Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
7 มิ.ย. เวลา 14:00 • หนังสือ
สำเร็จในที่ทำงานแบบคนกลางๆ สร้างโอกาสเติบโตในโลกที่แข่งขันสูงแบบพี่โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ
💼 คำแนะนำอันดับหนึ่งที่เราได้ยินกันบ่อยๆ สำหรับใครก็ตามที่อยากสร้างความมั่งคั่งในชีวิตคือ ‘สร้างธุรกิจ’ หรือเป็นผู้ประกอบการ เป็นนายของตัวเอง
แต่เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนไปซะทั้งหมด
1
ที่จริงแล้ว อาลี แอ็บดัล (Ali Abdaal) ผู้เขียน ‘Feel Good Productivity’ บอกว่ามีเพียง 7% ของประชากรโลกเท่านั้นที่จะกลายเป็นผู้ประกอบการ ส่วนที่เหลืออีก 93% คือพนักงานทำงานทั่วไป ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกอะไรเลย
แต่ตรงนี้ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เพราะการเป็นหนึ่งใน 93% นั้นถือว่าเรามีคู่แข่งเยอะมากๆ อีกอย่างคือถ้าเอาความสามารถหรือทักษะมาวัดเรียงเป็นกราฟ ตัดส่วนหัวกับส่วนท้ายออกไป คนส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในช่วงกลางๆ ของกราฟระฆังคว่ำ
จุดนี้ในตัวมันเองก็ไม่ได้ไม่ดี แต่มันก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร เงินเดือนก็อาจจะกลางๆ ทำงานไปเรื่อยๆ ไต่เงินเดือนขึ้นทีละนิด
แน่นอนว่าถ้าคุณพอใจตรงนี้ มีความสุขแล้วก็จบ
แต่ถ้าเราเป็นคนระดับปานกลาง ภาษาก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร ทักษะก็ไม่ได้เหนือใครไปซะทุกเรื่อง พ่อแม่ไม่ได้มีเส้นสาย คอนเน็กชันเพื่อนก็ธรรมดาๆ จบมหาวิทยาลัยทั่วไป ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา ฯลฯ
เอาเป็นว่า...ก็คนปานกลางคนหนึ่ง นั่นแหละ
แล้วคนปานกลางแบบนี้จะโดดเด่น และสำเร็จได้ไหม? เราจะสร้างโอกาสเติบโตในโลกที่แข่งขันสูง (และไม่เท่าเทียมกัน) ได้ยังไง?
📖 พี่โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ (ผู้ที่อยู่ในวงการธุรกิจ-การตลาดมาอย่างยาวนาน มีผลงานมากมายตั้งแต่ Happy ของ DTAC แม่มณี และ Robinhood ของ SCB) เขียนไว้ในหนังสือ ‘วิถีคนปานกลาง’ ว่าตัวเขาเองก็เป็นคนกลางๆ เช่นเดียวกัน ทั้งเรื่องเรียน ทักษะ คอนเน็กชัน ครอบครัว ทุกอย่างธรรมดามากๆ แต่ที่ประสบความสำเร็จได้มาถึงตรงนี้ เขาบอกว่ามีเทคนิคอยู่ 5 อย่าง
✅ 1. ทำงานที่ไม่มีใครทำ
ตอนที่เข้าไปทำงานตำแหน่งนักลงทุนสัมพันธ์ที่ดีแทค พี่โจ้บอกว่าหลงเข้ามารับงานที่ไม่มีใครอยากทำตรงนั้นโดยบังเอิญ เพราะต้องเจอนักลงทุนต่างชาติซักถามข้อมูลละเอียดยิบ
แม้จะทรมาน แต่ก็พลิกแพลงเอาตัวรอดมาได้ (ด้วยเงินเดือนดีด้วยจึงไม่กล้าออก)
เขากลายเป็นคนเดียวในบริษัทที่เจอกับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ และรู้ตัวเลข ข้อมูลเชิงลึกทุกอย่าง ได้เจอผู้บริหารระดับสูง และอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่บ่อยมากขึ้น กลายเป็นคนที่ซีอีโอของบริษัทต้องพกไปไหนมาไหนด้วย โอกาสจึงเพิ่มขึ้นตามมา
“คนที่มีฝีมือปานกลาง ถ้าทำงานที่ใครๆ ก็อยากทำ โอกาสที่จะแสดงฝีมือเป็นที่ประจักษ์ก็ไม่ง่าย คู่แข่งก็จะเยอะ แต่ถ้าเราหลีกไปพื้นที่ที่ทุรกันดารหน่อยแล้วมีโอกาสทำงานได้อย่างเต็มที่ก็เป็นเคล็ดลับหนึ่งของคนระดับปานกลางอย่างพวกเราเช่นกัน” พี่โจ้อธิบาย
✅ 2. ทำเกิน
ที่ทำงานแรกของพี่โจ้คือบริษัทหลักทรัพย์เอกธำรง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บ้าพลัง ทำงานกันหนักมากๆ
รุ่นพี่จะทำงานไป สอนไป
รุ่นน้องก็ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริงอย่างเข้มข้น
เป็นหลักสูตรทำงานหนัก และมาตรฐานการทำงานที่สูงมาก ถือเป็นหลักสูตรการทำงานที่ช่วยทั้งมอบความรู้และนิสัยการทำงานหนักมาด้วย
พอมาทำงานที่ใหม่ นิสัย ‘ทำเกิน’ ก็ติดมาด้วย
ทำงานเกินความคาดหวังของเจ้านาย ทำเสร็จก่อนเวลา ครบถ้วน ไม่ต้องให้ย้ำ
พี่โจ้บอกว่า ไม่ว่าจะเจ้านายหรือลูกค้า เขาจะจำเราได้ก็ต่อเมื่อสิ่งที่ได้รับนั้นเกินความคาดหวังที่ตั้งเอาไว้
เพราะฉะนั้นคนกลางๆ อยากให้คนอื่นจำ ต้องหัด ‘ทำเกิน’ ไว้จนเป็นนิสัย “ของานวันอังคาร จันทร์เสร็จแล้ว ให้ไปถามลูกค้าสิบคน ก็ถามสักร้อยคน”
✅ 3. ทำให้นายเป็นง่อย
เวลาทำงานกับหัวหน้า ให้ช่วยงานให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
รับอาสาจัดการงานหลายๆ อย่างที่เป็นหน้าที่ รู้ใจทำแทนได้ วางใจได้
สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการประเมินงานช่วงปลายปีอย่างมาก
✅ 4. ทำสำเร็จ ไม่ใช่แค่เสร็จ
“มีคนถามผมบ่อยว่าคนดีกับคนเก่งควรจะเลือกใคร ผมก็จะตอบว่าผมจะเลือกคนที่ทำสำเร็จ” พี่โจ้บอก
เขาหมายถึงว่าพนักงานส่วนใหญ่ คือทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จคือจบ นั่นคือทำงานเสร็จ
สำเร็จไหม ไม่รู้ ไม่ใช่หน้าที่ ก็ไม่ทำต่อ แบบนี้เก่งแค่ไหนพี่โจ้บอกว่าแทบไม่มีประโยชน์กับการทำงานในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่นบอกเลขาฯ ว่าให้นัดแขกสักคนหนึ่งสัมภาษณ์
คนทำงานเสร็จ = ส่งเมลนัด จบ (ทำเสร็จแล้ว) แต่ตอบรับหรือไม่ตอบไม่รู้ ว่างเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ทำงานเสร็จแล้ว
คนทำงานสำเร็จ = ส่งเมลแล้ว ไม่มีการติดต่อกลับ โทรไปตาม ถ้าติดต่อไม่ได้ ต้องหาทางติดต่อช่องทางอื่น ถ้าได้คำตอบว่างไม่ตรงกัน ขยับวันได้ไหม ประสานงานจนนัดกันได้จริง นี่การทำงานที่สำเร็จ ไม่ใช่แค่เสร็จ
“ทัศนคติของคนที่ทำงานสำเร็จ ไม่ใช่เสร็จ เป็นทัศนคติที่คนระดับกลางๆ ได้งานที่ดีและชนะคนเก่งมานักต่อนักแล้วนะครับ”
✅ 5. ทำอะไรไม่รู้ แต่ยกมือไว้ก่อน
พี่โจ้เล่าถึง ‘คุณตัน ภาสกรนที’ ตอนเริ่มทำงานอยู่ระดับต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารเลย
เป็นจับกังแบกของ ไม่นานคุณต้นก็กลายเป็น ซูเปอร์ไวเซอร์ เงินเดือนขึ้นมาหลายเท่า
คุณตันเล่าถึงเคล็ดลับของคนที่การศึกษาน้อย พูดก็ไม่ชัด หน้าตาก็ไม่ดีไว้ว่า มีอะไรใครไม่ทำ งานตรงไหนต้องการคนช่วย วันหยุดขาดแรงงานแกยกมืออาสาไว้ก่อน หนักเอาเบาสู้ ไม่เกี่ยงงาน ทำให้นายจำนายตันได้แม่นกว่าจับกังคนอื่น
เคล็ดลับในการเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ของคุณตันคืออะไร? พี่โจ้ถาม
คุณตันเปิดแผลข้างหลังให้ดูพร้อมเล่าว่าตอนนั้นพอทำเป็นจับกังได้สักพัก บริษัทมาถามหาคนในว่ามีใครขี่มอเตอร์ไซค์เป็นไหม คุณตันรีบยกมือก่อนใคร เลยได้งานเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ที่ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปขายของเยี่ยมลูกค้า
แผลเกิดขึ้น เพราะตอนนั้นยกมือ ขับมอเตอร์ไซค์ยังไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่เห็นโอกาส ยกมือคว้าไว้ก่อน แล้วค่อยไปหัดขี่แล้วได้แผลมาตอนนั้นแหละ
พี่โจ้บอกว่า “ผมเองก็มีนิสัยที่ไม่ค่อยแน่ใจก็จะยกมือไปก่อน ทำให้โอกาส ที่จะได้ทำอะไรใหม่ๆ และหลากหลายมากขึ้นตาม ผลพลอยได้ก็คือได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ทั้งสำเร็จและล้มเหลว ที่สำคัญ คือทำให้ผู้ใหญ่จำเราแม่นว่าเป็นคนไม่เกี่ยงงาน มีงานอะไรหลังๆ ก็จะให้โอกาสคนระดับกลางๆ อย่างเราก่อนเสมอ เพราะไม่อิดออด ไม่ชักสีหน้า แต่กระตือรือร้นที่จะลองด้วยความเต็มใจ”
นี่คือ 5 เคล็ดลับที่พี่โจ้ใช้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จแบบวิถีคนปานกลาง สร้างความโดดเด่นและโอกาสให้กับตัวเอง
แน่นอนว่ามันจะมีเรื่องโชค เพื่อนร่วมงานที่ดี จังหวะที่เหมาะสม และอื่นๆ อีกมากมายที่เราควบคุมไม่ได้
แต่อย่างน้อยๆ ในโลกที่การแข่งขันสูงและความเท่าเทียมทั้งทักษะและทุนชีวิตคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยปรับหางเสือและหมุนใบพัดของเรือแห่งชีวิตลำนี้ไปในทิศทางที่คุณต้องการอยากให้มันไปได้
[ อ้างอิงจากหนังสือ วิถีคนปานกลาง ]
#aomMONEY #วิถีคนปานกลาง #ความสำเร็จ #การทำงาน #คนปานกลาง #โจ้ธนา #ธนาเธียรอัจฉริยะ
24 บันทึก
25
15
24
25
15
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย