ตอนนี้ Flash Express มีคุณสมบัติพร้อมเข้าตลาดหุ้น แล้วหรือยัง ?
หลายคนน่าจะเคยดูซีรีส์ “สงคราม ส่งด่วน” ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Flash Express สตาร์ตอัประดับยูนิคอร์นรายแรกของไทยกันมาแล้ว
ซึ่งล่าสุด Flash Express ก็ได้มีการเปิดเผยผลประกอบการในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยทำกำไรได้สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาที่ 940 ล้านบาท จากรายได้รวมกว่า 24,531 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ประมาณ 4%
คำถามที่หลายคนน่าจะสงสัยกันก็คือ แล้วตอนนี้ Flash Express มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าตลาดหุ้นไทยได้แล้วหรือยัง ?
ก่อนที่ Flash Express จะเข้าตลาดหุ้น สิ่งแรกที่บริษัทต้องทำก็คือ การเปลี่ยนสถานะบริษัทจาก “บริษัทจำกัด” สู่ “บริษัทมหาชน”
สำหรับเงื่อนไขของการเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชนที่สำคัญ ก็อย่างเช่น
1. ต้องมีผู้เริ่มจัดตั้งบริษัท เป็นบุคคลธรรมดา 15 คนขึ้นไป
2. ต้องมีกรรมการบริษัทอย่างน้อย 5 คน
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลในเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด มีเพียงนายคมสันต์ แซ่ลี เป็นกรรมการบริษัทแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ซึ่งหากบริษัทต้องการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน อาจต้องมีการเชิญตัวแทนจากกลุ่มนักลงทุน VC เข้ามาเป็นกรรมการบริษัทให้ครบ 5 คน
และถ้าบริษัทอยากจดทะเบียนเข้ามาในตลาดหุ้น บริษัทก็ต้องสรรหากรรมการอิสระ ที่ถือหุ้นไม่เกิน 1% เข้ามาเป็นกรรมการตรวจสอบ ให้ได้อย่างน้อย 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดด้วย
โดยขั้นตอนการแปรสภาพจากบริษัทจำกัด ให้กลายเป็นบริษัทมหาชน จะใช้เวลาประมาณ 9 เดือน
ต่อมา เมื่อบริษัทแปลงร่างเป็นบริษัทมหาชนแล้ว ถ้าอยากเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยต่อเลย ก็ต้องมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต.
คุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาด SET และ mai ก็ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อดูจากขนาดธุรกิจของ Flash Express แล้ว ก็คงเดากันได้ไม่ยากเลยว่า Flash Express น่าจะตั้งเป้าเข้ามาจดทะเบียนที่ตลาด SET
เราลองมาดูกันดีกว่าว่า ถ้า Flash Express จะเข้าจดทะเบียนในตลาด SET จะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ? แล้ววันนี้ Flash Express ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติข้อไหนบ้าง ?
1. ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว หลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน ต้องมีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
แม้เราจะไม่มีข้อมูลว่า Flash Express มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งเป็นเงินที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคน ใส่ลงไปหมุนเวียนในกิจการจริง ๆ เท่าไร
แต่เมื่อดูจากทุนจดทะเบียนที่ประมาณ 400 ล้านบาทในปัจจุบัน และการระดมทุนจาก VC ที่ประสบความสำเร็จทุกรอบ จนมาถึงซีรีส์ F
ถ้าหากผู้ถือหุ้นแต่ละคนชำระเงินทุนจดทะเบียน เป็นจำนวนมากกว่า 100 ล้านบาทแล้ว เกณฑ์นี้ Flash Express ก็คงไม่ได้ติดปัญหาอะไร
2. มีส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท และก่อน IPO ต้องมีส่วนของผู้ถือหุ้นมากกว่า 0
ปัจจุบัน Flash Express มีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบอยู่ประมาณ 3,960 ล้านบาท
แต่ก็ต้องบอกว่า การมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ ถือว่าเป็นเรื่องปกติของธุรกิจสตาร์ตอัป ที่ชอบใช้กลยุทธ์เผาเงิน เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งให้เร็วที่สุด
โดยที่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับกำไรมากนัก จนการขาดทุนสะสมกัดกินส่วนของผู้ถือหุ้น
แต่เมื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งมาได้มากพอแล้ว ก็ถึงเวลาที่ธุรกิจสตาร์ตอัปจะเริ่มทำกำไร อย่างเช่น Flash Express ในตอนนี้
ถ้าเราสมมติว่า ปีต่อ ๆ ไป Flash Express จะทำกำไรได้ 1,000 ล้านบาท พอ ๆ กับกำไรสุทธิปีล่าสุด บริษัทจะใช้เวลาประมาณ 4 ปี ในการล้างขาดทุนสะสม จากนั้นถึงจะสามารถเข้าตลาดหุ้นได้
แต่ก็มีวิธีการล้างขาดทุนสะสมได้เร็วกว่านั้น นั่นคือ การเพิ่มทุน
โดยการเพิ่มทุน สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
- การออกหุ้นใหม่ เพื่อขอเงินลงทุนจากนักลงทุน
- การแปลงหนี้เป็นทุน เพื่อเปลี่ยนเจ้าหนี้ที่มีอยู่ ให้กลายเป็นนักลงทุนของเรา
แต่ถ้า Flash Express เลือกวิธีที่ 2 คือ การแปลงหนี้เป็นทุน ก็ต้องแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนก่อน
เพราะตามกฎหมายแล้ว มีแค่บริษัทมหาชนเท่านั้น ที่สามารถแปลงหนี้เป็นทุนได้
แม้เราจะไม่รู้ว่า Flash Express มีหนี้เงินกู้ยืมหรือไม่ แต่เมื่อดูจากหนี้สินไม่หมุนเวียนในปี 2567 ที่มีอยู่ราว 6,000 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามหนี้สินไม่หมุนเวียน
ก็เป็นไปได้ว่าในจำนวนนี้อาจจะมีเงินกู้ยืมระยะยาวรวมอยู่ด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่าธุรกิจของ Flash Express มีทั้งที่ดิน รถบรรทุก และโกดังพัสดุ ที่สามารถใช้ค้ำประกันเงินกู้ได้ รวมถึงฐานรายได้กว่า 20,000 ล้านบาท
จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้าเราจะมองว่า Flash Express มีความสามารถในการกู้ยืมเงินระยะยาวจากทั้งสถาบันการเงิน และผู้ร่วมลงทุน
ซึ่งถ้า Flash Express แปลงหนี้เป็นทุนได้จริง ก็น่าจะใช้เวลาล้างขาดทุนสะสมได้เร็วกว่า 4 ปี
3. มีกำไรสุทธิใน 2 หรือ 3 ปีล่าสุด ก่อนยื่นคำขอเข้าตลาดหุ้นรวมกันไม่ต่ำกว่า 125 ล้านบาท โดยในปีล่าสุดก่อนยื่นคำขอต้องมีกำไรสุทธิอย่างน้อย 75 ล้านบาท
ถ้าหาก Flash Express ยังรักษาความสามารถในการทำกำไรได้เหมือนปี 2567 เกณฑ์ข้อนี้ ก็น่าจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับบริษัท
4. รายได้จากการดำเนินงานปีล่าสุดไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
เกณฑ์ข้อนี้ Flash Express ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรเช่นกัน เพราะมีรายได้หลักถึง 20,000 ล้านบาท
5. มีมูลค่าบริษัทไม่ต่ำกว่า 7,500 ล้านบาท
ถ้าอ้างอิงจากกำไรสุทธิปีล่าสุดของบริษัทที่ 940 ล้านบาท และอัตราส่วน P/E โดยเฉลี่ยของธุรกิจขนส่งในตลาดหุ้นไทยที่ 16 เท่า
Flash Express จะมีมูลค่าบริษัทประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าผ่านเกณฑ์ได้สบาย ๆ เลย
อย่างไรก็ตามในอนาคต Flash Express อาจทำกำไรได้สูงกว่านี้ หรืออาจจะสามารถระดมทุนได้ในอัตราส่วน P/E ที่สูงกว่าเพื่อน ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพราะอยู่ในธุรกิจที่มีการเติบโตสูง และมีธุรกิจในต่างประเทศด้วย
และถ้าเป็นแบบนั้น มูลค่าบริษัทของ Flash Express ก็อาจมากกว่า 15,000 ล้านบาทก็ได้
สรุปก็คือ ตอนนี้ Flash Express มีสิ่งที่ต้องทำอยู่ 2 อย่าง หากจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย คือ
แปรสภาพบริษัท จากบริษัทจำกัด ให้กลายเป็น บริษัทมหาชน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 9 เดือน
และล้างขาดทุนสะสม ผ่านการทำกำไรสุทธิให้เป็นบวก จนล้างขาดทุนสะสมได้สำเร็จ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี
หรือหากบริษัทสามารถระดมทุนเพิ่มจากนักลงทุน หรือ แปลงหนี้เป็นทุนได้ ก็จะใช้เวลาสั้นกว่านั้น
แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ปัจจัยชี้ขาดที่จะชี้ชัดว่า Flash Express จะเข้าตลาดหุ้นไทยได้หรือไม่ คือความสามารถในการรักษาความสม่ำเสมอของกำไรของบริษัทเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ รู้ไหมว่า จากการระดมทุนรอบล่าสุด นักลงทุน VC ประเมินมูลค่าของ Flash Express อยู่ที่ 69,300 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในปี 2567 แปลว่า ตอนนี้ Flash Express มี P/E อยู่ที่ประมาณ 73 เท่า
น่าสนใจมากว่า หากบริษัทตัดสินใจเข้าตลาดหุ้นตอนนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้น จะให้มูลค่าบริษัทเท่านี้ เหมือนนักลงทุน VC หรือไม่ ?
#ธุรกิจ
#โมเดลธุรกิจ
#FlashExpress
- 35
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
