8 มิ.ย. เวลา 14:30 • ไลฟ์สไตล์

“เริ่มออมให้เร็วที่สุด แต่ต้องไม่ใช่การเก็บไว้เฉยๆ”

5 เทคนิควางแผนเกษียณแบบพึ่งตัวเองได้ โดย คุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ, CFP
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีข่าวว่า คนรุ่นใหม่เลือกที่จะใช้เงินซื้อความในสุขปัจจุบัน มากกว่าที่จะเก็บออมไว้ใช้หลังเกษียณ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้นะครับ เพราะเมื่อหันมองรอบตัว เห็นสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ การซื้อความสุขที่อยู่ตรงหน้า ดูจับต้องได้มากกว่าการเก็บเงินไว้ แต่ไม่รู้อนาคตจะได้ใช้ไหม
แต่อะไรที่สุดโต่งเกินไปย่อมไม่ดีครับ ยิ่งยุคนี้เทคโนโลยีการแพทย์ก้าวหน้า นั่นแปลว่าเราน่าจะมีอายุยืนยาวขึ้น ถ้าไม่เก็บออมเงินไว้บ้างเลย ตอนแก่อาจจะลำบากได้
เพราะ “ตายไปแล้ว แต่ใช้เงินไม่หมด
ดีกว่าต้องสลด เพราะใช้เงินหมด แต่ยังไม่ตาย”
ไม่ผิดที่จะใช้เงินซื้อความสุข ณ ตอนนี้
แต่อย่าลืมแบ่งเงินส่วนหนึ่ง เก็บออมเพื่อชีวิตบั้นปลายด้วยเช่นกัน
วันนี้เรามีเทคนิควางแผนเกษียณดีๆ มาฝากกันครับ โดยคุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ให้แนวทางไว้ผ่านรายการตอบโจทย์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มาดูกันครับว่าถ้าเราอยากเกษียณแบบพึ่งพาตัวเอง ไม่เป็นภาระลูกหลาน จะต้องทำอย่างไร
[1.สำรวจข้อมูลทางการเงินของตัวเอง]
ก่อนที่จะวางแผนเกษียณ เราจำเป็นต้องรู้ข้อมูลเหล่านี้
-ตอนนี้มีเงินออมอยู่เท่าไหร่?
-รับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน?
-มีภาระค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
-ต้องการใช้ชีวิตอย่างไรหลังเกษียณ?
โดยปกติแล้ว เราจะคำนวณการใช้เงินตั้งแต่วันแรกที่เกษียณ จนถึงวันที่เราจากโลกนี้ไป ยิ่งถ้าครอบครัวมีประวัติอายุยืนยาว เราก็ยิ่งควรจะคำนวณเผื่อเข้าไปด้วย
คำแนะนำเพิ่มเติมจาก aomMONEY คือเราคงไม่รู้แน่ชัดว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือการคาดการณ์ ข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าอายุขัยเฉลี่ยของผู้ชายอยู่ที่ 73.2 ปี ส่วนผู้หญิงอยู่ที่ 80.4 ปี เราสามารถใช้ตัวเลขนี้มาประเมิน หรืออาจจะบวกไปอย่างน้อยซัก 5 ปี เผื่อว่าเราจะอายุยืนกว่าที่คาด และเผื่อเรื่องภาวะเงินเฟ้อ
สมมติเราอยากเกษียณตอนอายุ 60 ปี
และคาดว่าตัวเองจะมีอายุถึง 85 ปี
ก็มีสูตรคำนวณแบบง่ายๆ คือ
1
“(ค่าใช้จ่ายต่อเดือน x 12) x จำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่
= เงินก้อนที่ต้องมีในวันเกษียณ”
เช่น
(15,000 x 12) x 25
= เงินก้อนที่ต้องมีในวันเกษียณ 4.5 ล้านบาท
[2.เริ่มต้นออมและลงทุน ให้เร็วที่สุด]
จากข้อแรกคงเห็นกันแล้วว่า เราต้องมีเงินก้อนไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าเริ่มวางแผนเกษียณช้า ก็อาจจะมีเงินออมไม่เพียงพอ เราจึงควรเริ่มต้นออมให้เร็วที่สุด ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงานก็ยิ่งดีครับ
ซึ่งการออมในที่นี้ ไม่ใช่แค่ฝากเงินไว้ในบัญชีเฉยๆ แต่ควรนำไปลงทุนให้งอกเงย เพราะตอนที่อายุน้อยต้องทำให้เงินโตเร็วที่สุด เพื่อให้เงินทำงานแทนในช่วงที่ชีวิตที่เหลือ
คุณวิวรรณยกตัวอย่างทางเลือกการออมที่น่าสนใจ เช่น
👉 #ประกันสังคม ซึ่งแรงงานและมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ น่าจะมีกันอยู่แล้ว
👉 #กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่เป็นการลงทุนให้เงินงอกเงยในระยะยาว
👉 #ประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่จะจ่ายเงินบำนาญ ให้เรามีเงินใช้หลังเกษียณ
[3.ออมขั้นต่ำ 10% และออมเพิ่มถ้ารายได้มากขึ้น]
เมื่อเริ่มทำงานมีรายได้ ก็ควรออมขั้นต่ำอย่างน้อย 10% (หรือถ้าใครออมได้มากกว่านี้ก็ยิ่งดีครับ) แต่ไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียด จนทำให้อึดอัดเกินไป สิ่งสำคัญคือถ้าเรามีรายได้มากขึ้น ก็ให้เพิ่มสัดส่วนการออมตามไปด้วย
[4.ต้องรีบปลดหนี้ให้เร็วที่สุด]
พอถึงวัยมีครอบครัว เรามักจะมีภาระทางการเงินมากขึ้น เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ที่เป็นหนี้ก้อนโตระยะยาว ซึ่งก็เหมือนกับเราถูก บังคับออม 30-40% ของรายได้โดยอัตโนมัติ สิ่งที่เราควรทำคือปลดหนี้ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด แล้วนำเงินจำนวนเท่าเดิมที่เคยผ่อนภาระต่างๆ ไปเก็บออมและลงทุนแทนครับ
[5.อย่ากลัวความเสี่ยงมากเกินไป]
ปัญหาที่พบในนักลงทุนส่วนใหญ่คือ “กลัวความเสี่ยงมากเกินไป” ซึ่งก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะอาจทำให้มีเงินไม่พอใช้หลังเกษียณ
การลงทุนโดยมีเพียง 1 พอร์ต ที่รวมเป้าหมายทางการเงินทุกอย่างไว้ในก้อนเดียวกัน จะทำให้เราคิดว่า “ต้องลงทุนอย่างปลอดภัยเท่านั้น” ทำให้เสียโอกาสในการลงทุนสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม
เราจึงควรแบ่งการลงทุนอย่างน้อย 2 พอร์ต คือ พอร์ตระยะสั้น มีเป้าหมายเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ และ พอร์ตระยะยาว มีเป้าหมายเพื่อเกษียณ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 20-30 ปี พอร์ตส่วนนี้จะรับความเสี่ยงได้สูงกว่าที่เราคิด แม้ว่าตลาดจะผันผวน แต่ในระยะยาวมันจะเติบโตและสร้างผลตอบแทนได้ดี
#aomMONEY #วางแผนการเงิน #วางแผนเกษียณ #คุณก้อย #วิวรรณธาราหิรัญโชติ #CFP
โฆษณา