เมื่อวาน เวลา 12:09 • การ์ตูน

EP : 1,325 KAINA ศึกการประลองยอดฝีมือ ณ ปราสาทซุรุกะ

“เนื้อหามันจะซ้ำกันไหม?” นี่คือคำถามแรกที่เกิดขึ้นในหัวผมหลังจากเห็นคำโปรยที่ทางค่ายได้ใส่ไว้เพื่ออธิบายเบื้องต้นว่าเรื่องที่กำลังเปิดพรีออเดอร์อยู่นี้นั้น เป็นเรื่องราวจากบทประพันธ์ที่เคยใช้เขียนเรื่อง SHIGURUI มาแล้ว จึงไม่แปลกที่ผมจะเกิดคำถามและความกังวลว่าเรื่องนี้จะซ้ำหรือมีเนื้อหาเหมือนกันมากแค่ไหน หรือการนำเสนอและการตีความในครั้งนี้จะแตกต่างมากน้อยกับเรื่อง SHIGURUI ที่ผม(พวกเรา)เคยอ่านมาและชอบเอามากๆ แค่ไหน
และเหมือนทางค่าย bootlegg จะรู้ถึงความกังวลใจข้อนี้ของผมดี เพราะเมื่อผมพูดคุยและใช้ความดีของผมเข้าล่อ ในที่สุดทางค่ายก็ใจดีกับผม ยอมที่จะส่งหนังสือตัวอย่างของเรื่องนี้มาให้ผมอ่านก่อน นัยนึงคงเพราะจะได้ตัดความรำคาญจากคนอย่างผมให้จบๆไป และนี่จึงเป็นที่มาของรีวิวเรื่องนี้ เรื่องที่ผมอยากให้เหล่าผู้คนที่กำลังลังเลว่าจะพรีเรื่องนี้ดีหรือเปล่า กับมังงะที่มีพื้นฐานมาจากบทประพันธ์ดัง้งเดิมของ “โนริโอะ นันโจ” เรื่องนี้ และนี่คือรีวิวหลังอ่านเรื่องนี้จบ “KAINA ศึกการประลองยอดฝีมือ ณ ปราสาทซุรุกะ” ครับ
.... แม้ภายใต้การปกครองของตระกูลโทกุงาวะจะทำให้เกิดสันติภาพและไร้สงครามขนาดใหญ่เหมือนในอดีต แต่เรื่องราวความแค้นของเหล่าผู้คน ต่อผู้คนยังคงกำเนิดขึ้นมาเป็นเรื่องปกติแม้ยามสงบสุขแบบนี้ตามบริบทของความเป็น “มนุษย์” แต่ด้วยกฎหมายที่ถูกสร้างขึ้นมาควบคุม การต่อสู้ด้วยดาบจริง ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน
เพราะแบบนั้นยามเมื่อแคว้นซุรุกะ อันปกครองโดย ไดเมียวผู้มีความชื่นชอบการต่อสู้ที่อาบไปด้วยเลือด อย่าง “โทกุงาวะ ทาดานากะ” ประกาศเปิดให้มีการประลองด้วยดาบจริงอย่างไม่ต้องมีความผิดหากเกิดการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นจากการประลองนี้ จึงเปิดโอกาสให้เหล่าผู้มีความแค้น และมีหนี้แค้นที่ต้องชำระด้วยความตายเท่านั้น ยื่นความประสงค์ที่จะเข้ามาร่วมประลองด้วยดาบจริงในครั้งนี้
และนี่คือเรื่องราวที่ครั้งนึงได้เคยเกิดขึ้นจริงในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นของเหล่า ผู้ต้องการชำระแค้นด้วยความตาย ทั้ง 11 คู่ใน “KAINA ศึกการประลองยอดฝีมือ ณ ปราสาทซุรุกะ” ครับ
ในฐานะนักอ่านมังงะ หากพูดถึงเนื้อหาเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พูดถึงมังงะเรื่องก่อนหน้านี้ที่หยิบเรื่องนี้มาเขียนและเคยนำเสนอมาให้อ่านในบ้านเราแล้วอย่างเรื่อง “Shigurui จอมดาบพิฆาตอสูร” ซึ่งคนที่เคยอ่านคงจะจดจำเรื่องราวในนั้นได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเสนอที่มีความดุดันและรุนแรงสูงผ่านงานวาดของ อ. Takayuki Yamaguchi
จนสร้างการจดจำให้กับผู้อ่านว่า หากพูดถึงมังงะที่นำเสนอการต่อสู้ดวลเดี่ยวของนักดาบหรือซามูไรที่ดุเดือดที่สุดแล้วละก็ เรื่องนี้คือหนึ่งไม่เป็นสองรองเรื่องไหน ที่จะต้องผุดขึ้นมาในหัวของเราเสมอเวลามีใครถามถึง
เพราะการนำเสนอด้วยภาพที่ไม่มีการประณีประนอมกับนักอ่านอย่างเรา พร้อมความดราม่าที่มีความชัดเจนเพื่อใช้สื่อสารกับผู้อ่านให้เข้าใจถึงเหตุผลและอินไปกับความแค้นที่ต้องใช้ความตายชดใช้เท่านั้น สามารถสลักความสนุกและดุดันอันดุเดือดของเรื่องนี้เข้าไปในความทรงจำของนักอ่านอย่างเราให้รับรู้และจดจำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
และหากใครได้อ่านเรื่อง Shigurui ก็คงจำได้ดีว่า เนื้อเรื่องกว่า 80% นั้นโฟกัสไปที่การต่อสู้ของคู่แรกอย่าง นักดาบตาบอดรูปงาม “อิราโกะ เซเก็น” และนักดาบแขนขาด “ฟุจิกิ เก็นโนะซุเกะ” เป็นหลักเลย แม้เนื้อหาใน Shigurui จะเยอะมากก็ตาม แต่การนำเสนอที่เต็มไปด้วยรายละเอียดจำนวนมากเพื่อบ่มเพราะเรื่องราวความแค้นในด้านต่างๆให้กับคนอ่านได้รับรู้ ก็เพื่อให้ภาพของการต่อสู้ของทั้งสองออกมาครบถ้วน และสามารถสื่อสารให้ผู้อ่านอิ่มในเรื่องราวของพวกเขาต่อเนื่องไปจนถึงฉากจบที่กระชากใจนักอ่าน
ก่อนจะปิดจบเรื่องราวความแค้นของทั้งสองอย่างระทมทุกข์ใจของผู้รอดชีวิตนั้นอย่างสมบูรณ์ ก็ด้วยความสมบูรณ์ที่เรื่องได้เล่าไว้ กลับกลายให้เราเหล่านักอ่านไม่สร้างชุดคำถามและเกิดความสงสัยหรืออยากรู้เท่าไหร่นักว่า แล้วที่เหลือของเหล่าผู้ต้องการชำระความแค้นคู่อื่นๆ ล่ะ เขาเป็นใครและมีเรื่องราวอย่างไรกันบ้าง?
ผมถือว่าเรื่องราวจากเรื่อง SHIGURUI สามารถทำออกมาได้จบสมบูรณ์แบบตามแบบที่ อ.Takayuki Yamaguchi ต้องการจะนำเสนอพวกเรานะ ด้วยความสามารถในการเรียบเรียงและเล่าเรื่อง ใส่ตัวละครออกมาได้น่าจดจำมันทุกตัว ในบริบทของความผิดเพี้ยนของชีวิตแต่ละตัวละคร จนผมคิดว่ามันคงสิ้นสุดของเรื่องราวในเรื่องนี้แล้วแหล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะ “เรื่องนี้” ที่มาก่อความอยากรู้ กระตุ้นให้ผมอยากอ่าน ว่าอีก 10 คู่ที่เหลือนั้น ความดุเดือดและความแค้นของพวกเขามันน่าสนใจแค่ไหนครับ
นั่นคือสิ่งแรกที่ทั้งสองเรื่อง ซึ่งหยิบเรื่องราวเดียวกันมานำเสนอ แตกต่างกัน พูดง่ายๆ เรื่องราวใน SHIGURUI นั้นเขียนโฟกัสไปที่คู่แรก(มีที่มาที่ไปของตัวละครในคู่ที่สองอยู่บ้างครับ) ในขณะที่ KAINA เล่าเรื่องราวของการต่อสู้ของทั้งหมด 11 คู่เลย
เพราะแบบนั้นในแง่เนื้อหา KAINA จึงมีความครอบคลุมของเรื่องราวทั้งหมดที่อยู่ในบทประพันธ์ดั้งเดิม แต่เท่าที่รู้รายละเอียดของแต่ละคู่ใน KAINA ก็ยังมีการดัดแปลงที่แตกต่างไปจากบทประพันธ์เดิมอยู่ เนื่องจากผมไม่เคยอ่านบทประพันธ์ดั้งเดิม จึงบอกไม่ได้ ว่ามันต่างกันมากน้อยแค่ไหนครับ
KAINA หยิบเรื่องราวที่มีเนื้อหาที่ “เยอะ” กับรายละเอียดในระดับ “มาก”มาเขียน การเรียบเรียงสิ่งที่จะเล่าจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ด้วยการเซ็ทให้เป็นรูปแบบคล้ายๆกันแต่มีความแตกต่างในด้านรายละเอียดบ้าง เพราะสิ่งที่ต้องการเล่าในตัวบุคคลและความเกี่ยวข้องกันนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ แม้ในภาพรวมสิ่งที่จะเล่าโฟกัสไปที่การนำเสนอตัวละครที่จะมาปะทะกันในแต่ละคู่ก็ตาม แต่เบื้องหลังหรือความเป็นมาของแต่ละคนคือจุดเด่นที่จะทำให้การฟาดฟันด้วยดาบในแต่ละคู่ น่าสนใจและชวนให้เราติดตาม
จะเรียกว่าเป็นงานขายดราม่าที่มีฉากจบและจุดจบด้วยการฟาดฟันด้วยดาบก็ได้ มันเป็นไปในสไตล์แบบที่ผมชอบเอามากๆ กับการเน้นดึงดูดความสนใจของคนอ่านด้วยเนื้อหาที่มีความเป็นมนุษย์สูงมากๆ รัก โลภ โกรธ หลง กิเลศ ตัณหา ความคลั่งแค้น ความบิดเบี้ยวในความรักความชอบของคน สิ่งต่างๆ ที่ผูกมัดผู้คนให้ยังคงเป็นคนอยู่เสมอเหล่านี้
เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงให้เราไม่อาจคาดสายตาและดึงดูดให้เราร่วมเดินไปกับการเดินทางมายังซุรุกะ ดินแดนที่มีไดเมียวผู้กระหายอยากเห็นเลือด แม้เป็นการสมยอมกลายๆ แต่ผู้คนที่เดินทางมายังที่แห่งนี้ ก็ต่างมาด้วยจุดประสงค์เดียวกันทั้งสิ้น
พูดไปแบบนี้ ถ้ามองในแง่งานวาดใช่ว่า KAINA จะนำเสนอภาพชวนฮิลหัวใจหรอกนะครับ เพราะเอาเข้าจริงๆ ความดิบและโหดของงานวาดในเรื่องนี้มันก็สุดของมันเหมือนกัน แม้เราจะไม่ได้เห็นไส้ ทะลัก ชิ้นส่วนขาดวิ่นทั้งเรื่องเหมือน SHIGURUI แต่ฉากสำคัญที่พูดถึงการดวลและการต่อสู้ที่มีอยู่กระจายตัวทั้งเรื่องมันก็โหดดิบไม่หนีกันหรอกครับ
เพียงแต่ อ. ฮิเดกิ โมริ ผู้วาดไม่ได้ต้องการเน้นให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง แต่มันก็มีความโหด ตัวขาด ไอ้นั่นไอ้นี่ขาด โดนฟันกันทั้งเรื่อง มันก็สมกับเป็นงานที่เล่าเกี่ยวกับการดวลที่ใช้เลือดล้างแค้นตรงประเด็น (เรท 20+ นะครับงานนี้) เพียงแต่เนื้อหามันใส่เรื่องราวความเป็นมนุษย์และดราม่าทีมีอยู่มากมายตามจำนวนคู่ที่ต้องดวลกันครับ
ด้วยเนื้อหาที่มีความเป็นมนุษย์สูงมากๆ ภายใต้การต่อสู้เพื่อความเป็นมนุษย์ตามแต่แต่ละคนในเรื่องจะตีความและเกาะเอาไว้เพื่อแสดงถึงตัวตนและเหตุผลของตัวเอง เราจะพบความแตกต่างในบริบททางสังคมญี่ปุ่นในยุคสมัยตระกูลโทกุงาว่าครองประเทศ ในฐานะที่เคยอ่านทั้งงานเรื่องนี้ในเวอร์ชั่น SHIGURUI มาแล้ว และอ่านงานที่หยิบยุคสมัยช่วงเดียวกันมาเขียนในอีกหลายๆเรื่อง ฉากหน้าของสังคมที่มีความสงบสุขเกิดขึ้นหลังจากผ่านยุคสมัยที่ต้องห่ำหั่นเพื่อแย่งความชอบธรรม ผมออกจะชาชินกับฉากหลังที่มักหยิบมานำกันแบบนี้อยู่เสมอ
เพราะความเคยชินในเรื่องราวแนวนี้นั่นแหล่ะ ผมถึงสนุกและตื่นเต้นกับความเหมือนและแตกต่างของรายละเอียดของฉากหลังที่เรื่องได้ใส่มา สิ่งที่คุ้นเคยก็ช่วยทำให้ผมยังรู้สึกเกาะเส้นเรื่องได้ไม่หลุดไปไหนในหลายๆจังหวะ ส่วนที่แตกต่างก็มักจะเป็นบริบทที่คอยหนุนให้กับตัวละคร และเนื้อหาที่เข้มข้นอันแตกต่างกันไปของแต่ละคนในเรื่อง ก็คือเนื้อหาที่จะพาเราไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้เพื่อทำให้ปมใน(จิต)ใจของแต่ละคนได้จบลง
ก็อย่างที่พูดไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พยายามสะท้อนตัวตนของความเป็น “มนุษย์” ให้ออกมาสะเทือนใจที่สุด ในรูปแบบที่เรียบง่าย ไม่โฉ่งฉ่างในการนำเสนอ จะบอกว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ SHIGURUI ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นอย่างนั้น
ผมกลับมองว่า แม้ผมจะชอบเวอร์ชั่น SHIGURUI ในความดิบ ห่าม รุนแรงและดุเดือดไม่เกรงใจใครมากเท่าไหร่ ผมก็ชอบ KAINA มากพอๆกัน ด้วยบริบทของความหลากหลายของเรื่องราวความเป็นมนุษย์ มีทั้งเรื่องที่เข้าใจกันง่ายๆ และเรื่องที่แม้จะดูทรงบิดเบี้ยวแต่ตัวตนและการนำเสนอนั้นทำให้เราเข้าใจในแก่นแท้ของสิ่งที่เรียกว่า “มนุษย์” แม้นั่นจะไม่ใช่ “มนุษย์” แบบที่ผมคุ้นเคยก็ตาม
ผมไม่ได้มองว่าดราม่าใน SHIGURUI มันด้อยหรืออ่อนกว่า ดราม่าใน KAINA เรื่องนี้นะครับ เพราะใน SHIGURUI มันคือการย้ำๆ บี้แล้วบี้อีกกับเรื่องความเจ็บปวดของ 2 ตัวละครหลัก เพราะแบบนั้นในทางตรงกันข้าม เรื่องนี้มีบริมาณของความดราม่าที่หลากหลายมากกว่า ด้วยเป็นการเล่าเรื่องของทั้ง 11 คู่ หรือ 22 คน
แม้ใน 22 คนนั้นจะมีเพิ่มและลดลงไปตามเรื่องราวความดราม่าว่าเรื่องนั้นยุ่งเกี่ยวกับคนจำนวนมากหรือน้อยแค่ไหน ด้วยปริมาณที่มากต่างกันขนาดนี้ในสิ่งที่ต้องการเล่า ย่อมทั้งแตกต่างและมีแง่มุมมากมายที่จะนำเสนอ ตรงส่วนนี้คือสิ่งที่ผมกล้าบอกว่าเรื่อง KAINA มันมีมากกว่า SHIGURUI อย่างเห็นได้ชัด และสิ่งที่กล้ายืนยันอีกอย่างนึงก็คือ มันกล่อมกล่อมและฝาดลิ้น ปนขมให้รสชาติที่หลากหลายแต่ตรึงใจให้กับคนอ่านเรื่องนี้ไม่แพ้ SHIGURUI อย่างแน่นอนครับ
ทั้งหลายทั้งปวงของสิ่งที่ผมได้อ่าน คือการผูกเรื่องความสัมพันธ์ของบางตัวละครไว้ให้เห็นภาพของความเกี่ยวข้อง ไม่ใช่เพียงแต่ละคู่เท่านั้นที่มีความสัมพันธ์กันที่ก่อให้เกิดความแค้นจนต้องจบเรื่องด้วยวิธีนี้ แต่บางคู่มันคือความเกี่ยวข้องที่มีภาพใหญ่คลุมอยู่ การวางเรื่องราวไว้ได้กว้างกว่าที่เราจะคาดคิด การผูกเนื้อหาของคนที่แตกต่างมาจากคนละที่เสมือนไม่เกี่ยวข้องกัน
การนำเสนอที่ออกมาแบบในเรื่องนี้นั้น มันทำให้งานดวลดาบที่เหมือนเกมการต่อสู้ที่จับคนสองคนด้วยความแค้นมาสู้กัน กลายเป็นเรื่องราวที่มีรากลึก และสะท้อนทั้งสังคมในยุคนั้นและความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่อาจจะมีแค่ดาบเท่านั้นที่จะหาทางออกให้กับเรื่องราวได้ครับ
ผมชอบบริบทของการนำเสนอ ที่ทำให้ครอบคลุมของเงื่อนไขของเรื่องราวการล้างแค้นของกลุ่มคนเหล่านี้ครับ มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความแค้นที่ฝังรากลึก หรือมีมูลเหตุจากอดีตอันไกลแสนไกลทุกเรื่องไป ความหมายคือ มันมีความแค้นที่เป็นแบบนั้น แค้นที่ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้ความแค้นนี้อยู่ต่อไปและตัวเองกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหรือลืมมันไปได้
แต่ในเรื่องราวของคนทั้ง 11 คู่นี้ มันมีหลากเหตุผลของการต่อสู้ ผสมกันอยู่ บางเรื่องมันถูกหยิบยื่นเข้ามาโดยที่ผู้คนที่ต้องเข้าร่วม อาจรู้สึกว่ามันไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเขา บางเรื่องเพราะเงื่อนไขมันเขาถึงต้องเดินเข้าลานประหารนี้ หลากหลายเหตุผลที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความแค้นด้านเดียว หรือหน้าเดียวให้เราได้เห็น มันคืออีกหนึ่งความลุ่มลึกของการนำเสนอที่ถูกเตรียมไว้ให้เราเข้าไปอ่าน
เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความลึกของอารมณ์ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของความแค้นที่มีที่มาที่ไปอันแตกต่างกัน และผูกความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลให้เข้ากับเนื้อหา เพื่อสื่อสารสิ่งที่เรียกว่า “มนุษย์” ได้อย่างทั้งหลากหลายและเข้าถึงห้วงเวลาแห่งความเจ็บปวด ทั้งหลายทั้งปวงที่ผมได้เห็นจากเรื่องนี้ เนื้อหาที่นอกจากจะทำให้เราเต็มอิ่มเวลาอ่านแล้ว จุดสำคัญอีกเรื่องที่ดีงามไม่แพ้กันก็คือลายเส้นครับ อาจจะด้วยผมเป็นคนชอบงานวาดในสไตล์เก่าๆ อยู่แล้วก็ตาม
แต่การที่ได้อ่านงานวาดของ อ. Hideki mori ในมังงะที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า อ. ได้หยิบมาเขียนนั้นเป็นอะไรที่น่าดีใจมากๆครับ
ตัวผมเองไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ อ. เท่าไหร่นัก อาจจะส่วนนึงก็เพราะว่าในบ้านเราผลงานของ อ. หาอ่านได้ยากยิ่ง เท่าที่ผมจำได้ เคยอ่านแบบ LC ในบ้านเราก็คือเรื่อง Tengu ของค่าย บูรพัฒน์ ซึ่งถ้ามองจากสายตาผม เรื่องนั้นถือว่าตรงสายของ อ. มากๆ เป็นเรื่องที่สนุกมากๆ รายเส้นโดนใจ เรียกว่าห้ามพลาดอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว ซึ่งผมได้เคยรีวิวไว้แล้วนะครับ ถ้าเจอลิงค์เก่าจะแปะไว้ให้อ่านกันนะครับ
นั่นน่าจะเป็นเรื่องเดียวที่เป็นสายตรงแบบที่หาอ่านได้ในเมืองไทยแบบ LC (อีกเรื่องเป็นงานเรื่องไดโน ของสยามเดี๋ยววันหลังรีวิวให้ได้อ่านกันนะครับ) ของ อ. เขา ส่วนงานไพเรทผมจำไม่ได้ว่ามีเรื่องไหนบ้าง ยิ่งในยุคนี้ที่มี สนพ หยิบงานเก่าๆ มาพิมพ์ให้อ่านกัน น่าจะมีงานของ อ. ถูกหยิบมานำเสนอกันบ้าง ไม่รู้ว่าเรื่องอย่าง “ซามูไรพ่อลูกอ่อน ภาค 2” ที่ อ. เขียนไว้มีใครหยิบมาพิมพ์กันหรือยังในตอนนี้ครับ
ซึ่งสำหรับผมแล้วงานสายตรงของ อ. ต้องเป็นแนวพีเรียดของญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะแบบนั้น เรื่องนี้จึงตรงกับที่ผมคิดเอาอย่างมาก งานเขียนที่สื่อสารด้วยลายเส้นมีเอกลักษณ์เหมาะกับเรื่องราวในยุคนั้น มีความชัดเจนในแบบฉบับการตัดเส้นของหมึกที่ลงไว้ ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีเช่นเดิม เมื่อรวมเข้ากับความเก่งในการนำเสนอเรื่องราวความเจ็บปวดต่างๆ ผ่านสีหน้า ผ่านท่าทางของตัวละครได้อย่างเห็นภาพชัดเจน แม้จะดูไม่เรียบร้อยถ้าเทียบกับงานวาดในยุคปัจจุบัน
แต่มันดิบและเข้ากับบริบทงานแบบนี้ยิ่งนัก มันเป็นเอกลักษณ์และแนวทางการนำเสนอที่ผมว่าเข้ากับเรื่องราวแนวนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นแล้ว ทั้งเนื้อหาที่หนักแน่นเมื่อเจอการนำเสนอที่ดิบและมีความเฉพาะของยุคสมัย ไม่มีอะไรที่เข้ากันได้ดีมากเท่านี้อีกแล้ว มันลงตัวมากๆ และใช่เลยสำหรับนักอ่านอย่างผมครับ
“ศึกการประลองยอดฝีมือ ณ ปราสาทซุรุกะ” เรื่องโดย อ. NANJOU Norio งานภาพโดย อ. MORI Hideki เรื่องนี้นั้น ก็อย่างที่บอกกันว่านี่เป็นอีกหนึ่งผลงานจากค่ายไพเรทเจ้าเก่า ที่ผมเรียกค่ายนี้ติดปากว่าเป็นค่ายอินดี้ในวงการมังงะ เรื่องแต่ละเรื่องที่หยิบมา ไม่เน้นความตลาด เน้นว่าใช่สำหรับคนทำ
เพราะถ้ามันใช่ คนอ่านที่ชอบแนวเดียวกับเขา ก็ต้องบอกว่าใช่ และใช่ครับ เรื่องนี้โครตใช่สำหรับผมเลย การที่ได้เห็นว่าค่ายนี้หยิบเรื่องนี้มาทำ มันทั้งตกใจและน่าแปลกใจอย่างมาก ด้วยผมมองว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรื่องนี้อยู่ด้วย
และก็ไม่แปลกใจไปพร้อมๆกันว่าถ้าจะมีค่ายไหนกล้าหยิบมาทำล่ะก็ BOOTLEGG COMIC นี่แหล่ะอยู่ในค่ายที่ผมจะไม่แปลกใจ เพราะแบบนั้นผมถึงทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจไปพร้อมกัน กับความกล้าที่จะเสี่ยงขาดทุน(อีกครั้ง) ของการหยิบเรื่องนี้มาทำครับ
เอาจริงๆ ผมไม่เคยอยากให้แต่ละค่ายที่หยิบงานดีๆ งานหาอ่านได้ยากๆ แบบค่ายนี้และเรื่องนี้ ขาดทุนเพราะหยิบเรื่องแนวอ่านยากไม่ตลาดแบบนี้มาทำหรอกนะครับ แน่นอนสำหรับแฟนๆ กลุ่มใหญ่ๆ เรื่องที่เราคุ้นเคยและอยากได้มาเก็บไว้แบบสมบูรณ์คืออะไรที่ฟินที่สุดสำหรับเราแล้ว
แต่ในทางกลับกัน มีเรื่องอีกมากมายที่เป็นผลงานของคนที่เราอาจจะตามแล้วไม่รู้ว่ามี หรืออาจไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะได้อ่าน แต่งานมันดีและเป็นสไตล์ที่เราชอบ ถ้าถูกหยิบมานำเสนอแล้วล่ะก็ ผมก็อยากให้มันถูกเลือกและหยิบไปวางไว้ในชั้นหนังสือ รอเวลาที่ทุกคนจะใช้ช่วงเวลาอันน้อยนิด เข้าไปทำความรู้จักกับมันอย่างเรื่องนี้นี่แหล่ะครับ
พูดมาถึงจุดนี้ก็คงเพราะพอรู้ว่ายอดของเรื่องนี้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ซึ่งผมเห็นใจคนทำครับ ก็อย่างที่บอกว่า ไม่รู้ว่าเรื่องแนวเซอร์ไฟร์คนอ่าน งานดีๆที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จะถูกหยิบมานำเสนอกันอีกหรือเปล่าในอนาคต ในฐานะนักอ่านที่ได้อ่านและตามงานค่ายนี้มาตลอดก็เลยอยากขอเป็นกำลังใจให้กับค่ายนี้ได้ไปต่อกับแนวทางสายอินดี้ที่ ณ ปัจจุบันหาได้น้อยลงเรื่อยๆในบ้านเราครับ
KAINA เวอร์ชั่นนี้ ทาง Bootlegg Comic เลือกหยิบมาทำในเวอร์ชั่น 2 เล่มจบ จากปกติจะเป็นเวอร์ชั่น 4 เล่มจบนะครับ เพราะแบบนั้นแต่ละเล่มในเรื่องนี้จึงหนามากๆเกือบเล่มละ 450 หน้ากันเลยทีเดียว ตัวเล่มทำออกมาแบบปกสองชั้น ปกนอก พิมพ์ 4 สี เคลือบ PVC ด้าน โดยเลือกใช้รูปตัวละครบางตัวจากในเรื่อง เป็นรูปที่เน้นความเรียบง่าย ส่วนปกในก็พิมพ์ 4 สีเช่นกัน ตรงจุดนี้ผมชอบมาก เพราะดูแตกต่างจากหลายๆเรื่องที่มักจะเลือกพิมพ์ขาวดำในปกด้านใน ทำให้ภาพรวมทั้งปกนอกและในของเรื่องนี้ดูดีและพรีเมี่ยมขึ้นครับ
ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น ด้านในพิมพ์เป็นภาพขาวดำตลอดทั้งเล่ม งานพิพม์คมชัดดีมาก บนกระดาษ Green Read ถนอมสายตาเช่นเคย ส่วนงานแปล ก็ยังคงแปลได้ดีได้ลื่น ตรงกับบริบทของยุคสมัย สำนวนการแปล อ่านแล้วไม่มีติดอะไรครับ ภาพรวมงานทั้งสองเล่ม ออกมาดี ตามมาตรฐานที่ทางได้เคยทำไว้เช่นเคย
เป็นอีกเรื่องที่ทำเอาผมแปลกใจหลายต่อเลยนะครับ เพราะนอกจากจะแปลกใจที่ทางค่ายเขาหาเรื่องนี้เจอแล้ว ก็ยังแปลกใจที่กล้าพิมพ์เรื่องนี้ออกมาจำหน่าย ด้วยเรื่องนี้ไม่ได้โด่งดังและไม่เคยเป็นกระแสมาก่อน ทั้งเรื่องและนักเขียนเองด้วยซ้ำ แต่แม้ตัวผมเองจะไม่ได้มีความอยากอ่านเรื่องนี้มาก่อนด้วยเนื้อหาที่อยู่ใน SHIGURUI มันทำออกมาได้ดีและผมถือว่าจบเรียบร้อยแล้วก็ตาม(แม้จะเป็นแค่คู่แรก)
แต่พอได้อ่านเรื่องนี้จริงๆแล้ว กลับรู้สึกเลยว่า นี่ต่างหากคือเรื่องราวที่สมบูรณ์ของงานที่หยิบบทประพันธ์ดั้งเดิมออกมาเขียน เพราะข้างในคือเรื่องราวความเจ็บปวดของการใช้ชีวิต ที่ไม่อาจทำให้มันจบลงได้ หากไม่สามารถหาคำตอบให้กับปมที่อยู่ในใจของตัวเองได้ แม้ปมนั้นจะต้องใช้คมดาบในการตอบก็ตาม
เรื่องราวหลากหลาย ทุกข์ สุข เศร้า บนพื้นฐานความเป็นมนุษย์ที่พวกเราเข้าใจง่าย ถูกเรียบเรียงและนำเสนอออกมาได้อย่างดีที่สุดครั้งนึงในงานแนวนี้ ใครชอบงานแนวนี้แล้วพลาด ผมบอกเลยว่าพลาดมาก เพราะเมื่อถึงตอนนั้น ตอนที่ทุกคนอยากอ่าน เรื่องนี้คงหามาอ่านได้ยากยิ่งครับ
ภาพ 9.7/10
เรื่อง 9.5/10
ความประทับใจ 10/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #2เล่มจบ # BootleggComic #การ์ตูนแนวพีเรียด #การ์ตูนแนวซามูไร #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวต่อสู้ #10คะแนน #KAINA #ศึกการประลองยอดฝีมือ #หนังสือการ์ตูน #Rate20 #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา