรือชื่อหุ้น ราคาหุ้นก็จะพุ่งขึ้นทันที แม้ผลประกอบการที่ทำได้ จะไม่ได้สวยหรูอย่างที่ขายฝันไว้
ยกตัวอย่าง บริษัทที่ขายฝัน จนทำให้นักลงทุนต้องผิดหวัง
ธุรกิจต้องล้มละลายไป ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเปิดกิจการไม่นาน เช่น
-
Pets.com
(ขายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง)
- Webvan (ขายของชำ)
-
Boo.com
(ธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าและเครื่องสำอาง)
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ได้มีเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน ที่นักลงทุนกลับมาคลั่งไคล้หุ้นเทคโนโลยี จนผลักดันให้ราคาหุ้นพุ่งทะยานขึ้นหลายเท่า ด้วยกระแสความร้อนแรงใน AI
บริษัทไหนทำธุรกิจเกี่ยวกับ AI มีโปรเจกต์ด้าน AI มักจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน หรือแม้แต่ได้พรีเมียมในราคาหุ้น
จนมีคนตั้งคำถามว่า ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ “AI Bubble” หรือเปล่า
AI คือเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้ และคิดได้เหมือนมนุษย์ และอาจเหนือกว่า
ถือเป็นเทคโนโลยีอเนกประสงค์ ที่ประยุกต์ใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรม
ความก้าวหน้าของ AI และความอเนกประสงค์ของมัน จึงไม่แปลกเลยที่มูลค่าตลาดของ AI ทั่วโลกตอนนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 12.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปี 2023
และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจนแตะ 59.2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 37.3%
ความร้อนแรงของกระแส AI และการตื่นตัวของผู้คนทั่วโลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่เกิดจากการรับรู้ถึงความสามารถของ ChatGPT และโมเดล AI ตัวอื่น ๆ
ได้ผลักดันให้ราคาหุ้นที่ได้อานิสงส์จาก AI เช่น
- หุ้นในกลุ่ม 7 นางฟ้า ได้แก่ Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta Platforms, Tesla และ Nvidia
- หุ้นชิป TSMC, ASML, Broadcom
ปรับตัวขึ้นเท่าตัว, 2 เท่าตัว หรือมากกว่านั้น ในช่วงเวลาไม่นาน
แล้วสถานการณ์ตอนนี้ เหมือนหรือแตกต่าง กับฟองสบู่ดอตคอม ตอนนั้น ?
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างแรกเลยคือ การประยุกต์ใช้งานจริง
ยุคนี้มีการใช้งาน AI จริงแล้วหลายด้าน
บริษัทต่าง ๆ นำ AI มาสร้างผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งทางตรงและทางอ้อม จนผลประกอบการเติบโต
ต่างจากยุคดอตคอม ที่หลายบริษัทไม่มีรายได้ และผลประกอบการไม่มีจริง
- Copilot ใน Microsoft 365 ช่วยให้พนักงานทำงานเร็วขึ้น
- ใช้ AI ช่วยยิงโฆษณาใน Facebook ช่วยให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
อีกทั้งมี AI ด้านงานวิจัยยา และ AI เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคให้แม่นยำขึ้น
แปลว่า AI ไม่ได้อยู่แค่ในความหวัง แต่มันสร้าง Productivity และแหล่งรายได้ใหม่ให้กับหลายบริษัท
โดยผลประกอบการไตรมาสล่าสุด
- Meta มีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% ซึ่งรายได้ค่าโฆษณายังคงโตต่อเนื่อง ด้วยการนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการยิงโฆษณา
- Microsoft มีรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% โดยได้รับแรงหนุนจากธุรกิจ Azure ที่ได้อานิสงส์จากการเติบโตในส่วนของ AI
- Nvidia มีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 69%
จากความต้องการชิป AI ที่ยังคงมีความต้องการมหาศาลจากทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม แม้ AI จะใช้ได้จริง และแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน หรือกิจกรรมทางธุรกิจแล้ว
แต่ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลอยู่หลายข้อ เช่น
- มูลค่าหุ้นบางบริษัท สูงเกินปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น
- นักลงทุนบางคน ซื้อหุ้น AI โดยไม่เข้าใจเทคโนโลยีนั้นจริง ๆ
- สตาร์ตอัปด้าน AI บางราย ยังไม่มีรายได้ หรือมีนิดหน่อย แต่กลับระดมทุนได้มหาศาล
แม้แต่บริษัทที่ยอดเยี่ยม ก็อาจไม่ใช่การลงทุนที่ดีเสมอไป หากจ่ายในราคาที่ไม่สมเหตุสมผล
สุดท้ายนี้ AI คือเทคโนโลยีที่มีพลังมหาศาล ที่จะพลิกประวัติของมนุษยชาติ
1
แต่ถ้าเป็นเรื่องของการลงทุน ในหลาย ๆ ครั้งมนุษย์เราก็มักตีความอนาคตและมูลค่าเกินจริง
ฟองสบู่ดอตคอมเมื่อ 25 ปีก่อน คือเครื่องเตือนใจว่า เทคโนโลยีที่ดี ไม่ได้แปลว่า เป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง
ดังนั้น ไม่ว่า AI จะเป็นโอกาสหรือฟองสบู่ การลงทุนที่ดีต้องเริ่มจากความรู้ ความเข้าใจ และการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน ไม่ใช่แค่การไหลตามกระแส
1
ซึ่งนักลงทุนควรถามตัวเองว่า ลงทุนใน AI เพราะเข้าใจ และเห็นศักยภาพ
หรือเพียงเพราะกลัวจะตกรถไฟอีกครั้ง
แล้วเราคิดว่า AI ในวันนี้ คือฟองสบู่ หรือโอกาส ?
References
-
https://www.securities.io/th/investing-anthropic-preipo
-
https://th.investing.com/indices/nasdaq-composite
-
https://moneyweek.com/investments/tech-stocks/is-the-ai-boom-another-dotcom-bubble
-
https://www.grandviewresearch.com/horizon/outlook/artificial-intelligence-market-size/global
หุ้น
การลงทุน
18 บันทึก
35
8
18
35
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย