13 มิ.ย. เวลา 08:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปไทม์ไลน์ ทำไม King Power ถึงอยากยกเลิกสัญญา ดิวตี้ฟรี กับ AOT

ในวันนี้ได้มีข่าวว่า ทางบริษัท King Power ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านค้าดิวตี้ฟรี ในสนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, ภูเก็ต และหาดใหญ่
ได้ยื่นหนังสือไปถึงทาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เพื่อหารือหาแนวทางและข้อยุติอื่น ๆ
รวมไปถึงแนวทางในการพิจารณายกเลิกสัญญา ประกอบธุรกิจร้านค้าดิวตี้ฟรี ในสนามบินเชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ให้ได้ข้อยุติภายใน 45 วัน
ด้วยสาเหตุหลัก ๆ ที่มาจากเศรษฐกิจที่หดตัว นักท่องเที่ยวที่หดหาย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และนโยบายลดภาษีสินค้าประเภทไวน์
1
รวมไปถึงการที่ AOT ขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการบางส่วน ล้วนทำให้ยอดขายของทาง King Power ลดลง
และถึงแม้ว่าทาง King Power จะยังคงแบ่งค่าตอบแทนในอัตรา 20% ของยอดขายในแต่ละเดือน ให้กับทาง AOT อยู่
แต่หลังจากมีข่าวนี้ออกมา ก็ส่งผลให้ราคาหุ้นของ AOT ในตอนนี้ ปรับตัวลดลงมาแล้ว -7.81%
อยู่ที่ราคา 29.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าช่วงโรคระบาดในช่วงปี 2563 ที่ราคาลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 45.25 บาทต่อหุ้นเลยด้วยซ้ำ
4
และหากย้อนกลับไปดูในช่วงที่เคยเห็นราคานี้ เราต้องย้อนกลับไปในปี 2558 หรือ 10 ปีที่แล้วเลยทีเดียว
หากจะไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ของเรื่องนี้ดู ก็จะสรุปออกมาได้แบบนี้
เริ่มต้นสัญญาใหม่ปี 2562
ทาง King Power ได้รับสิทธิ์ในการทำธุรกิจสินค้าปลอดภาษีจาก AOT โดยมีสัญญาใหม่ กำหนดให้จ่ายผลตอบแทนในรูปแบบของ "ส่วนแบ่งรายได้" แบบ Minimum Guarantee ในอัตรา 30% ต่อปี
2
สำหรับกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร หรือร้านค้าดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่
ซึ่งในปี 2562 นี้เอง ยังเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด และเป็นปีที่การท่องเที่ยวในไทยเติบโตจนถึงขีดสุด ส่งผลให้รายได้รวมของ King Power อยู่ที่ 61,192 ล้านบาท
2
2. ปี 2563 เริ่มแก้ไขสัญญาครั้งแรก
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ปี 2563 ได้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของสัญญา โดยยืดระยะเวลาสัญญาเพื่ออนุญาตให้ King Power ประกอบกิจการร้านค้าดิวตี้ฟรี
ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ปี 2576 จากเดิมที่อยู่ถึงปี 2574
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กลับเกิดวิกฤติโรคระบาดขึ้น ส่งผลให้รายได้ของ King Power ลดลงมาเรื่อย ๆ เป็นเวลาหลายปี ระหว่างปี 2563 ถึง ปี 2566
1
และจนถึงตอนนี้เอง ก็ยังไม่สามารถกลับไปสู่จุดเดิมก่อนจะเกิดโรคระบาดได้อีกเลย
1
3. หลังวิกฤติโรคระบาดผ่านไป ผลประกอบก็ยังไม่ฟื้น
แม้วิกฤติโรคระบาดจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทย ก็ยังไม่เคยฟื้นตัวกลับไปถึงจุดเดิมได้อีกเลย
นอกจากนี้เอง ก็ยังมีผลกระทบจากเรื่องการเปลี่ยนแปลงจากโดยนโยบายภาครัฐ เข้ามาส่งผลกระทบอีก
1
เพราะในช่วงเดือน พฤศจิกายน ปี 2566 รัฐบาลต้องการกระตุ้นการบริโภค และใช้จ่ายสินค้าในประเทศ
จึงได้มีการยกเลิกการละเว้นอากรขาเข้าสำหรับสินค้าที่นักท่องเที่ยวซื้อจากร้านค้าดิวตี้ฟรี เพื่อให้เม็ดเงินจากการใช้จ่ายในร้านค้าดิวตี้ฟรี เปลี่ยนมาเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศแทน
ตรงนี้ส่งผลให้ ธุรกิจร้านค้าดิวตี้ฟรี อย่าง King Power ที่เคยได้ประโยชน์ กลับต้องเสียผลประโยชน์
และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ King Power พยายามต่อรองเงื่อนไขสัญญาเช่าพื้นที่ค้าปลีกกับ AOT ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
4. King Power เริ่มขาดสภาพคล่อง
1
เมื่อรายได้หดหายแบบนี้ ก็ทำให้สภาพคล่องของ King Power ย่ำแย่ลง
เห็นได้จากอัตราส่วนสภาพคล่อง หรือ Current Ratio ของ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ที่ดูแลร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบิน ช่วงที่ผ่านมา จะอยู่ในระดับปริ่ม ๆ 1 เท่า
1
- ปี 2564 Current Ratio อยู่ที่ 0.87 เท่า
- ปี 2565 Current Ratio อยู่ที่ 1.43 เท่า
- ปี 2566 Current Ratio อยู่ที่ 0.99 เท่า
2
ซึ่งแปลว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด มีสินทรัพย์ระยะสั้น เช่น เงินสด และลูกหนี้การค้าที่มี แทบจะไม่พอกับการจ่ายหนี้สินระยะสั้น ที่หลัก ๆ แล้วก็น่าจะเป็น เจ้าหนี้การค้าเลย
3
และแน่นอนว่า เจ้าหนี้การค้า รายใหญ่ที่สุดของ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ก็คือ AOT นั่นเอง
1
พอเป็นแบบนี้ King Power ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องขอเจรจา เพื่อผ่อนผันการจ่ายส่วนแบ่งผลประโยชน์จากพื้นที่พาณิชย์ที่ค้างจ่าย AOT ประมาณ 4,000 ล้านบาท
โดยในเดือนสิงหาคม ปี 2567 ทาง King Power ได้ยื่นหนังสือถึง AOT เพื่อขอขยายเวลาชำระเงินไปอีก 18 เดือน แต่ก็ต้องแลกกับการที่ King Power ต้องจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปีด้วยเช่นกัน
1
และการที่ King Power ไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้กับ AOT ได้ ก็ส่งผลให้ ลูกหนี้การค้าไม่หมุนเวียน หรือก็คือลูกหนี้การค้าที่ AOT เก็บเงินไม่ได้เกิน 1 ปี เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
- ปี 2564 ลูกหนี้การค้าไม่หมุนเวียน 623 ล้านบาท
- ปี 2565 ลูกหนี้การค้าไม่หมุนเวียน 619 ล้านบาท
- ปี 2566 ลูกหนี้การค้าไม่หมุนเวียน 883 ล้านบาท
- ปี 2567 ลูกหนี้การค้าไม่หมุนเวียน 2,025 ล้านบาท
 
ปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายปีนี้ ประกอบกับการแก้ไขปัญหาของทางฝั่ง AOT ที่นักลงทุนมองว่าดูจะอะลุ่มอล่วยให้กับทางฝั่ง King Power มากจนเกินไป
2
ก็เลยส่งผลให้ราคาหุ้นของ AOT ปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง
จน เข้าสู่ช่วงเดือนพฤษภาคม King Power ก็ได้ทำหนังสือหารือ แนวทางพิจารณายกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร
ที่สนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ โดยอ้างเหตุสุดวิสัยหลายประการที่ทำให้ประสบภาวะขาดทุน
แต่อย่างไรก็ตามทางคิงเพาเวอร์ทั้ง King Power Suvarnabhumi (KPS) และ King Power Duty-Free (KPD) ก็ได้ชำระเงินประกันขั้นต่ำตามเวลาที่กำหนด
2
ทำให้ราคาหุ้นของ AOT ปรับเพิ่มขึ้น 3.92% ขึ้นที่ระดับราคา 39.75 บาท
แต่ผ่านมาไม่นานเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ราคาหุ้น AOT ก็ร่วงลงแรงถึง 8% ลงมาอยู่ที่ 34.50 บาท หลังที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมา
1
และหากเราดูตัวเลขผลประกอบการที่ประกาศออกมา จะเห็นว่า แม้รายได้จะลดลงเพียงเล็กน้อย ลดลง -0.1% แต่กำไรลดลง -12.6% จากปีก่อน
3
สาเหตุสำคัญเป็นเพราะรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์สัมปทานลดลง จากการเรียกคืนพื้นที่ดิวตี้ฟรี และนโยบายยกเลิก ดิวตี้ฟรีขาเข้าอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน ลดลง -13.7%
จนมาถึงการขอยกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรีนี้ ก็ได้เข้ามาซ้ำเติมราคาหุ้นของ AOT อีกระลอก จนถ้าคิดตั้งแต่ต้นปีมาถึงตอนนี้ ราคาหุ้นของ AOT ก็ปรับตัวลงไปมากกว่า 50% แล้ว
เรื่องนี้น่าสนใจมากว่า ครั้งหนึ่ง King Power เคยถูกมองว่าเป็นเสือนอนกิน ในยุคที่การท่องเที่ยวของไทยเฟื่องฟู เพราะเป็นผู้รับสัมปทานดิวตี้ฟรีเพียงรายเดียวของ AOT
แต่ตอนนี้เมื่อการท่องเที่ยวกำลังซบเซา และนโยบายภาครัฐที่เปลี่ยนแปลงไป
ก็ทำให้ King Power ที่เคยเป็นเสือนอนกิน กำลังกลายเป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากสภาพอุตสาหกรรมที่ไม่เหมือนเดิม
แถมยังส่งผลกระทบต่อไปถึงเสือนอนกินอีกรายอย่าง AOT ด้วย..
โฆษณา