8 มิ.ย. เวลา 16:40 • ความคิดเห็น
ก่อนตอบคำถามนะพี่ออม ผมจะบอกว่าเชื่อไหมครับ มีหลายคนที่รู้บางอย่างอยู่แก่ใจ แต่เลือกที่จะแสดงออกแบบไม่รับรู้ เช่น คนบางคนเลือกที่จะไม่อยากรับรู้เรื่องดราม่า เพราะมันบั่นทอนจิตใจ แม้ว่าเรื่องดราม่านั้นจะเป็นความจริงในสังคม หรือบางทีเขาอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเหตุนั้นๆ
1
มันก็เหมือนกับคนที่กินหมูย่างอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าหมูหรือลูกหมูที่น่ารักเหล่านี้ ต้องผ่านการฆ่าอย่างโหดร้าย ไม่อยากดูคลิปวีดีโอการฆ่าสัตว์ที่เอาค้อนทุบคอหมู แล้วใช้มีดเจาะเข้าที่ลำคอ เขารู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเห็น เพราะมันจะทำให้กินหมูไม่อร่อย ฉันใดก็ฉันนั้น
2
คำถามนี้มองเผินๆเหมือนไม่มีอะไร แต่ที่จริงแล้วคำถามนี้เป็นคำถามที่ลึกซึ้งและซับซ้อนมากครับ ตั้งแต่วันที่ผมเถียงกับพี่ในแชทส่วนตัว หรือสมัยก่อนที่เราเคยเถียงกันในคอมเม้นของคุณเฉิน พี่ออมอาจจะคิดว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างสนุก พิมพ์ถ้อยคำที่รุนแรง ชอบดื่มเหล้าดื่มเบียร์ แต่ผมเป็นคนชอบอ่านครับ ลึกซึ้งพอตัวเหมือนกัน ผมคิดว่าผมพอที่จะรู้คำตอบนี้อยู่ครับ ซึ่งมันอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน และมันสามารถพิจารณาเป็นคำตอบได้ดังนี้ครับ
1
ความสงบที่ได้จากความไม่รู้ ความสงบแบบนี้อาจเป็นผลมาจากการไม่รู้ถึงความซับซ้อน หรือความหมายของชีวิตครับ ใช่ครับ บางทีความไม่รู้เนี่ยมันอาจทำให้บุคคลมีความสุขความแจ่มใส แต่ก็อาจทำให้บุคคลนั้นไม่พร้อมที่จะเผชิญกับความหมายที่แท้จริงในชีวิตจริงได้ครับ หรือทั้งๆที่สามารถรู้ได้ หรือเขามีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถหาคำตอบได้ แต่ทว่าเลือกที่จะไม่รับรู้
2
มันอุปมาเหมือน คนป่าที่ตัดโลกภายนอกออกไป เขาอาจจะมีความสุขในโลกของเขา เขามีความสุขในการกินหาอาหาร ก่อไฟอยู่ในมุมมองที่แสนสงบ ซึ่งถ้าเขามองออกไปจากจุดที่เขาอยู่ เขาอาจจะคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกบ้าง แล้วพอจะจินตนาการได้ แต่พอเล็งเห็นความน่ากลัวและความทันสมัยที่เขาไม่ต้องการ เขาจึงเลือกที่จะไม่อยากรู้ พี่ออมนึกภาพออกไหมครับ
2
หรือสมมุติว่าความจริงแล้วคนเราเนี่ย อันนี้แค่สมมุตินะครับ สมมุติว่าความจริงแล้วคนเราเป็นเพียงแค่ก้อนสมองอยู่ในถัง มีสายต่อกระตุ้นเซลล์ประสาทเข้าไปในซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ หากมีใครคนนึงอธิบายว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้เป็นตัวเราจริงๆ เรามีชีวิตอยู่ในโลกมายา simulation ถ้าหากความจริงเป็นอย่างนั้น บางคนก็เลือกที่จะไม่ยอมรับความโหดร้ายในเรื่องแบบนี้ เพราะเขารับเรื่องที่รุนแรงและน่ากลัวแบบนี้ไม่ไหว จึงเลือกที่จะลิ้มรสสัมผัสในโลกที่เขาเป็นอยู่และมีความสุขในสิ่งที่เขาไม่ต้องการอยากรู้คำตอบที่โหดเหี้ยมแบบนี้ครับ
2
ซึ่งคนอย่างนี้ก็มีครับ ปฏิเสธความจริง รู้แล้วมันน่ากลัว มันยอมรับไม่ได้ ความจริงนั้นโหดเกินไป ทั้งๆที่เขามีศักยภาพที่จะรู้ได้ แต่เลือกที่จะไม่ไปรู้มันดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้วมันหมดหวังครับ มันหดหู่ ไม่อยากจะไปแตะต้องความจริงนั้น
2
ความสงบที่มาจากการรู้ทุกสิ่ง ความสงบแบบนี้อาจเป็นผลมาจากการผ่านบทเรียนชีวิตมามากมายและเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและยอมรับความจริงของชีวิต อาจทำให้บุคคลมีความเข้าใจและยอมรับในความไม่แน่นอนของชีวิต แต่ก็อาจทำให้บุคคลนั้นรู้สึกเหนื่อย แต่ก็กล้าที่จะยอมรับความเป็นจริง ใจเขาจึงสงบครับ
2
ทั้งสองแบบมีความดีและความไม่ดีในตัวเองครับ การไม่รู้อาจทำให้บุคคลมีความสุข แต่ก็อาจทำให้บุคคลนั้นไม่พร้อมที่จะเผชิญกับความจริง ในขณะที่การรู้ทุกสิ่งอาจทำให้บุคคลมีความเข้าใจ แต่ก็อาจทำให้บุคคลนั้นรู้สึกเหนื่อยล้า เพราะกว่าจะทำใจยอมรับและกลับมาสงบได้เหมือนกับคนที่ไม่ต้องรู้นั้นมันค่อนข้างยาก เพราะมันต้องฝ่าฟันกระบวนการคิดอย่างมากมาย กว่าจะกลับมาสงบได้อีกครั้ง แต่ถ้าทำได้มันจะสงบอย่างถาวรครับ
2
และการ"หยุดคิด"กับ "การคิด" ผมคิดว่าการหยุดคิด" มันหมายถึงการปล่อยวางความคิดและความกังวล ในขณะที่ "การคิด" อาจหมายถึงการวิเคราะห์และพิจารณาเรื่องต่างๆ ทั้งสองอย่างมีความสำคัญในตัวเอง การ"หยุดคิด"อาจช่วยให้บุคคลมีความสงบและผ่อนคลาย ในขณะที่ "การคิด" อาจช่วยให้บุคคลมีความเข้าใจและสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น ซึ่งผมคิดว่าทั้งสองอย่างขาดจากกันไม่ได้เลยครับ เพราะเราควรจะรู้ว่าอะไรควรคิดและไม่ควรคิด เช่นการคิดเรื่องอจินไตยมันทำให้หาคำตอบได้ยากและเป็นส่วนของความบ้าครับ
2
คำถามของพี่ออม คำตอบอาจขึ้นอยู่กับบุคคลและสถานการณ์ของแต่ละคน บางคนอาจชอบความสงบที่ได้จากความไม่รู้ ในขณะที่บางคนอาจชอบความสงบที่มาจากการรู้ทุกสิ่ง สิ่งสำคัญคือการหาสมดุลระหว่างการคิดและการปล่อยวาง และการหาความสงบที่เหมาะสมกับตนเองครับพี่ออม
3
โฆษณา