หลังเหตุการณ์ Stonewall เธออุทิศชีวิตให้กับการปกป้องและดูแลชุมชน LGBT เธอมักจะเดินลาดตระเวนตามท้องถนนในย่านเกย์ (Gay Street) โดยเฉพาะบริเวณบาร์เลสเบี้ยน เพื่อปกป้องคนหนุ่มสาว เธอมีใบอนุญาตพกปืนและไม่ลังเลที่จะใช้มันเพื่อปกป้อง "ลูก ๆ" ของเธอ (เดอลาร์เวอรีมองเยาวชน LGBT เป็นเหมือนลูกหลานที่ต้องปกป้อง โดยเฉพาะในยุคที่ชาว LGBT ยังตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งรังแกจากเจ้าหน้าที่รัฐ)
เธอยังเป็นบาวเซอร์ (bouncer – ผู้ดูแลร้าน) ให้กับบาร์เลสเบี้ยนหลายแห่งในนิวยอร์กซิตี้และยังเป็นสมาชิกของสมาคมทหารผ่านศึกสโตนวอลล์ (Stonewall Veterans' Association – สมาคมของผู้ที่เคยมีส่วนร่วมในเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์) The New York Times เคยกล่าวถึงเธอว่าเป็นเหมือน “ผู้พิทักษ์ของเลสเบี้ยนในชุมชนหมู่บ้าน” (guardian of lesbians in the Village)
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) Brooklyn Pride, Inc. ได้เชิดชูเกียรติของ สตอร์มี่ เดอลาร์เวอรี โดยการฉายภาพยนตร์เรื่อง Stormé: The Lady of the Jewel Box ของ Michelle Parkerson ที่ Brooklyn Society for Ethical Culture
เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) ทาง Brooklyn Community Pride Center ได้ยกย่องเดอลาร์เวอรีเทียบเคียงกับเอดิธ วินด์เซอร์ (Edith Windsor – นักเคลื่อนไหวสิทธิ LGBT ผู้ผลักดันสมรสเท่าเทียมในอเมริกาจนสำเร็จ) สำหรับ "ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวของเธอ" และเธอก็ยังได้รับการประกาศเกียรติคุณจาก Letitia James นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิประชาชนแห่งนิวยอร์กซิตี้
แต่แม้ทั้งคู่จะไม่ใช่ผู้ริเริ่มเหตุจลาจลสโตนวอลล์แต่ทั้งคู่ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมการประท้วงการใช้ความรุนแรงของตำรวจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันที่หน้าสโตนวอลล์อินน์ และทั้งคู่ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนขบวนการสิทธิ LGBT หลังจากนั้นซึ่งเป็นการสานต่อและขยายผลให้ขบวนการนี้มีความแข็งแกร่งและครอบคลุมยิ่งขึ้น