13 มิ.ย. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”หนุนโดยการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้สำเร็จ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.42 บาทต่อดอลลาร์โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.32-32.47 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้สำเร็จ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย
ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งมีรายงานข่าวว่า อิสราเอลอาจเปิดฉากโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยปฏิบัติการทางทหารดังกล่าว อาจขึ้นกับการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน รอบที่ 6 ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน นี้ อย่างไรก็ดี ความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางดังกล่าว ยังคงหนุนให้ ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ราว +2.3%
ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบดังกล่าว อาจช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันของผู้เล่นในตลาดบางส่วน นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ออกมาต่ำกว่าคาด
ขณะเดียวกัน ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ก็เพิ่มสูงขึ้น แย่กว่าที่ตลาดประเมินไว้ ทำให้ ผู้เล่นในตลาดก็เพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในปีนี้ และปีหน้า (เดิมผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยรวม 4 ครั้ง ภายในปีหน้า ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสราว 54% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 5 ครั้ง ภายในปีหน้า)
แนวโน้มของค่าเงินบาท
เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา อาจชะลอลงบ้าง เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางนั้น แม้จะช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทผ่านอานิสงส์ของการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ทว่า สถานการณ์ดังกล่าวก็หนุนให้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน และเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าได้ หรืออย่างน้อยก็ชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
นอกจากนี้ เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องไปมากในระยะสั้น หลังผู้เล่นในตลาดได้ปรับความคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดมาพอสมควรแล้ว จนล่าสุด มุมมองของผู้เล่นในตลาดถือว่าใกล้เคียงกับมุมมองของเฟดล่าสุด ใน Dot Plot การประชุม FOMC เดือนมีนาคม ทำให้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอติดตามการประชุม FOMC เดือนมิถุนายน ในสัปดาห์หน้า เพื่อรอลุ้น Dot Plot ใหม่ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ที่ชัดเจนต่อไป
อีกทั้ง หากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางทยอยคลี่คลายลงได้ (ซึ่งเราคาดหวังให้เป็นแบบนั้น เพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น) ราคาทองคำก็มีแนวโน้มย่อตัวลงได้ และจะกลับมาเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ยกเว้น ราคาทองคำจะได้ปัจจัยหนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม จนทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
ซึ่งเราจะคอยติดตามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทกับราคาทองคำได้ปรับเปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะหากผู้เล่นในตลาดเข้าสู่ช่วง Fear of Missing Out (FOMO) แล้วไล่ราคาซื้อทองคำ ก็อาจทำให้ ความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำกับเงินบาทเปลี่ยนจาก เคลื่อนไหวสอดคล้องกัน เป็น เคลื่อนไหวสวนทางกัน หรือ ในจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
เราคงมองว่า เงินบาทจะยังมีแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้าง จากแรงขายสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ ทำให้ เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจชะลอแถวโซนแนวรับ 32.30-32.40 บาทต่อดอลลาร์ ได้ ยกเว้นว่า เงินบาทจะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยหนุนใหม่ๆ เพิ่มเติมที่ชัดเจน
การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ อย่าง เงินบาทในช่วงระยะสั้นนี้ ยังคงสะท้อนถึงภาวะความผันผวนสูงเกินปกติของตลาดการเงิน ทำให้ เราคงเน้นย้ำความสำคัญของการใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา