Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฐานเศรษฐกิจ_Thansettakij
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 05:20 • ธุรกิจ
กางแผน “บรรทัดทอง Comeback” ฟื้นชีพร้านอาหาร วิกฤตหนัก เศรษฐกิจซบ
วิกฤติหนัก “ร้านอาหารย่านบรรทัดทอง” เศรษฐกิจซบ-ค่าเช่าแพง-นักท่องเที่ยวจีนหาย ผู้ประกอบการรวมตัวผนึกกำลังกางแผน “บรรทัดทอง Comeback” จัดเทศกาลดัน Soft Power ด้านอาหาร ขยายกลุ่มลูกค้าชาวเวียดนาม มาเลเซีย อินเดีย ชงเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษเชิงสร้างสรรค์ แนะภาครัฐเร่งแก้ปัญหาด้านการท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก
ดร.ชนะชาย นิมิตรพงศ์ศักดิ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารย่านบรรทัดทอง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ถนนบรรทัดทองเป็นแหล่งรวมสตรีทฟู้ด ร้านอาหารยอดนิยม ที่เคยสร้างรายได้มหาศาลรองจากเยาวราช แต่ปัจจุบันกำลังประสบปัญหาหนักเข้าขั้นวิกฤต หลังจากที่กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน นอกจากนี้ร้านค้าในพื้นที่ยังเผชิญกับปัญหาค่าเช่าสูงขึ้นทุกปี เฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี สวนทางกับรายได้ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
1
“3 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการร้านอาหารบนถนนบรรทัดทอง เติบโตแบบก้าวกระโดด เคยสร้างรายได้หลักหลายพันล้านบาทต่อปี แต่ปัจจุบันเราเจอปัญหารอบด้าน สถานการณ์นับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2568 คือการดิ่งลงเหว ซึ่งต้องปรับลดต้นทุนและรวมตัวกันจัดตั้งสมาคมเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน”
ด้านนายสิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการอาหารย่านบรรทัดทอง กล่าวว่า ถนนบรรทัดทองเข้าสู่ช่วงการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงปี 2562–2565 จากเคยมีร้านค้าขายอาหาร 10-20 ร้าน เพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 200 ร้าน กระทั่งในปี 2566 นักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มทะลักจากกระแสโซเซียลใส่ชุดนักเรียนไทยมาถ่ายรูปที่ถนนบรรทัดทอง หลังจากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 1.5-3 หมื่นคนต่อคืน
สถานการณ์ดีอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2567 โดยมีร้านค้าเข้ามาเปิดเพิ่มอีก รวมแล้วกว่า 300 ร้าน และถูกมองว่าเป็น “พื้นที่เศรษฐกิจใหม่” ที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก คิดสัดส่วนเป็นคนไทยประมาณ 60% และคนจีน 40% โดยเฉพาะกลุ่มคนจีนที่เป็น influencer และ KOL ที่มีอิทธิพลอย่างมากในโลกออนไลน์
กระทั่งปี 2568 ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป จุดพลิกผันสำคัญคือช่วงเทศกาลตรุษจีนที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ย่านบรรทัดทองเงียบลง คาดการณ์ลูกค้าเหลือเพียง 5,000 คนต่อวัน และยอดใช้จ่ายยังลดลงเกือบ 50% ขณะที่ค่าเช่าพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นโดยประมาณ 5-7 หมื่นบาทต่อห้องต่อเดือน
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปมีอยู่หลายประเด็น หากมองในภาพรวมคือภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยลดลง ไม่เพียงเท่านั้น เรายังถูกกระแสโซเซียลโจมตีในเรื่องอาชญากรรมและความปลอดภัย ส่วนปัจจัยภายในก็มาจากเรื่องอาหารแพง อาหารไม่อร่อย คล้ายอุปทานหมู่จากคอมเม้นท์ที่แพร่กระจายอยู่ในโลกโซเซียล ทั้งที่จริงแล้วคนเหล่านั้นกว่า 80% อาจไม่เคยมากินอาหารที่ถนนบรรทัดทองเลย”
ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงรวมตัวกันจัดตั้ง “สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารย่านบรรทัดทอง” เพื่อเป็นตัวกลางประสานการแก้ปัญหากับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงเจ้าของพื้นที่อย่างจุฬาฯ ผู้เสนอสโลแกน “บรรทัดทอง Comeback” ด้วยการสร้างความเข้มแข็งให้กับสมาชิกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สร้างโครงการ “พี่ช่วยน้อง” แลกเปลี่ยนความรู้และช่วยกันพัฒนาร้าน
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางร่วมกันลดต้นทุนของผู้ประกอบการในระยะยาว รวมพลังซื้อวัตถุดิบและสินค้าที่ใช้ร่วมกัน เพิ่มอำนาจการต่อรองราคาให้ถูกลง เช่น ถุงขยะ (รวมเป็นตัน) น้ำตาล ข้าวสาร น้ำมันพืช คาดว่าน่าจะช่วยลดต้นทุนได้สูงสุดถึง 20-25%
นายสิทธิฉันท์ กล่าวอีกว่า ประเด็นสำคัญคือการผลักดันสู่ “พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษเชิงสร้างสรรค์” โดยจะผลักดันถนนบรรทัดทองให้ไปอยู่ในแผนงานการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านการจัดกิจกรรมปิดถนน เช่น จัดงานประจำปี, จัดเทศกาลอาหารนานาชาติ ปลดล็อคข้อจำกัดในเรื่องกฎหมายเพื่อทำให้เกิด Street Branding มีอีเว้นท์ประจำสม่ำเสมอทุกเดือน
“ตอนนี้เรารอให้สมาคมฯที่ก่อตั้งขึ้น ได้รับการรองรับอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 3 เดือนนี้ หลังจากนั้นจึงจะดำเนินการส่งหนังสือถึง กทม. และหน่วยงานต่าง ๆ แก้ไขภาพลักษณ์เรื่องราคาแพง อาหารอร่อยและไม่อร่อย รวมถึงดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในให้คนในประเทศรับรู้ และขยายกลุ่มนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเวียดนามที่กำลังมาแรง รวมไปถึงมาเลเซีย อินเดีย ที่มีกำลังซื้อสูง ไปจนถึงกลุ่มยุโรปเพื่อให้ถนนบรรทัดทองเป็นย่านใหม่”
รวมถึง การชูจุดเด่นด้วย Soft Power ด้านอาหาร เสนอการจัดกิจกรรมแข่งขันการทำอาหารไทย คัดสรรหาสุดยอดอาหารไทยสไตล์ที่หลากหลาย (ยุโรป, อินเดีย, ญี่ปุ่น) เพื่อผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในรูปแบบใหม่อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังทำโครงการ Solar Rooftop เพื่อลดต้นทุนค่าไฟในระยะยาว จัดระเบียบเรื่องป้ายอาคารที่เคยมีปัญหา เจรจากับ กทม. ให้ได้รับอนุญาตติดได้ภายใต้เงื่อนไขบางประการ รวมถึงการเสนอแนะถึงภาครัฐที่จะต้องผลักดันเรื่องการท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก แก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจให้ชัดเจน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม “ถนนบรรทัดทอง” กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งจากกระแสข่าวเชิงลบ การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวและกำลังซื้อ รวมถึงปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการภายในพื้นที่ ผู้ประกอบการและชุมชนกำลังรวมตัวกันเพื่อผลักดันให้บรรทัดทอง Comeback กลับมาอีกครั้ง ซึ่งผู้ประกอบการต่างตั้งความหวัง ว่าแผนผลักดันเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษเชิงสร้างสรรค์ จะแก้ไขปัญหาต้นทุน และดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ช่วยให้พื้นที่ย่านนี้ฟื้นกลับมา
ล่าสุดททท. จัดกิจกรรม “สวัสดี หนีห่าว” เชื่อมความสัมพันธ์ 50 ปีไทย - จีน โดยนำคณะสื่อมวลชนและ KOL ชาวจีนจากมณฑลเฉินตูและคุนหมิงรวม 70 คน เดินทางไปชิมร้านอาหารย่านบรรทัดทองโดยเลือกหลากหลายร้านที่น่าสนใจ อาทิ ร้านเฮียด่วน ร้านตั้งหยู่ ร้าน 71 หมูกระทะ บรรทัดทอง เพื่อจัดทำคอนเท้นต์ประชาสัมพันธ์ประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารในย่าน Food Destination แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ เผยแพร่บรรยากาศสีสันความหลากหลายของร้านอาหารย่านบรรทัดทองในสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนี้วันที่ 31 พ.ค. ททท. ยังได้นำ Mr. Show Suzuki ซึ่งเป็น KOL ลูกครึ่งฟิลิปปินส์ญี่ปุ่นที่มีผู้ติดตามในช่องทาง Tiktok: show.suzuki กว่า 5 ล้านคนเดินทางไปถ่ายทำบรรยากาศ Food Destination ภาพรวมของถนนบรรทัดทอง และแวะชมร้านอาหารที่น่าสนใจหลากหลายต่าง ๆ
อาทิ ร้านฉันจะกินชาเย็นทุกวัน ร้านมันแท้ ร้านกุ้งแช่น้ำปลาป้าณี ร้านรวยรวย และร้าน Lobster City รวมถึงพบปะกับตัวแทนสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เพื่อนำเสนอกระตุ้นการรับรู้และดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ จากฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นให้เดินทางมายังย่านบรรทัดทองด้วย
1 บันทึก
6
6
1
6
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย