11 มิ.ย. เวลา 16:35 • ธุรกิจ

ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่ ตอนที่ 1

ในระบบสุริยะจักรวาล นับจากดวงอาทิตย์ ก็จะเรียงลำดับมาเป็น ดาวพุธ ดาวศุกร์ แล้วก็โลก แม้ว่าดาวพุธจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวศุกร์เกือบสองเท่าแต่ทว่าดาวศุกร์กลับร้อนมากกว่าดาวพุธ เนื่องจากบนดาวศุกร์มีภาวะเรือนกระจกอย่างรุนแรง มีชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่อย่างหนาแน่น ส่งผลให้อุณหภูมิที่พื้นผิวสูงกว่า 460 องศาเซลเซียส
นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศของโลกก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแบบแทบเรียกได้ว่า “เต็มกราฟ!” ดังนั้นแล้วโลกของเราเองก็กำลังร้อนขึ้นเช่นกัน โลกใบนี้ถือกำเนิดมาแล้วราว 4,600 ล้านปี
ปัจจุบันโลกของเราอยู่ในมหายุคซีโนโซอิกซึ่งเริ่มต้นขึ้น 66 ล้านปีที่แล้ว เคยผ่านทั้งช่วงเวลาที่ร้อนกว่านี้แล้วก็เย็นกว่านี้ สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยในปัจจุบันคงอยู่มาเป็นระยะเวลา 10,000 ปีแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เราเองก็มีวิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นด้วยเช่นกัน
…..แล้วในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
คำถามก็คือ เราแก้ไขมันได้ไหม ? ทางออกของปัญหาคือ ? แล้วใครที่จะเป็นผู้รับผิดชอบ ลงมือทำในเรื่องนี้ ?
ภาวะโลกร้อนเป็นภัยคุกคามต่อการทำให้สัตว์ต่าง ๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในสัดส่วนหนึ่งต่อสอง น้ำแข็งขั้วโลกอาจจะหายไปภายในระยะเวลา 10 ปี เรากำลังเห็นการดิสรัปชันทางการเกษตรเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นต่อเนื่อง ประชากรหลายล้านคนต้องอพยพไปอยู่ยังพื้นที่สูงกว่าเดิม พายุต่าง ๆ มีความรุนแรงขึ้น ไฟป่า ภัยแล้งที่ยาวนานกว่าเดิม ความขัดแย้งทางด้านศีลธรรม  ศักยภาพในการพัฒนาสู่ความรุ่งเรืองถดถอยลงและล่มสลายในที่สุด
………..
สหรัฐฯ มีสัดส่วนประชากรคิดเป็นราว 5% ของประชากรโลกแต่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 1 ใน 4 ของทั้งโลก
จริงอยู่ที่คาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้เป็นก๊าซเรือนกระจกเพียงชนิดเดียว แต่ที่เน้นก็เพราะว่าเป็นก๊าซที่ก่อให้เกิดปัญหามากที่สุดในตอนนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน แต่หนึ่งในสามของชาวอเมริกันไม่ได้คิดว่ามนุษย์เป็นสาเหตุ
อุปสรรคใหญ่ที่เราเจอในตอนนี้ก็คือ ไม่มีต้นทุนที่ต้องจ่ายในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่มีบทลงโทษสำหรับการพึ่งพาพลังงานที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้นจึงยากที่จะผลักดันให้ผู้คนหันมาใช้พลังงานสะอาดกัน ในขณะเดียวกันกับที่เหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์เห็นผลจากแบบจำลองสภาพอากาศของพวกเขา ที่พบว่าภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์อย่างมาก
ถ้าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วเราจะไปพึ่งพาแหล่งพลังงานจากไหนกันได้บ้าง ?
เรามุ่งหน้าไปค้นหาคำตอบจากพลังงานทางเลือก อันดับแรกคือ ลม
ที่ West Texas หากเรามองไปรอบ ๆ พื้นที่ราบโล่งกว้างแถบนี้ ที่ดินจำนวนมากจะเป็นของเกษตรกรอยู่แค่ไม่กี่ครอบครัว แล้วในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมานี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับพวกเขา ที่ทำให้เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมพวกเขาถึงสนใจที่จะมีส่วนร่วมในโครงการกังหันลม แน่นอนว่าในตอนแรก ๆ ย่อมมีเสียงคัดค้านอยู่แล้ว ก่อนที่จะมีกังหันลม หลายสิ่งกำลังย่ำแย่ ผู้คนส่วนใหญ่ที่เติบโตที่นี่ ต่างพากันออกจากเมืองเพื่อไปหาอนาคตที่ดีกว่าในเมืองใหญ่
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รักบ้านเกิดแต่มันไม่มีงาน ไม่มีโอกาสที่นี่ แต่ในขณะที่อะไรต่างก็ดูแย่ไปหมดนั้น อุตสาหกรรมลมก็เข้ามา แล้วมันก็พลิกโฉมไปแบบไม่น่าเชื่อ เมืองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง อย่างน้อยที่นี่น่าจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในฟาร์มกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเจ้าของที่ดินกว่า 400 รายที่ต่างก็ได้รับประโยชน์จากโครงการกังหันลมนี้ โดยเจ้าของที่ดินจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จริง ซึ่งก็เป็นโอกาสเดียวของพวกเขาที่จะมีรายได้สม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง
หากโครงการนี้แล้วเสร็จ คาดว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงผู้คนได้กว่า 250,000 ครัวเรือน ส่วนเกษตรกรเจ้าของที่ดินก็จะได้รับเงินอยู่ราว 15,000 เหรียญฯ ต่อกังหันลมหนึ่งต้นต่อปีเหมือนกับเป็นค่าเช่าที่ดิน คล้ายกันกับของบ้านเราที่เขามาเช่าที่ตั้งเสาส่งสัญญาณมือถือนั่นแหละ ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรและปศุสัตว์ได้อีกด้วย
หากเราไปสอบถามผู้คนที่อาศัยอยู่แถบนี้ พวกเขาดูจะมีความสุขกว่าเดิม หลายครอบครัวมีเด็กเล็ก ๆ รวมทั้งมีที่พากันย้ายกลับมาทำงานที่บ้านจากอุตสาหกรรมกังหันลมนี้เอง
แต่ข่าวร้ายก็คือ กระทรวงพลังงานระบุว่าพลังงานลมจากเท็กซัส ทั้งนอร์ธแล้วก็เซาท์ดาโกต้า แคนซัสและมอนทาน่า มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าได้เกินความต้องการใช้ไฟฟ้าของทั้งประเทศ!!! นอกจากนั้นมอเตอร์ไฟฟ้าในกังหันลมจำเป็นต้องใช้ rare earth ซึ่งก็หนีไม่พ้นการขุดทำเหมือง มันไม่มีอะไร green 100%
อ่านต่อได้ที่
Read more: ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่ ตอนที่ 1
โฆษณา