“เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน” หรือ Emergency fund
ต้องมีเท่าไหร่ถึงเรียกว่าปลอดภัย?
เพราะชีวิตเรา อยู่บนความไม่แน่นอน
สิ่งเล็กๆนี้ ไม่ควรมองข้ามเลย คือ เงินสำรอง
เป็นหลักการพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญมาก เพราะช่วยปกป้องคุณจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน เจ็บป่วย รถเสีย หรือรายจ่ายฉุกเฉินอื่นๆ โดยไม่ต้องกู้ยืมหรือขายสินทรัพย์แบบขาดทุน
และควรมี 3 - 6 เท่า โดยมีวิธีคำนวนดังนี้
1. ทำไมต้อง 3-6 เท่า?
- 3 เท่า: เหมาะกับผู้ที่มีงานมั่นคง รายได้คงที่ หรือมีคนคอยสนับสนุน (เช่น ครอบครัวช่วยได้)
- 6 เท่า: เหมาะกับผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน (เช่น Freelance) มีหนี้สินมาก หรืออยู่ในช่วงเศรษฐกิจไม่มั่นคง
2. คำนวณจาก "ค่าใช้จ่าย" หรือ "เงินเดือน
- ส่วนใหญ่แนะนำให้คำนวณจาก **ค่าใช้จ่ายจำเป็นรายเดือน** (เช่น ค่าผ่อนบ้าน/คอนโด, ค่าอาหาร, ค่าน้ำไฟ) เพราะสะท้อนความต้องการจริงมากกว่าเงินเดือน
- ตัวอย่าง: ถ้าคุณใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท เงินสำรองควรอยู่ที่ 60,000–120,000 บาท
3. เก็บเงินสำรองฉุกเฉินที่ไหนดี?
- ควรเก็บในสินทรัพย์ที่ **ถอนได้ทันทีและมีความเสี่ยงต่ำ** เช่น
- บัญชีออมทรัพย์
- กองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund)
- ผลิตภัณฑ์ฝากประจำที่ถอนก่อนครบกำหนดได้ (แม้เสียดอกเบี้ยบางส่วน)
- **หลีกเลี่ยงการนำไปลงทุน** เช่น หุ้นหรือกองทุนรวมหุ้น เพราะมีความเสี่ยงและอาจขาดทุนเมื่อต้องการใช้เงินทันที
4. **เมื่อไหร่ควรใช้เงินสำรองฉุกเฉิน?**
- เฉพาะกรณี **จำเป็นจริงๆ** เช่น
- ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน
- รายได้หยุดชะงักเพราะตกงาน
- อุปกรณ์สำคัญเสียและต้องซื้อใหม่ (เช่น คอมพิวเตอร์สำหรับงาน Freelance)
- **ไม่ควรใช้** สำหรับความต้องการฟุ่มเฟือย เช่น เที่ยวหรือซื้อของลดราคา
5. **เคล็ดลับการสะสมเงินสำรองฉุกเฉิน**
- เริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ เช่น 1 เท่าของค่าใช้จ่ายก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่ม
- หักเงินออมไว้ทันทีเมื่อได้รับเงินเดือน (Pay Yourself First)
- ใช้เงินโบนัสหรือเงินได้พิเศษเพื่อเติมเงินสำรอง
**สรุป**
เงินสำรองฉุกเฉินคือ "เกราะป้องกัน" ที่ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเวลามีเหตุร้ายทางการเงิน แม้จะดูเหมือนเงินจำนวนมาก แต่ควรเริ่มเก็บทีละน้อยและปรับให้เหมาะกับสไตล์ชีวิตของคุณครับ 😊
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
