9 มิ.ย. เวลา 15:03 • ธุรกิจ

การเปลี่ยนผ่านทางความคิด กับ คลื่นแห่งความต้องการ

A CREATE ชวนคุณต่อยอดความคิด
จากบทความ HBR เรื่อง psychological contract
ที่พนักงานรู้สึกว่าถูกละเลยในความต้องการรายบุคคล
.
“จากพนักงานสู่พลเมือง:
เมื่อทุกคนต้องการ ‘ระบบที่เข้าใจฉัน’”
💬 Opening Thought:
“ไม่ใช่แค่ลูกค้าเท่านั้นที่อยากได้ของที่ตรงใจ…
พนักงาน ผู้เรียน คนไข้ ผู้ใช้บริการรัฐ ต่างก็อยากได้สิ่งเดียวกัน —
‘ระบบที่เข้าใจฉัน ไม่ใช่แค่ระบบที่ทำเพื่อทุกคนแบบเดียวกัน’”
🧠 คลื่นเปลี่ยนผ่านสู่โลก
แบบ “Personal-as-default”
1. Marketing:
ลูกค้าไม่อินกับแบรนด์ที่สื่อสารแบบกว้างอีกต่อไป
→ ต้องการ content, product
และ journey แบบเฉพาะตน
2. HR & Organization:
พนักงานไม่ทนกับนโยบายแบบเหมารวมอีกต่อไป
→ ต้องการความเข้าใจ, ความยืดหยุ่น, ความไว้ใจ
3. Public Policy:
คนไม่ทนกับนโยบายรัฐที่ “เท่ากันแต่ไม่เท่าเทียม”
→ ต้องการรัฐที่เข้าใจความต่าง
ของบริบทพื้นที่ / เพศ / รายได้ / อายุ
4. Education:
เด็กเรียนต่างกัน แต่ระบบยังป้อนวิชาแบบเดียวกันให้ทั้งห้อง
→ จึงเกิดกระแส EdTech และ Learning Path แบบปรับตามคน
⚖️ ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ “ความต้องการมากเกินไป”
แต่คือ…
❗ ระบบที่ ไม่พร้อมจะเข้าใจแบบรายบุคคล
❗ ผู้ออกแบบที่ยังคิดด้วย mindset
แบบ “ทำให้ทุกคนเท่ากัน” แทนที่จะ
“ทำให้ทุกคนได้รับโอกาสที่เท่าเทียม”
🔁 Framework: เปลี่ยนจาก “One-Size”
สู่ “Sense-Fit System”
แนวคิดเดิม : One-size-fits-all
แนวคิดใหม่ที่ควรสร้าง : Personal-fit-for-purpose
แนวคิดเดิม : Efficiency-first
แนวคิดใหม่ที่ควรสร้าง : Empathy-first-with-boundary
แนวคิดเดิม : ระบบที่เท่ากันทุกคน
แนวคิดใหม่ที่ควรสร้าง : ระบบที่ฟัง เข้าใจ และตอบสนองได้จริง
แนวคิดเดิม : ตอบสนองเฉพาะลูกค้า
แนวคิดใหม่ที่ควรสร้าง : ตอบสนองทุก stakeholder ที่มีตัวตน
🔍 คำถาม A CREATE เพื่อใช้ขยายไปสู่องค์กรหรือสังคม:
1. ❓ เราออกแบบระบบแบบ “เพื่อองค์กร” หรือ “เพื่อคนในระบบ”?
2. ❓ เรามีกลไกอะไรที่ทำให้แต่ละคน “มีเสียงของตัวเอง” ในระบบ?
3. ❓ ความยุติธรรมในระบบของเรา = กฎเดียวกัน หรือ ความเหมาะสมกับแต่ละคน?
4. ❓ ระบบของเราใช้ “Pattern ที่ยืดหยุ่น” หรือ “กฎแข็งทื่อ”?
หากคุณคือผู้บริหาร ผู้ออกแบบนโยบาย หรือหัวหน้าในทีม
ลองตั้งคำถามแบบคนที่ต้องการให้ระบบฟังเราบ้าง…
🎯 “ถ้าฉันเป็นพนักงานที่บ้านมีแม่ป่วย ฉันยังมีที่ยืนในระบบนี้ไหม?”
🎯 “ถ้าฉันเป็นผู้เรียนที่เข้าใจช้ากว่าคนอื่น แต่ตั้งใจมากกว่า… ระบบนี้จะรอฉันไหม?”
🎯 “ถ้าฉันไม่เหมาะกับโครงสร้างเดิม แต่มีคุณค่าเฉพาะด้าน ระบบจะเห็นฉันไหม?”
🪜 เสนอแนวทางต่อยอด :
• องค์กรสามารถใช้หลัก
“Structured Flexibility” → มีกรอบ + ยืดหยุ่น
• ใช้ Empathy Canvas วิเคราะห์นโยบายหรือบริการ
• ทดลองตั้ง “Listening Post” หรือ “Voice-of-Person” จากทุกฝ่าย: ลูกค้า พนักงาน ผู้ใช้ระบบ
ความท้าทายของยุคนี้ไม่ใช่การผลิต “สินค้าที่ปรับได้”
แต่คือ “ระบบที่เข้าใจคนจริงๆ”
เพราะคนทุกคนกำลังบอกว่า…
“อย่าทำเพื่อฉัน ถ้าคุณยังไม่ฟังฉันจริงๆ”
“เส้นบางๆ” ที่องค์กรจำนวนมากกำลังเผชิญ เพราะในขณะที่พยายามปรับตัวให้ เข้าใจและตอบสนองรายบุคคล แต่ถ้าไม่มี “โครงสร้าง” รองรับที่ดีพอ ก็อาจกลายเป็น ความโกลาหล disguised as empathy ได้ทันที
📌 ถอดบทเรียนเชิงกลยุทธ์:
❗ “Flexible ≠ Fuzzy”
การยืดหยุ่น ≠ การไม่มีระบบ
ยืดหยุ่นที่ดี ต้องมี “กรอบที่ชัด” (Clear Framework)
และ “หลักในการตัดสินใจที่เสถียร”
(Consistent Decision Logic)
💡 แนวคิดคู่แฝดที่ใช้ได้ดี
“Personalization with Pattern”
อยากให้อิสระ? ได้
แต่ต้องมี Pattern ให้ทุกคนรู้ว่า “อะไรยืดได้ / อะไรห้ามพลาด”
🧪 ชวนคิดแบบ A CREATE:
ถ้าเราปล่อยให้ทุกอย่างยืดหยุ่นโดยไม่มีกรอบ
เราจะสร้าง ระบบที่เอาใจคนเฉพาะกลุ่ม
และทำลายความมั่นใจของคนส่วนรวม
แต่ถ้าเราสร้าง ระบบที่ทุกคนรู้สึกว่า
“มีเสียงของตัวเองอยู่ในนั้น”
เราจะได้ ความเป็นระบบ + ความรู้สึกเป็นเจ้าของ
(Ownership) ไปพร้อมกัน
บทความข้างต้น เป็นการชวนคิดต่อยอด
กับกรอบความคิดที่ใหญ่ ที่มากกว่า
“ประเด็นของพนักงาน” เท่านั่น
แต่ชวนมองถึงหลักการนี้
ว่าเกิดขึ้นกับหลายๆกลุ่ม
ไม่ได้นำบทความเดิมมาเขียน
ขอบคุณบทความ “The Workplace Psychological Contract Is Broken. Here’s How to Fix It” (Anne‑Laure Fayard & John Weeks, Harvard Business Review, 6 พ.ค. 2025)
โฆษณา