Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
11 มิ.ย. เวลา 15:00 • ไลฟ์สไตล์
แม้เงินไม่พอที่จะมี ‘วิกฤติวัยกลางคน’ แบบคนรุ่นก่อน
แต่ Millennials ก็มีวิกฤติวัยกลางคนในแบบของตัวเอง เพื่อค้นหาเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของชีวิต
🚗 ภาพจำของคำว่า ‘วิกฤติวัยกลางคน’ หรือ ‘Midlife Crisis’ ที่เป็น ‘ชายผมหงอกขับรถเฟอร์รารีสีแดง’ กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อคลื่นของชาว Millennials (มิลเลนเนียล) ที่เกิดระหว่างปี 1981–1996 กำลังขยับเข้าสู่วัยกลางคน และความรู้สึกตื่นตระหนกเมื่ออายุย่างเข้า 40 ของพวกเขามีหน้าตาที่ต่างออกไปจากรุ่นคุณพ่อคุณแม่โดยสิ้นเชิง
จากงานวิจัยพบว่า หลายคนที่เผชิญวิกฤตวัยกลางคนมักประสบภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า สูญเสียเป้าหมาย ความเศร้า และอาการหมดไฟ
แต่ในขณะที่วิกฤตวัยกลางคนที่ถูกขับเคลื่อนโดยความกลัวการร่วงโรยตามวัยหรือความตื่นตระหนกต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของคนยุคเบบี้บูมเมอร์ ผลักให้ใครหลายคนควักกระเป๋าซื้อของแพงๆ หรือเลือกเส้นทางชีวิตใหม่แบบหักมุม
1
❓คนรุ่นใหม่กลับมีความกังวลอีกรูปแบบหนึ่ง
แบบสำรวจชาวมิลเลนเนียลกว่า 1,000 คนของ Thriving Center of Psychology ระบุว่า 81 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าตัวเอง “ไม่มีปัจจัยด้านการเงินเพียงพอ” สำหรับวิกฤติวัยกลางคนในรูปแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถสปอร์ตคันหรู ไปพักร้อนแถบเมดิเตอร์เรเนียนหลายสัปดาห์ หรือเข้าคลินิกศัลยกรรมราคาหลักแสนหลักล้าน
“ถ้ามองจากภายนอก มันอาจดูเหมือนคนรุ่นนี้ไม่กล้าปลดปล่อยตัวเอง แต่ข้อเท็จจริงคือพวกเขากำลังเผชิญวิกฤติอีกแบบ” สตีเวน ฟลอยด์ (Steven Floyd) นักจิตบำบัดผู้ก่อตั้ง SF Psychotherapy Services กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Fortune “มันคือวิกฤตความหมายและการมีส่วนร่วมในชีวิต (crisis of purpose and engagement)” เสียมากกว่า
2
💸 [ เงินที่น้อยกว่า หนี้ที่มากกว่า ]
มิลเลนเนียล เติบโตมาพร้อมคำแนะนำให้เรียนให้เก่ง เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ และทำงานหนักเพื่ออนาคตมั่นคง
1
แต่เมื่อก้าวถึงวัยกลางคน พวกเขากลับพบอุปสรรคทางเศรษฐกิจชุดใหม่ เริ่มจากรายได้เฉลี่ยที่ต่ำกว่าคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ราว 20 เปอร์เซ็นต์ในวัยเดียวกัน ไปจนถึงหนี้สินเพื่อการศึกษาที่ “ติดตัว” ยาวนาน ขณะเดียวกันค่าเช่าและราคาที่อยู่อาศัยก็พุ่งสูงจนการซื้อบ้านหลังแรกต้องเลื่อนไปไกล (หรือในเมืองใหญ่ๆ หลายแห่ง การซื้อบ้านอาจจะไม่สามารถเอื้อมถึงเลยด้วยซ้ำ)
“คนรุ่นที่เติบโตมากับคำสอนให้ขยันและมุ่งไปให้ไกลถึงดวงดาว—พอไปถึงแล้วกลับต้องตั้งคำถามว่า ‘ฉันพอใจกับสิ่งที่มีอยู่หรือยัง?’ หรือแม้แต่ ‘ฉันยังแคร์มันอยู่ไหม?’” - สตีเวน ฟลอยด์
เมสัน ฟาร์มานี (Mason Farmani) โค้ชด้านชีวิตและการเงินจาก Farmani Coaching ชี้ว่า “แรงกดดันทางเศรษฐกิจทำให้มิลเลนเนียลไม่สามารถสร้าง ‘เบาะกันกระแทก’ ทางการเงินได้เร็วพอ” การผ่อนบ้าน ลูก หรือแม้แต่การออมเพื่อเกษียณ ล้วนถูกดันให้ห่างออกไปพร้อมอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่สูงกว่าทศวรรษก่อน สิ่งเหล่านี้ปิดประตูไม่ให้พวกเขาใช้เงินจำนวนมากตามใจในห้วงอารมณ์ชั่ววูบเหมือนคนรุ่นก่อนๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม การไม่มีเงินก้อนใหญ่ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่เผชิญวิกฤติวัยกลางคนเลย
“แม้ว่าภาพจำของวิกฤตวัยกลางคนมักจะเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่นิยามประสบการณ์นี้อย่างแท้จริงคือความปั่นป่วนทางอารมณ์และจิตใจที่ซ่อนอยู่ภายใน” แอนดรูว์ เลธแธม (Andrew Latham) นักวางแผนการเงินที่ได้รับการรับรอง กล่าวกับ Fortune
“ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเงินซื้อของหรู หรือการตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตอย่างกะทันหัน แก่นแท้ของวิกฤตวัยกลางคนคือการแสวงหาความหมาย ตัวตน และการเติมเต็มภายใน— ไม่ใช่ยอดเงินในบัญชีธนาคารของคุณ”
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า แม้อาการของวิกฤติวัยกลางคนจะเปลี่ยนหน้าตาไปจากเดิม แต่มันไม่ได้หายไป
ในสถานการณ์ที่สัดส่วนรายได้ต่อค่าครองชีพไม่เอื้อให้ใช้เงินเพื่อซื้อของแพงๆ มิลเลนเนียลจำนวนไม่น้อยจึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นอยู่
2
“คนที่กำลังเผชิญวิกฤตวัยกลางคนอาจใช้จ่ายอย่างฉับพลันเพื่อเปลี่ยนลุคทั้งตู้เสื้อผ้า ทำศัลยกรรม หรือออกเดินทางแบบไม่วางแผน—โดยที่อาจไม่ได้มีเงินเก็บหรือความมั่งคั่งรองรับเลยก็ได้” เลธแธมกล่าว “พฤติกรรมเหล่านี้มักเกิดจากความต้องการกลับไปสัมผัสความเป็นหนุ่มสาว แสวงหาความหมายในชีวิต หรือหนีจากความรู้สึกติดแหง็ก มากกว่าจะเป็นผลจากการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ”
น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงกะทันหัน (เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง) การดื่มแอลกอฮอล์ถี่ขึ้น รวมถึงการเริ่มบำบัดจิตวิทยา ล้วนถูกระบุว่าเป็นสัญญาณหนึ่งของวิกฤติวัยกลางคนยุคใหม่ได้เช่นกัน
งานวิจัยชิ้นเดียวกันพบว่า อาการทางอารมณ์อย่างซึมเศร้า ความวิตกกังวล และภาวะหมดไฟ (burnout) มักปรากฏควบคู่กัน โดยเฉพาะในช่วงอายุ 35–45 ปี ซึ่งตรงกับจุดสูงสุดของความรับผิดชอบทั้งด้านงานและครอบครัว
⭐ [ ความหมายของครึ่งหลังของชีวิต ]
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ “วิกฤตความหมาย” ปะทุเร็วกว่าที่เคยเห็นในสังคมอุตสาหกรรม คืออิทธิพลของโซเชียลมีเดีย คัทยา วาร์บาโนวา (Katya Varbanova) เจ้าของธุรกิจการตลาดดิจิทัลในอังกฤษ เล่าว่า เธอวางแผนด้านการเงินมาดี มีเงินสำรองให้ออกเดินทางได้เป็นปี ๆ แต่กลับพบว่าตัวเองจมอยู่กับความเครียดจากคอนเทนต์ที่ชวนให้เกิดความเครียด วิตกกังวล ความโกรธ จนเกิดภาวะซึมเศร้าและรู้สึกไร้ตัวตนอยู่เป็นระยะ
“ยุคนี้ทุกคนสามารถเห็นชีวิตคนอื่นในแบบเรียลไทม์” เธอกล่าว “ไม่ว่าเพื่อนจะเปิดบริษัทสตาร์ทอัพใหม่หรือบินไปมัลดีฟส์ ทุกอย่างถูกป้อนเข้าฟีดตลอดเวลา และนั่นทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองถี่ขึ้นว่า ‘เราเดินมาถูกทางหรือเปล่า’”
กลายเป็นการตั้งคำถามกับตัวเองเพราะเปรียบเทียบกับคนทั้งโลกอยู่เสมอ
แม้จะไร้ซูเปอร์คาร์เป็นสัญลักษณ์ แต่นักจิตวิทยาเห็นตรงกันว่าวิกฤติวัยกลางคนยังคงมี “ฟังก์ชัน” ชัดเจน นั่นคือบังคับให้บุคคลสำรวจเส้นทางที่เดินมา และตัดสินใจว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร ฟาร์มานี เสนอว่าอาจถึงเวลาปรับคำจำกัดความ “midlife crisis” เสียใหม่ เพื่อสะท้อนประสบการณ์ของคนรุ่นนี้โดยไม่ผูกติดกับพฤติกรรมฟุ่มเฟือยแบบทศวรรษ 1980
🎯 สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วง ‘วิกฤติวัยกลางคน’ ตอนนี้ควรทำยังไง?
1. แยก “งาน” ออกจาก “คุณค่า” : เมื่ออาชีพไม่อาจตอบโจทย์ทั้งหมด การทำงานอาสา สุขภาพ หรือโปรเจกต์ศิลปะอาจช่วยถ่วงดุลความหมายชีวิต
3
2. ตั้งงบ “ทดลอง” อย่างจริงจัง: เงินสำรองสำหรับเปลี่ยนสายงาน ลาไปเรียน หรือเดินทางเชิงอาสา เงินก้อนนี้จะเป็นเบาะกันกระแทกเพื่อให้เราได้ลองทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต คำถามเช่น ‘หากว่าทำ…จะเป็นยังไงนะ?’
3. สร้างเครือข่ายพูดคุยเชิงลึก: การแบ่งปันความกลัวและเป้าหมายกับคนร่วมอายุรุ่นราวคราวเดียวกันจะช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและขยายมุมมองทางออก
4. สำรวจกิจกรรมเล็ก ๆ ที่จุดประกายความสุข: การออกกำลังกาย เล่นดนตรี หรือปลูกต้นไม้ ล้วนช่วยรีเซ็ตระบบรางวัลในสมองโดยไม่กดดันกระเป๋าเงิน
“มิลเลนเนียลเป็นเจเนอเรชันแรกที่พูดตรง ๆ ว่า เงินไม่ใช่ค่าตอบแทนเดียวที่รับได้” วาร์บาโนวากล่าว “พวกเขาต้องการอิสระและคุณค่าควบคู่กัน”
ในบริบทโลกที่อัตราดอกเบี้ยสูงและตลาดแรงงานผันผวน บางคนเลือกเส้นทางสตาร์ตอัปหรือฟรีแลนซ์เพื่อควบคุมเวลาชีวิต แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงทางการเงินระยะสั้น
เราอาจจะต้องมองว่าวิกฤติวัยกลางคนเป็นกลไกบังคับให้คิดทบทวนที่เจ็บปวด แต่ก็เปิดโอกาสให้คุณโยกย้ายทรัพยากร ทั้งเวลา เงิน และพลังงาน ไปสู่สิ่งที่สำคัญจริง ๆ
เป็นรอยต่อสำคัญของการเติบโต
คำถามอย่างเช่นว่า ‘ฉันคือใคร’ ‘กำลังทำสิ่งที่มีความหมายหรือไม่’ ยังวนกลับมาทุกยุคสมัย
แค่บริบท สังคม เศรษฐกิจ สถานการณ์ ของยุคสมัยเปลี่ยนไป
ในโลกที่การไล่ตามของแพงไม่ใช่ตราสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จอีกต่อไป มิลเลนเนียลอาจกำลังพิสูจน์ว่า วิกฤติวัยกลางคนไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยบัตรเครดิตเต็มวงเงิน รถยนต์ซูเปอร์คาร์ หรือการย้ายบ้านไปอีกทวีป แต่อาจจะจบลงด้วยความเข้าใจใหม่ว่าสิ่งใดกันแน่คือเป้าหมายที่คุ้มค่าจะไล่ตามในครึ่งหลังของชีวิต
อ้างอิง :
https://acendahealth.org/am-i-having-a-midlife-crisis.../
https://thrivingcenterofpsych.com/.../millennial-midlife.../
https://fortune.com/.../millennial-midlife-crisis.../
#aomMONEY #MakeRichGeneration #การเงินส่วนบุคคล #แนวทางการใช้ชีวิต #MidLifeCrisis #Millennials #BabyBoomers
5
43 บันทึก
50
39
43
50
39
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย