วันนี้ เวลา 05:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

👁️ ลืมแว่น Night Vision ไปได้เลย เจาะลึกคอนแทคเลนส์อินฟราเรด ที่อาจทำให้มนุษย์มองเห็นในความมืดได้

“มนุษย์จะมองเห็นในความมืดมิดด้วยตาเปล่าได้ไหม?”
คำถามที่เคยอยู่แค่ในหนังไซไฟ กำลังขยับเข้าใกล้ความจริงขึ้นทุกที ด้วยเทคโนโลยี “คอนแทคเลนส์อินฟราเรด” นวัตกรรมสุดล้ำที่อาจปลดล็อกให้เรามองเห็นคลื่นแสงที่สายตาปกติสัมผัสไม่ได้ แม้จะอยู่ในที่มืดสนิท หรือกระทั่งตอนหลับตาก็ตาม
คุณเคยจินตนาการไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์เราสามารถมองเห็นในที่มืดสนิทได้… โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นตาขนาดใหญ่ที่เทอะทะ หรืออุปกรณ์ใดๆ ให้วุ่นวาย วันนี้จินตนาการนั้นขยับเข้าใกล้ความจริงขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการมาถึงของ “คอนแทคเลนส์อินฟราเรด” ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถมองเห็นแสงที่ปกติแล้วสายตาของมนุษย์ไม่สามารถสัมผัสได้ แม้จะอยู่ในที่มืด หรือกระทั่งตอนหลับตาก็ตาม
เทคโนโลยีนี้อาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่มันกำลังเกิดขึ้นจริงและอาจเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์เราปฏิสัมพันธ์กับโลกไปตลอดกาล...มันทำงานยังไง และจะเปลี่ยนโลกได้จริงเหรอ?
🔬 จากจินตนาการสู่ความเป็นจริง: มันทำงานอย่างไร?
นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่เป็นวิทยาศาสตร์ระดับนาโนที่น่าทึ่งครับ ทีมนักวิจัยนำโดย Yuqian Ma จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศจีน ได้พัฒนาคอนแทคเลนส์ที่ฝัง “อนุภาคนาโน” สุดพิเศษเอาไว้
อนุภาคเหล่านี้ ซึ่งประกอบด้วยโซเดียมแกโดลิเนียมฟลูออไรด์ (sodium gadolinium fluoride), อิตเทอร์เบียม (ytterbium) และเออร์เบียม (erbium) ทำหน้าที่เป็นเหมือน "โรงไฟฟ้าจิ๋ว" มันจะดูดซับรังสีอินฟราเรดในย่านใกล้ (near-infrared) ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่ตาเรามองไม่เห็น แล้วแปลงให้กลายเป็นแสงสีเขียวที่เราสามารถมองเห็นได้
พูดง่ายๆ ก็คือ มันคือหลักการเดียวกับแว่น Night-Vision ที่เราคุ้นเคยกันดี แต่ถูกย่อส่วนลงมาอยู่ในคอนแทคเลนส์บางเฉียบ น้ำหนักเบา และที่สำคัญ...ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่เลยสักนิด
⚠️ "เห็น" แต่ยังไม่ "ชัด": ข้อจำกัดที่ยังต้องก้าวข้าม
แต่ก่อนที่เราจะฝันไปไกลถึงการอ่านหนังสือในความมืด ต้องเข้าใจก่อนว่าเทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นครับ Mikhail Kats ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน ชี้ว่าคอนแทคเลนส์ดังกล่าวยังให้ภาพที่มีรายละเอียดสูงไม่ได้
จากการทดลองทั้งในมนุษย์และหนูทดลอง พบว่าสิ่งที่ผู้สวมใส่เห็นไม่ใช่ภาพคมชัด แต่เป็นเหมือน “จุดแสงสีขนาดใหญ่” (a big colourful blob of visible light) ที่จะสว่างวาบขึ้นเมื่อมีแสงอินฟราเรดความเข้มสูงตกกระทบเท่านั้น พูดอีกอย่างคือ ตอนนี้มันยังจับแสงอินฟราเรดจางๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติไม่ได้ ทำให้เรายังใช้มันเดินสำรวจในที่มืดจริงๆ ไม่ได้นั่นเอง
💡 แค่ "จุดแสงสี" แต่มีความหมายซ่อนอยู่
แม้จะเป็นเพียง ‘จุดแสงสี’ แต่นักวิจัยกลับค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ได้อย่างน่าทึ่ง ในการทดลอง พวกเขาสามารถเข้ารหัสและส่งข้อมูลตัวอักษร ผ่านการปรับความถี่ จำนวน และสีของแสงอินฟราเรดที่ยิงออกไป นี่คือการสาธิตให้เห็นถึงศักยภาพในการ "สื่อสารด้วยแสง" รูปแบบใหม่ ที่อาจนำไปสู่การใช้งานที่คาดไม่ถึงในอนาคต
Peter Rentzepis จากมหาวิทยาลัยเท็กซัสเอแอนด์เอ็ม มองว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพมหาศาล โดยเฉพาะการใช้งานทางการทหาร ที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่มีความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนได้แบบแฮนด์ฟรีและไม่เป็นที่สังเกต
🏠 อนาคตที่น่าจับตา และความเชื่อมโยงถึงไทย
แล้วเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ จะเกี่ยวกับคนไทยอย่างเราได้อย่างไร? หากมองข้ามข้อจำกัดในปัจจุบันไป เทคโนโลยีนี้อาจเปิดประตูสู่มิติใหม่ๆ ที่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด สำหรับประเทศไทย การประยุกต์ใช้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการทหาร
ลองนึกภาพหน่วยกู้ภัยที่ใช้คอนแทคเลนส์นี้ค้นหาผู้รอดชีวิตในซากอาคารมืดทึบได้แม่นยำขึ้นดูสิ หรือจะเป็นทีมแพทย์ฉุกเฉินที่ใช้มันมองหาเส้นเลือดของผู้ป่วยในสถานการณ์คับขันที่แสงสว่างไม่เพียงพอ นี่จึงเป็นโจทย์ท้าทายที่ทั้งนักวิจัยและหน่วยงานกำกับดูแลของไทยต้องเริ่มจับตา เพื่อเตรียมความพร้อมให้เราไม่ตกขบวนรถไฟสายเทคโนโลยีที่กำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า
🔖 ถ้าชอบเรื่องนี้ กดเซฟไว้อ่านทวน หรือจะลองแชร์ชวนเพื่อนมาคุยกันก็ได้นะครับ! 🚀
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ เทคโนโลยีใหม่: นักวิทยาศาสตร์สร้างคอนแทคเลนส์จากอนุภาคนาโน ช่วยให้ผู้สวมใส่ "มองเห็น" แสงอินฟราเรดที่ปกติจะมองไม่เห็นได้
✅ ยังไม่สมบูรณ์: การมองเห็นเป็นเพียง "จุดแสงสี" ไม่ใช่ภาพคมชัด และยังต้องใช้กับแหล่งกำเนิดแสงอินฟราเรดความเข้มสูงเท่านั้น
✅ ศักยภาพสูง: พิสูจน์แล้วว่าใช้ "สื่อสาร" ด้วยการเข้ารหัสแสงได้ และมีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้ทางการทหาร การแพทย์ และหน่วยกู้ภัยในอนาคต
✅ สถานะปัจจุบัน: ยังอยู่ในขั้นวิจัยและพัฒนา แต่ถือเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่งของเทคโนโลยีการมองเห็นในมนุษย์
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
หากเรื่องราววันนี้ทำให้คุณได้เห็นโลกในมุมใหม่ๆ ผมก็ดีใจมากเลยครับ ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังสำคัญที่ทำให้ผมมีกำลังใจค้นคว้าและนำเรื่องราววิทยาศาสตร์น่ารู้แบบนี้มาเล่าให้ฟังกันอีกเรื่อยๆ และยังเป็นการช่วยสร้างพื้นที่ความรู้ดีๆ ให้กับสังคมของเราต่อไปครับ
💬 แล้วคุณล่ะครับ
คิดว่าถ้าเทคโนโลยีนี้พัฒนาจนสมบูรณ์แล้ว มันจะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของเราในด้านไหนได้อีกบ้าง? ถ้าเลือกได้ คุณอยากจะใช้มันทำอะไรเป็นอย่างแรก?
มาแชร์มุมมองกันได้ในคอมเมนต์เลยครับ
🔎 แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
1. Ma, Y., et al. (2025). Near-infrared spatiotemporal color vision in humans enabled by upconversion contact lenses. Cell. http://doi.org/g9k25s

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา