ครึ่งปีหลัง ทองโดดเด่น บิตคอยน์น่าจับตามอง กลยุทธ์รับมือตลาดผันผวนครึ่งหลัง
สรุปเทรนด์ 3 สินทรัพย์ลงทุนจาก Thailand Investment Forum 2025
“จากการเสื่อมค่าของ Dollar ทำให้ทองคำโดดเด่นในฐานะ Safe Haven เพียงอันเดียว”
นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก กล่าว ในงาน "Thailand Investment Forum 2025: พลิกเกมฝ่าวิกฤติ Great Depression"
ราคาทองคำในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพุ่งแบบที่นักลงทุนหันมาให้ความสนใจอีกรอบ
[ ทำไม 3 ปีที่ผ่านมาทองพุ่ง ]
เมื่อ 3 ปีก่อน เกิดสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนขึ้น ทำให้ราคาทองคำก็เริ่มปรับตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่ทุกคนหันกลับมาให้ความสนใจ
ถึงแม้ ราคาทองคำจะค่อยๆ ขึ้น เฉลี่ยประมาณ 5-7% ต่อปี แต่พอเกิดสงครามจริงเกิดขึ้น ราคาทองคำจากที่ค่อยๆ ขึ้น กลับพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปีแรก 2566 ราคาทองขึ้นประมาณ 15%
ปีที่สอง ปี 2567 ขึ้นแรงสุดในรอบหลายปี ทองคำในหน่วย USD พุ่งกว่า 30% ส่วนทองคำไทยขึ้นตามมา 27% แม้จะโดนค่าเงินบาทแข็งกดไว้บ้าง
[ ปีนี้ทองยังมีโอกาสขึ้นต่อ แต่แรงหนุนจาก “ทรัมป์” ไม่ใช่สงคราม ]
ในปี 2568 นี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 30% ภายในช่วงต้นปี โดยทำจุดสูงสุดใหม่มากกว่า 10 ครั้ง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมษายน และมีจังหวะที่พีคสุดๆ เมื่ออดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมารับตำแหน่งอีกครั้งในวันที่ 20 มกราคม 2568
จากนั้นเกิดความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจโลก และยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้นหลังวันที่ 2 เมษายน เมื่อทรัมป์ประกาศนโยบายกีดกันทางการค้า ทำให้ราคาทองคำพุ่งทันทีอีก 10% ในเวลาอันรวดเร็ว
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เวลาตลาดผันผวน นักลงทุนมักเลือกเก็บเงินไว้ในทองคำ ไม่ก็ ดอลลาร์ แต่ในช่วง 2 ปีหลังมานี้ เราเริ่มเห็นเทรนด์ใหม่ของโลกคือ De-dollarization การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจโลก
เมื่อดอลลาร์เริ่มเสื่อมค่า บวกกับความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ ทองคำจึงกลายเป็น Safe Haven ที่แทบจะเหลือเพียงหนึ่งเดียวในสายตานักลงทุนทั่วโลก
[ ทองคำชนะทุกสินทรัพย์ ผลตอบแทน Year to Date นำทุกสินทรัพย์ ]
จากข้อมูล Year-to-Date Performance ของสินทรัพย์ทั่วโลกในปี 2568 พบว่า ทองคำ ขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับเกือบทุกสินทรัพย์ในโลก ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองของแต่ละประเทศยิ่งทำให้ทองคำน่าสนใจในฐานะที่พึ่งสุดท้ายของนักลงทุน
[ สินทรัพย์ที่น่าจับตามองไม่แพ้ “ทองคำ” ]
เมื่อเราพูดถึงสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา หลายคนคงยกให้ “ทองคำ” เพราะบทบาทในฐานะ Safe Haven ท่ามกลางสงครามและเศรษฐกิจที่ผันผวน แต่ยังมีอีก 1 สินทรัพย์ ที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน คือ “Bitcoin” ในปี 2024-2025 นี้ Bitcoin เติบโตอย่างก้าวกระโดด
เมื่อแต่ละประเทศแข่งกันเก็บ Bitcoin มันจะยิ่งมีมูลค่ามากขึ้น ซึ่ง Bitcoin ตอนนี้ แทบจะกลายเป็นสินทรัพย์สำรองของโลกไปแล้ว
- คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง Bitkub กล่าวในงาน "Thailand Investment Forum 2025: พลิกเกมฝ่าวิกฤติ Great Depression"
[ เมื่อประเทศต่างๆ เริ่มแย่งสะสม Bitcoin ]
สหรัฐฯ ถืออยู่แล้ว 201,000 BTC จีนมี 190,000 BTC อังกฤษมี 80,000 BTC และถ้าสหรัฐฯ ประกาศจะซื้อเพิ่มอีก 1 ล้านบิตคอยน์ใน 5 ปีข้างหน้า เกมการถือครองอาจเกิดขึ้น
เมื่อแต่ละประเทศต้องซื้อแข่งกัน ยิ่งทำให้ Bitcoin มีมูลค่ามากขึ้นและทำให้กลายเป็นสินทรัพย์สำรองของโลกแทนทองคำ
[ Bitcoin = อสังหาริมทรัพย์ในยุคดิจิทัล ]
เนื่องจากมันมีแค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่ว่า AI จะเก่งแค่ไหน โลกจะเปลี่ยนไปยังไง จึงทำให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัดจริงๆ ยิ่งทำให้ราคาของ Bitcoin มีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะยาว เหมือนอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด
วันนี้การลงทุนใน Bitcoin อาจไม่ใช่แค่หวังเก็งกำไรระยะสั้นแบบเดิมๆ แต่มันกำลังกลายเป็นสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานของโลกดิจิทัล ประเทศมหาอำนาจรีบพากันสะสม และมีจำนวนอยู่อย่างจำกัด เพียง 21 ล้านเหรียญอย่างแท้จริง ทำให้ Bitcoin กลายเป็นอสังหาริมทรัพย์ในยุคดิจิทัล
[ เตรียมรับมือกับแรงกระแทกของครึ่งปีหลัง ]
ครึ่งปีแรกของปีนี้ หลายคนพบเจอกับความผันผวนอย่างมาก สาเหตุหนึ่งเลยมาจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแปรสำคัญของเศรษฐกิจโลก
ไม่ว่าจะเป็นการขู่ขึ้นภาษี การยืดเวลาการเจรจาการค้ากับจีนหรือยุโรป แต่ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไปแล้วเราจะรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร
“ทรัมป์ไม่ได้ทำอะไรแบบไร้ทิศทาง เขาเข้าใจเกมตลาด เข้าใจจิตวิทยานักลงทุน และเลือกที่จะบีบก่อน ผ่อนทีหลัง เพื่อดึงอำนาจต่อรองมาอยู่ในมือ เหมือนที่เขาเปิดเกมสงครามการค้าอย่างดุดัน แล้วจึงค่อยๆ คลายแรงกดดันให้ผู้คนรู้สึกว่าโอเค และมันอาจจะไม่แย่อย่างที่คิด”
- คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด กล่าวในงาน "Thailand Investment Forum 2025: พลิกเกมฝ่าวิกฤติ Great Depression"
[ ความผันผวนยังคงอยู่ แต่โลกก็ค่อยๆ ปรับตัวตาม ]
ครึ่งปีหลังต่อจากนี้ จะยังมีความไม่แน่นอนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและยุโรป
แต่สำคัญคือ หลายคนที่ลงทุนก็มีความรู้มากขึ้นกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา ไม่มีใครอยากถือเงินสดไว้เฉยๆ เพราะรู้ว่าจะโดนเงินเฟ้อลดมูลค่าเงินสดในมือ
จึงทำให้หลายคนพยายามหาสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เช่น หุ้น ทองคำ คริปโต และเริ่มรู้ว่าเมื่อตลาดฟื้น เงินก็จะไหลกลับเข้ามาในสินทรัพย์เหล่านี้อยู่ดี
[ กลยุทธ์ที่จะช่วยให้รอดเมื่อโลกผันผวน คือการ “จัดพอร์ต” ]
การอยู่รอดของนักลงทุนในภาวะตลาดผันผวน ไม่ใช่เรื่องของการทายถูกว่าเดือนหน้าหุ้นจะขึ้นหรือลง แต่มันคือการจัดพอร์ตให้เหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้
“บางปีสินทรัพย์บางตัวขึ้น 20-30% แต่ปีหน้าก็อาจลง 20-50% ได้เหมือนกัน”
นักลงทุนที่อยู่รอด คือคนที่ประเมินความเสี่ยงของตัวเอง และไม่พยายามไล่ตามผลตอบแทนโดยไม่สนว่าจะรับแรงกระแทกได้แค่ไหน
ตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง ไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่เราควบคุมได้แน่นอนคือการสร้างพอร์ตที่เหมาะกับตัวเรา
#aomMONEY #การลงทุน #หุ้น #ทองคำ #บิตคอยน์
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
