เรนวูด ปาร์ค เมืองต้นแบบที่รับมือวิกฤตด้วยวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
ข่าวประชาสัมพันธ์..
เรนวูด ปาร์ค เมืองต้นแบบที่รับมือวิกฤตด้วยวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
ถ้าเมืองหนึ่งสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองในภาวะวิกฤต
นั่นอาจไม่ใช่แค่เมือง…แต่มันคืออนาคตของการใช้ชีวิต
ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ตั้งแต่โรคระบาด แผ่นดินไหว ไปจนถึงภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพียงไม่กี่แห่งที่กล้า “คิดให้ไกลกว่าการขายบ้าน”
เรนวูด ปาร์ค คือหนึ่งในนั้น
โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่กว่า 2,000 ไร่ ที่ไม่เพียงสร้างบ้าน แต่เริ่มจากการออกแบบ “ระบบชีวิต” เพื่อรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
เสวนา “จากวิกฤต…สู่ชีวิตที่มองไกล” จุดเริ่มต้นของเมืองที่ไม่หวั่นไหวแม้ในวันที่โลกสั่นคลอน
เพื่อประกาศแนวคิดนี้ต่อสาธารณชนและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ เรนวูด ปาร์ค ได้จัดเวทีเสวนาภายใต้ชื่องาน “จากวิกฤต…สู่ชีวิตที่มองไกล FROM CRISIS TO VISIONARY LIVING 2025”
โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรระดับแนวหน้าในวงการ ได้แก่ ฤทธา (Ritta) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่, A49 บริษัทสถาปนิกที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ทั่วประเทศ และ PIA Interior ดีไซน์เนอร์ภายในที่ยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตให้เข้ากับบริบทแห่งอนาคต
การรวมตัวของ 4 องค์กรนี้ไม่ใช่แค่ความร่วมมือเชิงธุรกิจ แต่นี่คือ “ความตั้งใจร่วมกัน” ที่จะปักหมุดสร้างเมืองต้นแบบ ที่มองไกลกว่าวิกฤต สู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคงในทุกมิติ
เพราะบ้านที่ดี...ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ต้อง “ดูแลชีวิต” ได้ในทุกวัน
นางสาววรพนิต รวยรุ่งเรือง CEO ของเรนวูด กรุ๊ป เล่าว่าที่นี่ไม่ได้สร้างแค่บ้าน แต่ลงทุนสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดให้เสร็จก่อนขาย” เพื่อให้มั่นใจว่าทุกชีวิตในโครงการจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่วันแรก ตั้งแต่ระบบพลังงานสะอาด บ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ ไปจนถึงบริการหลังการขายที่บริหารโดยทีมงานของโครงการเอง 100% พร้อมแนวคิด Inclusive Community ที่เปิดพื้นที่ให้ชุมชนภายนอกมีส่วนร่วม
และสิ่งที่แตกต่างอย่างแท้จริง คือการเลือก “ผู้อยู่อาศัย” อย่างใส่ใจ เพื่อให้เกิดชุมชนคุณภาพ ที่อยู่ร่วมกันได้ในระยะยาว
เมืองที่ออกแบบด้วยข้อมูลและวิศวกรรม เพื่อรองรับโลกที่เปลี่ยนไป
รศ.ดร.โชติชัย เจริญงาม ผู้อำนวยการพัฒนาโครงการ เปิดเผยว่า เรนวูด ปาร์คเริ่มจากการศึกษา “ข้อมูลจริง” ทั้งสภาพดิน น้ำ ลม อากาศ และความเสี่ยงทางธรรมชาติ เพื่อออกแบบระบบโครงสร้างให้รับมือกับภัยพิบัติระดับเมือง ไม่ว่าจะเป็นเสาเข็มพิเศษสำหรับพื้นที่ดินอ่อน ระบบน้ำเสียที่ครอบคลุม ระบบพลังงานจากโซลาร์ขนาด 2 เมกะวัตต์ หรือการติดตั้งกล้อง CCTV กว่า 650 จุด และ Security Drone 13 ลำทั่วโครงการ ที่นี่จึงเปรียบได้กับเมืองอิสระที่ “พึ่งพาตนเองได้” ในยามฉุกเฉิน
วิสัยทัศน์ระยะยาว ที่ผสาน ESG อย่างแท้จริง
เรนวูด ปาร์ค ใช้แนวทาง ESG ตั้งแต่ต้น ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) เช่น พื้นที่สีเขียวกว่า 700 ไร่ ต้นไม้ใหญ่มากกว่า 10,000 ต้น และแหล่งน้ำหมุนเวียนภายในโครงการโดยไม่ปล่อยน้ำเสีย
ในด้านสังคม (Social) โครงการส่งเสริมการจ้างงานท้องถิ่น เปิดพื้นที่สาธารณะ สนับสนุนตลาดชุมชน รวมถึงกิจกรรมเช่น “ขวดแลกไข่” และ “เกษตรพอเพียง”
ส่วนด้านธรรมาภิบาล (Governance) มีการร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เช่น กฟผ. การประปา รวมถึงพาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง Four Seasons London, Wentworth Golf Club ประเทศอังกฤษ และ Pine Valley Beijing
จากการรับมือวิกฤต สู่การสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน
การวางระบบเหล่านี้ทำให้เรนวูด ปาร์คไม่ได้แค่ “อยู่รอด” แต่พร้อม “ฟื้นตัว” ในวันที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา ที่พิสูจน์ว่าเมืองนี้สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง และนี่คือสิ่งที่แยกเรนวูด ปาร์ค ออกจากโครงการอื่น
ไม่ใช่แค่การขายบ้าน แต่คือการสร้าง “ระบบนิเวศแห่งการใช้ชีวิต” ที่ผสานระหว่างมนุษย์ ชุมชน และธรรมชาติ เพื่อรองรับทุกสถานการณ์ และมุ่งหน้าสู่อนาคตที่ดีกว่า
#ReignwoodLife
#ReignwoodPark #KISInternationalSchool
#A49 #PIA #RITTA #FromCrisisToVisionaryLiving2025
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
