12 มิ.ย. เวลา 22:43 • ธุรกิจ

จาะลึกการปฏิวัติระบบสร้างรายได้ Facebook 2025: ครีเอเตอร์ต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อความอยู่รอดและเติบโต

สัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกครีเอเตอร์ Facebook
วันที่ 31 สิงหาคม 2568 จะเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับครีเอเตอร์บน Facebook ทั่วโลก รวมถึงในไทย Meta บริษัทแม่ ได้ประกาศ "รื้อระบบ" การสร้างรายได้ครั้งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่การปรับเล็กน้อย แต่เป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) จากโมเดลที่ครีเอเตอร์คุ้นเคย ไปสู่ระบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ "ประสิทธิภาพ" และ "การมีส่วนร่วม" ของเนื้อหาอย่างแท้จริง บทความนี้จะเจาะลึกรายละเอียด ผลกระทบ และกลยุทธ์ที่ครีเอเตอร์ต้องปรับใช้
1. สิ้นสุดยุคทอง? โปรแกรมสร้างรายได้แบบเดิมที่กำลังจะลาจอ
เป็นเวลานานที่ครีเอเตอร์ Facebook คุ้นเคยกับช่องทางสร้างรายได้หลักหลายช่องทาง เหล่านี้กำลังจะถูกยกเลิกหรือรวมเข้ากับระบบใหม่ทั้งหมดภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568
โปรแกรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่:
* โฆษณาในสตรีม (In-Stream Ads) รูปแบบเดิม: คือโฆษณาที่ปรากฏในวิดีโอขนาดยาว ครีเอเตอร์ได้รับส่วนแบ่งรายได้ตามยอดวิว
* โฆษณาใน Reels (Ads on Reels) รูปแบบเดิม: คือโฆษณาที่ปรากฏระหว่างคลิป Reels ครีเอเตอร์ก็ได้รับส่วนแบ่งรายได้คล้ายกัน
* โปรแกรมโบนัสตามผลงาน (Performance Bonus Programs) รูปแบบเดิม: โปรแกรมนี้จ่ายโบนัสสำหรับโพสต์ต่างๆ ตามยอดการเข้าถึงและการมีปฏิสัมพันธ์ แม้ Meta เคยยกเลิกเพดานรายได้และขยายโปรแกรม รูปแบบเดิมก็จะถูกรวมเข้ากับระบบใหม่
การยกเลิกโปรแกรมเหล่านี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า Meta ต้องการปรับเปลี่ยนวิธีการให้รางวัลแก่ครีเอเตอร์ โดยมุ่งเน้นสิ่งที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับประสบการณ์ผู้ใช้มากขึ้น
2. รุ่งอรุณใหม่: ทำความรู้จัก "Facebook Content Monetization Program (FCMP)"
เพื่อทดแทนระบบเดิม Meta ได้เปิดตัวโปรแกรมใหม่ในชื่อ "Facebook Content Monetization Program (FCMP)" โปรแกรมนี้จะเป็นศูนย์กลางการสร้างรายได้แบบครบวงจร ปรัชญาหลักคือ การจ่ายเงินตามประสิทธิภาพของเนื้อหา (Performance-based Payouts)
* หลักการทำงาน: แทนการจ่ายตามจำนวนโฆษณาหรือ CPM แบบเดิม ระบบใหม่จะจ่ายเงินโดยพิจารณาจาก "ยอดการรับชม" และ "การมีส่วนร่วม" (ไลก์ คอมเมนต์ แชร์) ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้แม้ไม่มีโฆษณาแสดงบนเนื้อหาโดยตรง เพราะระบบได้รับทุนจากโฆษณา แต่จ่ายตามประสิทธิภาพเนื้อหา
* เนื้อหาที่รองรับ: จุดเด่นสำคัญของ FCMP คือการเปิดกว้างให้สร้างรายได้จากเนื้อหาหลากหลายรูปแบบมากขึ้นภายใต้โปรแกรมเดียว ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอขนาดยาว, Reels, รูปภาพ, Facebook Stories หรือแม้แต่โพสต์ที่เป็นข้อความ (Text Posts) การเพิ่ม Stories เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจ โดยครีเอเตอร์ที่อยู่ในโปรแกรมสร้างรายได้อยู่แล้วสามารถเริ่มรับเงินจาก Stories ได้ทันทีตามจำนวนการรับชม
* การคำนวณรายได้: สำหรับ Reels การจ่ายเงินจะขึ้นอยู่กับจำนวนการเล่นที่สามารถสร้างรายได้ (Monetizable Plays) ส่วนวิดีโอแบบ On-demand (In-Stream เดิม) จะขึ้นอยู่กับจำนวนการดูที่มีคุณสมบัติ (Qualified Views) อัตราการจ่ายเงินอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยเช่น ภูมิภาค และ "คุณภาพของเนื้อหา" ซึ่ง Meta วางแผนจะรวมสัญญาณอื่นๆ เข้ามาพิจารณาด้วยในอนาคต
3. เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลง: ทำไม Meta ต้องปรับทัพ?
การตัดสินใจปรับโครงสร้างระบบสร้างรายได้ครั้งใหญ่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล Meta ได้ให้เหตุผลหลายประการ:
* ความเรียบง่ายและประสิทธิภาพ: การรวมโปรแกรมต่างๆ เข้าเป็นหนึ่งเดียวทำให้ครีเอเตอร์จัดการรายได้ง่ายขึ้น และ Meta ก็สามารถบริหารจัดการระบบได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
* ความยืดหยุ่นและตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ใช้: เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้ใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการเติบโตอย่างรวดเร็วของคอนเทนต์สั้นอย่าง Reels
* ให้รางวัลแก่เนื้อหาคุณภาพอย่างแท้จริง: ระบบที่อิงตามประสิทธิภาพถูกออกแบบมาเพื่อให้รางวัลแก่เนื้อหาคุณภาพสูงที่ดึงดูดผู้ชมได้ดี แทนที่จะเป็นเพียงความยาวของเนื้อหาหรือการวางโฆษณา Meta ระบุว่าโมเดลเดิมที่จ่ายตามโฆษณา (Rev-share) มีข้อจำกัดในการให้รางวัลเนื้อหาคุณภาพ
* ปลดปล่อยครีเอเตอร์จากข้อจำกัด: ระบบใหม่ช่วยให้ครีเอเตอร์ไม่ต้องกังวลกับการปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับจุดแทรกโฆษณา ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์เนื้อหาที่ผู้ชมชื่นชอบได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงกดดันจากการแข่งขันในตลาด โดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มที่เน้นคอนเทนต์สั้นและสร้างการมีส่วนร่วมสูง ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ Meta ต้องปรับตัวเพื่อรักษาและดึงดูดครีเอเตอร์ที่มีความสามารถไว้กับแพลตฟอร์ม
4. คุณสมบัติและการเข้าร่วม: ใครบ้างที่จะได้ไปต่อในระบบใหม่?
* สถานะปัจจุบัน: ในช่วงเริ่มต้น FCMP จะเปิดให้ใช้งานผ่านการ "เชิญเท่านั้น" (Invite-only) Meta ได้เริ่มส่งคำเชิญไปยังครีเอเตอร์หลายล้านคนแล้ว และมีแผนจะเปิดให้ลงทะเบียนแบบทั่วไปในอนาคตอันใกล้
* การแสดงความสนใจ: ครีเอเตอร์ที่สนใจสามารถแสดงความสนใจในการเข้าร่วมโปรแกรมผ่านแบบฟอร์มในแอป โดยเข้าไปที่ แดชบอร์ดมืออาชีพ (Professional Dashboard) > แท็บการสร้างรายได้ (Monetization) > คลิก 'การสร้างรายได้จากเนื้อหา' (Content Monetization)
* เกณฑ์คุณสมบัติเบื้องต้น: แม้เกณฑ์คุณสมบัติเฉพาะสำหรับ FCMP แบบรวมศูนย์ใหม่ยังไม่ชัดเจน ครีเอเตอร์ยังคงต้องปฏิบัติตาม นโยบายการสร้างรายได้ของพาร์ทเนอร์, นโยบายการสร้างรายได้จากเนื้อหา และมาตรฐานชุมชน ของ Facebook เนื้อหาจะต้องเป็นต้นฉบับ ไม่ละเมิดกฎ และเป็นมิตรกับผู้ลงโฆษณา ครีเอเตอร์ต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศที่มีสิทธิ์
สำหรับเกณฑ์เดิมของ In-Stream Ads (Video on-demand) อาจต้องการผู้ติดตามขั้นต่ำ 5,000-10,000 คน และยอดการรับชมรวม 60,000-600,000 นาทีในช่วง 60 วันที่ผ่านมา รวมถึงมีวิดีโอที่ใช้งานอยู่อย่างน้อย 5 รายการ
การเปิดใช้งานโหมดมืออาชีพ (Professional Mode) อาจกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผู้ติดตามและสร้างรายได้
5. กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ: ครีเอเตอร์ไทยต้องปรับตัวอย่างไร ?
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เรียกร้องให้ครีเอเตอร์ต้องปรับกลยุทธ์อย่างจริงจัง:
หัวใจคือ "คุณภาพ" และ "การมีส่วนร่วม": สร้างสรรค์เนื้อหาที่เป็น "ต้นฉบับ" (Original Content) มีคุณภาพสูง น่าสนใจ และสามารถกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดการโต้ตอบ (ไลก์ คอมเมนต์ แชร์) ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อหาที่ซ้ำซาก คุณภาพต่ำ หรือไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายจะถูกลดการมองเห็น
ทดลองและหลากหลาย: เนื่องจาก FCMP รองรับเนื้อหาหลายรูปแบบ ครีเอเตอร์ควรทดลองสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลาย (วิดีโอ, Reels, รูปภาพ, Stories, ข้อความ) เพื่อดูว่าสิ่งใดที่โดนใจผู้ชมและสร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด โดยเฉพาะ Reels ซึ่งเป็นรูปแบบที่ Facebook ให้ความสำคัญในการค้นพบผู้ชมใหม่ๆ และควรปรับให้เหมาะกับวิดีโอแนวตั้ง
สร้างและดูแล "ชุมชน": การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามอย่างสม่ำเสมอ ตอบคอมเมนต์ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี จะช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความภักดีของผู้ชม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในระบบใหม่
อย่ามองข้ามเครื่องมืออื่น: แม้ FCMP จะเป็นแกนหลัก แต่เครื่องมือสร้างรายได้โดยตรงจากแฟนๆ เช่น Facebook Stars (ผู้ชมซื้อดาวเพื่อสนับสนุน ครีเอเตอร์ได้ $0.01 ต่อดาว) และ Fan Subscriptions (การสมัครสมาชิกรายเดือนเพื่อรับสิทธิพิเศษ) ยังคงเป็นช่องทางสำคัญ
Stars: ต้องการผู้ติดตามอย่างน้อย 500 คน ติดต่อกัน 30 วัน
Fan Subscriptions: ต้องการผู้ติดตาม 10,000 คน หรือผู้เข้าชมซ้ำมากกว่า 250 คน พร้อมเกณฑ์การมีส่วนร่วมหรือเวลาในการรับชมที่กำหนด ครีเอเตอร์จะได้รับ 100% ของค่าธรรมเนียม (หักภาษี) สำหรับการสมัครผ่านเว็บ และ 70% สำหรับการสมัครผ่านมือถือ (หลังหักค่าธรรมเนียม App Store)
ติดตามข้อมูลเชิงลึก (Insights): ระบบใหม่จะรวมข้อมูลเชิงลึกด้านรายได้ไว้ในที่เดียว ทำให้ครีเอเตอร์สามารถติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
ติดตามข่าวสารจาก Meta อย่างใกล้ชิด: เนื่องจากระบบยังใหม่อยู่ และรายละเอียดต่างๆ อาจมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง ครีเอเตอร์ควรตรวจสอบประกาศและแนวทางปฏิบัติล่าสุดจาก Meta Creator หรือ Facebook for Creators เป็นประจำ
พิจารณาการใช้เพจ (Page) หรือโปรไฟล์ส่วนตัว (Profile) ในโหมดมืออาชีพ: การใช้เพจอาจช่วยในเรื่องการจัดการและความเป็นส่วนตัวได้ดีกว่า แต่โปรไฟล์ส่วนตัวในโหมดมืออาชีพก็อาจช่วยให้เพื่อนๆ เข้ามามีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้นในช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การเปิดเพจใหม่อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพื่อป้องกันปัญหาดราม่าที่อาจกระทบความเป็นส่วนตัวในระยะยาว
6. ผลกระทบและความท้าทายที่รออยู่
การเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมนำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทาย:
โอกาส:
- รายได้ที่ยั่งยืนขึ้นสำหรับคอนเทนต์คุณภาพ: ครีเอเตอร์ที่มุ่งเน้นคุณภาพและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จและสร้างรายได้ที่มั่นคงกว่าในระยะยาว
- ความเท่าเทียมของเนื้อหา: ทุกรูปแบบเนื้อหามีโอกาสสร้างรายได้ ไม่จำกัดอยู่แค่วิดีโออีกต่อไป
- ความโปร่งใสที่อาจเพิ่มขึ้น: การรวมศูนย์ข้อมูลเชิงลึกอาจช่วยให้เข้าใจภาพรวมรายได้ดีขึ้น
- ความไม่แน่นอนในช่วงเปลี่ยนผ่าน: รายละเอียดบางอย่างของระบบใหม่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ครีเอเตอร์อาจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการคาดการณ์รายได้ในช่วงแรก
- การแข่งขันที่สูงขึ้น: เมื่อ "คุณภาพ" และ "การมีส่วนร่วม" กลายเป็นมาตรฐานหลัก การแข่งขันระหว่างครีเอเตอร์ย่อมสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- ผลกระทบต่อผู้ที่พึ่งพารูปแบบเดิม: ครีเอเตอร์ที่เคยสร้างรายได้หลักจากโฆษณาในวิดีโอขนาดยาว หรือเน้นการ "ปั๊มวิว" อาจต้องปรับตัวอย่างหนัก
- ความซับซ้อนที่อาจแฝงอยู่: แม้ Meta จะตั้งเป้าให้ง่ายขึ้น แต่การทำความเข้าใจว่า "ประสิทธิภาพ" ถูกวัดผลอย่างไร และการปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมที่ซับซ้อนก็ยังคงเป็นความท้าทาย
บทสรุป: อนาคตของครีเอเตอร์ Facebook อยู่ที่ "คุณค่า" และ "การปรับตัว"
การปฏิวัติระบบสร้างรายได้ของ Facebook ในปี 2568 คือการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า "ยุคทองของคอนเทนต์คุณภาพต่ำที่หวังพึ่งโฆษณาเพียงอย่างเดียวกำลังจะสิ้นสุดลง" อนาคตของครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มี "คุณค่า" สร้าง "การมีส่วนร่วม" อย่างแท้จริง และที่สำคัญที่สุดคือ "ความสามารถในการปรับตัว" ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่ง
แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าอาจเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ก็เป็นโอกาสอันดีสำหรับครีเอเตอร์ที่พร้อมจะพัฒนาและยกระดับผลงานของตนเองให้สอดรับกับความคาดหวังใหม่ของทั้งแพลตฟอร์มและผู้ชม การทำความเข้าใจระบบใหม่ การวางกลยุทธ์ที่เฉียบคม และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในโลกการสร้างรายได้บน Facebook ยุคใหม่
โฆษณา