11 มิ.ย. เวลา 11:28 • สุขภาพ

โรคเกาต์ (Gout)

เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในร่างกายมากเกินไปจนตกผลึกตามข้อต่างๆ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน และอักเสบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่ข้อหัวแม่เท้า หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
การป้องกันโรคเกาต์ทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร
หลีกเลี่ยงหรือจำกัดอาหารที่มีพิวรีนสูง: พิวรีนเป็นสารที่เมื่อถูกย่อยสลายในร่างกายจะกลายเป็นกรดยูริก การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จึงช่วยลดการสร้างกรดยูริกได้ อาหารที่ควรงดหรือทานให้น้อยที่สุด ได้แก่
เครื่องในสัตว์ทุกชนิด: ตับ, ไต, ไส้, ม้าม, หัวใจ, สมอง, กึ๋น, เซ่งจี๊
เนื้อสัตว์บางชนิด: เนื้อแดง (หมู, วัว, แกะ), สัตว์ปีก (เป็ด, ไก่, ห่าน)
อาหารทะเลบางชนิด: ปลาซาร์ดีน, ปลาไส้ตัน, ปลาอินทรีย์, ปลาทูน่า, ปลาแมคเคอเรล, กุ้ง, หอย, ปลาหมึก, ไข่ปลา
ผักบางชนิด: หน่อไม้, หน่อไม้ฝรั่ง, ดอกกะหล่ำ, ผักโขม, สะตอ, ชะอม, กระถิน, ยอดผักต่างๆ (ยอดคะน้า, ยอดผักหวาน, ยอดผักบุ้งจีน), เห็ด
พืชตระกูลถั่วบางชนิด: ถั่วแดง, ถั่วเขียว, ถั่วเหลือง, ถั่วลิสง, ถั่วลันเตา
อาหารอื่นๆ: ซุปก้อน, น้ำต้มกระดูก, กะปิ, ยีสต์, ขนมปังที่ผสมยีสต์
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: โดยเฉพาะเบียร์ เพราะแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นการสร้างกรดยูริกและยับยั้งการขับกรดยูริก
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง: เช่น น้ำอัดลม, น้ำหวาน, น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เพราะฟรุกโตสในน้ำตาลจะถูกเปลี่ยนเป็นกรดยูริก
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: อย่างน้อยวันละ 8-16 แก้ว (ประมาณ 2-3 ลิตร) เพื่อช่วยในการขับกรดยูริกออกจากร่างกายทางปัสสาวะ และป้องกันการเกิดนิ่วในไต
เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ
2. การควบคุมน้ำหนักตัว
รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน: หากมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ควรลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี เพราะภาวะน้ำหนักเกินเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้กรดยูริกในเลือดสูงขึ้น
3. การออกกำลังกาย
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายช่วยควบคุมน้ำหนักและรักษาสุขภาพโดยรวม
ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
4. การจัดการกับโรคร่วมและยาที่ใช้
ควบคุมโรคประจำตัว: หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ภาวะไขมันในเลือดสูง, โรคไต ควรควบคุมอาการของโรคเหล่านี้ให้ดี เพราะโรคเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้กรดยูริกสูงขึ้นได้
ปรึกษาแพทย์เรื่องยาที่ใช้อยู่: ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง อาจทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้นได้ หากจำเป็นต้องใช้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาปรับยาหรือหาวิธีป้องกัน
5. การพักผ่อนและจัดการความเครียด
พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือความเครียดสะสมอาจส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกาย
จัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การทำกิจกรรมที่ชอบ การทำสมาธิ
6. สุขภาพอื่นๆ
งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมและอาจส่งผลต่อการรักษาโรคเกาต์
ทานวิตามินซี: บางการศึกษาพบว่าวิตามินซีอาจช่วยลดระดับกรดยูริกได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานอาหารเสริม
โฆษณา