วันนี้ เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กัมพูชาสั่งตัดเน็ต แบนสินค้า-ละครไทย กูรูชี้ไม่สะเทือนเศรษฐกิจไทย

ไทยปะทะกัมพูชา ความขัดแย้งลามหลายมิติ บานปลายสู่การแบนสินค้า-สื่อบันเทิง ดึงแรงงานกลับประเทศ โบรกมองไม่กระทบ GDP เชื่อรัฐบาลมองหาตลาดอื่นทดแทนได้
จากกรณีความขัดแย้งระหว่างชายแดนไทยและกัมพูชา ที่ยังไร้ข้อยุติทำให้ฝั่งไทยมีความจำเป็นต้องปิดด่านเชื่อมต่อชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ลุกลามปานปลายไปจนถึงขั้นกระทรวงสารสนเทศกัมพูชาออกคำสั่งให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องหยุดออกอากาศ ละครและหนังไทย ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 13 มิ.ย. 2568
รวมไปถึงรัฐบาลกัมพูชาให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคม “ตัดสาย” เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตข้ามแดนไทย แล้วหาทางผ่านเครือข่ายประเทศอื่นแทน นอกจากนี้ ทางจอมพลสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์ตอบโต้หลังจากที่ไทยปฏิเสธที่จะเปิดด่านชายแดน
โดยในใจความสสำคัญนอกเหนือจากเรื่องทางการทหาร การเตรียมพร้มรับมือสงครามแบบ 24 ชั่วโมง การอพบพคนกัมพูชาไปยังพื้นที่ปลอดภัย และการนำตัวผู้ป่วยที่รักการรักษาในไทยกลับไปยังกัมพูชาแล้วนั้น ยังมีประเด็นสำคัญอื่นๆ ได้แก่
  • การประกาศห้ามนำเข้าสินค้าไทย โดยจะทดแทนด้วยสินค้าที่ผลิตเองในกัมพูชา หรือนำเข้ามาจากประเทศอื่น
  • เตรียมซื้อสินค้าเกษตรกัมพูชาที่มีไว้สำหรับส่งขายให้ไทย แล้วนำมาบริโภคเองในกัมพูชาหรือส่งขายประเทศอื่น
  • เตรียมรับคืนแรงงานกัมพูชากลับ
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากกรณีความไม่สงบระหว่างไทยและกัมพูชา จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่นั้น
ส่วนตัวมองว่าด้วยมูลค่าการค้าของกัมพูชาคิดเป็น 2-3% ของมูลค่าการค้าทั้งหมด และการปิดการค้าชายแดน ยังมีกำหนดเวลา และคาดว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ ผลกระทบต่อ GDP ไทยจึงยังไม่มาก โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปมาก คือ น้ำมัน เครื่องประดับ น้ำตาล เครื่องดื่ม และยานยนต์
 
ในแง่ที่กัมพูชาลดการบริโภคสินค้าไทย-ละครไทย มีผลต่อเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหนนั้น ทางฝ่ายยังมองเป็นเพียงผลกระทบในเชิงจิตวิทยาการลงทุนเท่านั้น โดยคาดว่าปัญหาชายแดนจะถูกแก้ไขโดยการเจรจา มากกว่าที่จะกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งแบบยึดเยื้อ
ขณะที่ความกังวลต่อผลกระทบหุ้นกลุ่มค้าปลีก ร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว ของไทยน่ากังวลหรือไม่เมื่อคนกัมพูชาแอนตี้ไทยมากขึ้น ก็ประเมินว่ากระทบตอนนี้ยังเป็นเพียงระยะสั้น แต่ถ้าหากปัญหาขยายวงกว้างและกินเวลานาน อาจกระทบการค้าชายแดน และการท่องเที่ยวได้
เชื่อว่าผลกระทบค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปยังกัมพูชาไม่สูงนัก อีกทั้งนักท่องเที่ยวหลักของไทยก็ไม่ใช่กัมพูชา จึงมองว่าอาจไม่ได้มีผลในแง่ของ GDP ไทยเท่าไหร่ และหากว่าสถานการณ์มีความยืดเยื้อ เชื่อว่ารัฐบาลอาจต้องหันไปโฟกัสตลาดอื่น เพื่อหาตลาดมาชดเชยกำลังซื้อจากกัมพูชาที่ลดลงแทน
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า กรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชานั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีผลอย่างมีนัยยะต่อ GDP ไทย เพราะ GDP ไทยกว่า 50% ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคในประเทศ
1
ลำดับถัดมาเป็นการส่งออก โดยที่ตลาดส่งออกหลักของไทยก็อยู่ที่สหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น เป็นหลัก และถัดมาคือการท่องเที่ยว โดยที่ประเทศหลักที่มาไทยได้แก่ จีน มาเลเซีย ซึ่งก็ไม่ใช่กัมพูชา ดังนั้นแล้วการท่องเที่ยวและการบริโภคจากกัมพูชาจึงแทบไม่มีผลอย่างมีนัยยะ
แต่อย่างไรก็ตามกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ก็มีบางบริษัทขายสินค้าในกัมพูชา อาทิ CBG SCC แต่ก็ไม่มีผลอย่างมีนัยยะต่อผลประกอบการ เพราะมีแหล่งรายได้จากที่อื่น ส่วนหุ้นท่องเที่ยวไม่มีผลอย่างมีนัยยะเช่นกัน จากการที่อิงรายได้จากคนในประเทศ จีน และยุโรป
1
โฆษณา