เมื่อวาน เวลา 12:32 • ธุรกิจ

ปี 2025 ถ้าไม่ปรับตัวกับ AI คุณจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง ในรายงาน Work Trend Index 2025 จาก Microsoft
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะรอ แต่เป็นเวลาที่ต้องลงมือ คำถามสำคัญสำหรับทุกองค์กรและพนักงานก็คือ "คุณพร้อมจะปรับตัวแค่ไหน ?"
เรากำลังก้าวเข้าสู่โลกความจริงใหม่
“โลกที่ AI สามารถใช้เหตุผลและแก้ปัญหาได้”
ดังนั้นการมี Intelligence on tap หรือ AI ผู้ช่วยที่สามารถพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา จะถูกกำหนดให้เป็นกฎใหม่ของการทำธุรกิจ และเปลี่ยนวิธีทำงานในสายงานความรู้แบบที่เราคุ้นเคย องค์กรต่าง ๆ จึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่ AI จะช่วยเสริมความสามารถของมนุษย์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยรายงานล่าสุด! Work Trend Index ประจำปี 2025 จาก Microsoft โดยได้วิเคราะห์แบบสำรวจพนักงานกว่า 31,000 คนใน 31 ประเทศ, ข้อมูลตลาดแรงงานจาก LinkedIn และข้อมูลการใช้งาน Microsoft 365 ซึ่งได้เผยถึงข้อมูลที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้นำและพนักงานเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคปัจจุบันนี้!
นิยามองค์กรรูปแบบใหม่ในปี 2025 จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘Frontier Firm’ คือ ‘คนทำงาน + AI’ ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว เพื่อสร้างองค์กรที่เร็วกว่า, ฉลาดกว่า และปรับตัวได้ดีกว่า
Frontier Firm คือ รูปแบบใหม่ขององค์กร ที่ขับเคลื่อนด้วย Intelligence on tap เพราะในวันนี้เราสามารถเรียกใช้ AI ได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกโอกาส ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง AI agent และ มนุษย์ เพื่อทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และที่สำคัญสามารถเปลี่ยนบทบาทของพนักงานทุกคนให้กลายเป็น Agent Boss หรือ ผู้จัดการทีม AI ที่สามารถดูแลและกำกับการทำงานระหว่าง AI กับมนุษย์.มึสถิติที่น่าสนใจจาก Report เล่มนี้ ระบุไว้ว่า
🔹 82% ของผู้นำองค์กรบอกว่านี่เป็นปีสำคัญ ที่ต้องคิดใหม่เกี่ยวกับกลยุทธ์และการดำเนินงาน
🔹 81% บอกว่าคาดว่าจะบูรณาการ AI Agents เข้าไปในกลยุทธ์บริษัทภายใน 12–18 เดือนข้างหน้
🔹 24% ของผู้นำบอกว่าองค์กรของตนได้เริ่มใช้ AI Agents อย่างแพร่หลายแล้ว
🔹 ในขณะที่ 12% ยังไม่ได้เริ่มขยับตัวเลย
การเปลี่ยนผ่านสู่ AI ของแต่ละองค์กรจะมีเส้นทางแตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้วการจะไปสู่ Frontier Firm มีอยู่กัน 3 ระยะ ดังนี้
🌎 ระยะที่ 1: Human with Assistant
พนักงานทุกคนมี AI Assistant ส่วนตัว ช่วยให้งานสำเร็จเร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะในยุคนี้ ทุกองค์กร และทุกคนสามารถเลือกซื้อ Intelligence on tap หรือความฉลาดของ AI ได้ตามต้องการ
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ความฉลาดเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูง แต่หาได้ยากในโลกธุรกิจ เพราะต้องอาศัยเวลาของคน, พลังงาน และต้นทุนสูงมาก แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไป "ความฉลาด" กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่าย, ราคาย่อมเยา และเรียกใช้ได้ทันทีตามต้องการ ด้วยการเติบโตของ AI และตัวแทนดิจิทัล (Digital Agents) ที่สามารถคิด, วิเคราะห์ และลงมือทำได้เอง บริษัทต่าง ๆ สามารถขยายขีดความสามารถในการทำงานได้ตามต้องการ
🔶 ความต้องการของธุรกิจ เติบโตเร็วเกินขีดจำกัดของมนุษย์
ปัจจุบัน งานกำลังผลักดันขีดจำกัดของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง พนักงานต้องทำงานที่มีมูลค่าสูง แต่ยังต้องรับมือกับภาระงานที่มากเกินกำลัง
🔹 พนักงานถูกขัดจังหวะเฉลี่ย 275 ครั้ง ต่อวันทำงาน (ทุก 2 นาที มีการขัดจังหวะหนึ่งครั้ง)
🔹 60% ของการประชุม เกิดขึ้นแบบกะทันหัน เรียกประชุมแบบ "นาทีสุดท้าย"
🔹 การส่งอีเมลก่อนประชุม เพิ่มขึ้นถึง 122% ในช่วง 10 นาทีก่อนเริ่มประชุม
🔹 จำนวนแชตที่เกิดขึ้นนอกเวลาทำงาน เพิ่มขึ้นถึง 15%
รวมไปถึงข้อมูลถึงการเปลี่ยนในอนาคตระบุไว้ว่า
🔹 78% ของผู้นำ กำลังพิจารณาจ้างพนักงานที่มีทักษะด้าน AI โดยเฉพาะ
🔹 45% ของผู้นำ บอกว่าจะขยายทีมโดยเน้นการใช้แรงงานดิจิทัลภายใน 12-18 เดือน
🔶 ดังนั้น การเสริมทักษะด้าน AI และการใช้แรงงานดิจิทัล (digital labor) กำลังกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญของการบริหารคนในองค์กร
🔹 47% ให้ความสำคัญกับการอัปสกิลพนักงานเดิม ให้มีทักษะด้าน AI
🔹 45% รักษาจำนวนพนักงาน โดยใช้ AI agent เพื่อช่วยทำงาน
🔹 44% ลงทุนในด้านการรักษาขวัญกำลังใจพนักงาน
🔹 40% รักษาพนักงานด้วยการให้โบนัสและสิทธิประโยชน์ระยะยาว
🔹 33% ลดจำนวนพนักงาน
🔹 32% เพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อรองรับความต้องการใหม่
🔹 32% ลดจำนวนพนักงานแต่ให้รางวัลผู้มีผลงานเด่น
🔹 28% ไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงกำลังคน
โดยสรุปของระยะที่ 1 นั้นคีย์สำคัญคือการทำงานผสานระหว่าง ‘คน’ ที่มีทักษะใหม่ + ‘แรงงานดิจิทัล’ เพื่อสร้างองค์กรที่เร็วกว่า คล่องตัวกว่า และสร้างนวัตกรรมได้ต่อเนื่อง มันไม่ใช่แค่หาคนใหม่เพิ่มเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเสริมทักษะใหม่ให้คนเดิม และใช้ AI เป็นแรงงานเสริม เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าได้ไวขึ้น โดยมีหลายองค์กรได้ขับเคลื่อนแล้ว ตัวอย่างเช่น
🎯 The Estée Lauder Companies
บริษัทเครื่องสำอางระดับโลก พัฒนา AI agent เพื่อช่วยระบุและรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค แทนที่จะต้องนั่งรวบรวมรายงานกระจัดกระจายและตอบโต้ไปมา ตอนนี้ทีมงานสามารถดึงข้อมูลที่นำไปใช้ได้จริงได้แบบทันที
🎯 Holland America Line
บริษัทสายการเดินเรือ Holland America Line พัฒนา AI agent ตอบคำถามจากแขกที่มาใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว มีประโยชน์ และมีความเป็นธรรมชาติในการตอบ ตอนนี้สามารถจัดการ ‘การสนทนาหลายพันครั้ง’ ต่อสัปดาห์ได้แล้ว
🌎 ระยะที่ 2: Human-Agent Teams
คนทำงานใช้ AI agent เข้ามาเป็นเพื่อนร่วมงานดิจิทัล (digital colleagues) โดยสามารถทำงานเฉพาะด้านได้มากขึ้น และทำงานเชิงซับซ้อนได้ดีขึ้น ตามที่มนุษย์กำหนดทิศทาง
โดยจุดประสงค์หลักของ Human-agent teams จะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร (Org Chart) เพราะแต่เดิมหลายบริษัทจะถูกสร้างตามแผนก เช่น แผนกการเงิน, แผนกการตลาด, แผนกการบริหาร ฯลฯ แต่ในอนาคต โครงสร้างแบบนี้จะถูกแทนที่ด้วย ‘Work Chart’ โมเดลใหม่ที่ยึดเป้าหมายเป็นศูนย์กลาง
🔶 Work Chart คืออะไร มีลักษณะอย่างไร ?
🔹 การจัดทีมแบบยืดหยุ่นที่ขับเคลื่อนด้วย AI agent ทำงานตามโปรเจกต์ ไม่ได้ยึดติดตามแผนกอีกต่อไป
🔹 ใช้ AI agent มาช่วยในตำแหน่งเชิงเทคนิค หรืองานซ้ำ ๆ เพื่อให้มนุษย์โฟกัสกับงานสร้างสรรค์และงานที่ต้องตัดสินใจด้วยความแม่นยำมากขึ้น
🔹 ช่วยให้องค์กรทำงานไวขึ้น ขยายขีดความสามารถได้โดยไม่ต้องเพิ่มคนจำนวนมาก
🔶 จากการสำรวจพบว่า ผู้นำทั่วโลกวางแผนเร่งลงทุน AI ใน 3 ด้านหลัก (ใน 12–18 เดือน) ข้างหน้า ได้แก่
🔹 งานบริการลูกค้า (Customer Service)
🔹 การตลาด (Marketing)
🔹 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development)
🔶 พนักงานในบริษัทกลุ่ม Frontier Firm ใช้ AI มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกในหลายด้าน
🔹 งานการตลาด (73% เทียบกับ 55% ทั่วโลก)
🔹 งานดูแลลูกค้า (66% เทียบกับ 44% ทั่วโลก)
🔹 งานสื่อสารภายในองค์กร (68% เทียบกับ 46% ทั่วโลก)
🔹 งานข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล (72% เทียบกับ 54% ทั่วโลก)
🔶 อนาคตของการทำงานคือการออกแบบทีมที่มีทั้งมนุษย์และ AI agent ผสานจุดแข็งของกันและกันอย่างลงตัว
นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญ AI อย่าง Daniel Susskind อธิบายใน Report ฉบับนี้ว่า แม้ AI จะพัฒนาไปไกล แต่การทำงานของมนุษย์ก็ยังสำคัญ เพราะมี 3 ข้อจำกัดที่ AI ยังไม่สามารถแทนได้ ได้แก่
🔹 ประสิทธิภาพ – บางงานทำได้ดีที่สุดเมื่อมนุษย์และ AI ทำงานร่วมกัน
🔹 ความชอบส่วนตัวของมนุษย์ – เช่น ลูกค้าอาจยังอยากคุยกับคนมากกว่า AI เป็นต้น
🔹 การตัดสินใจเชิงจริยธรรม – เช่น กรณีทางกฎหมายหรือการเงิน ที่ต้องมีมนุษย์รับผิดชอบผลลัพธ์ เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
🔹 ด้านโลจิสติกส์: AI วางเส้นทางขนส่งได้ แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้างานยังต้องใช้มนุษย์
🔹 ด้านการเงิน: AI สรุปข้อมูลได้ แต่การตัดสินใจสำคัญยังต้องมีมนุษย์เป็นที่ปรึกษา
🔹 ด้านกฎหมาย: AI ช่วยสรุปข้อมูลกฎหมายได้ แต่การเจรจาคดีสำคัญยังต้องใช้การตัดสินใจของมนุษย์
🔶 ทักษะสำคัญที่ต้องมีในการทำงานร่วมกับ AI
โดยสรุปแล้วสำหรับระยะที่ 2 คือการทำงานแบบ ‘มนุษย์กำกับ - AI agent ทำ’ เพราะ AI agent สามารถทำงานเฉพาะจุด และมนุษย์ตัดสินใจเรื่องสำคัญ ซึ่งสิ่งที่คนทำงานควรเรียนรู้ทักษะสำคัญสำหรับ AI คือ
🔹 เรียนรู้การสั่งงานและทำงานร่วมกับ AI
🔹 รู้ว่าเมื่อไรควรมอบหมายงานให้ AI ทำ
🔹 ปรับปรุงการสื่อสารกับ AI เช่น การเขียน Prompt ระบุคำสั่งให้ชัดขึ้น เป็นต้น
🔹 กล้าผลักดันหรือโต้แย้ง เมื่อ AI ให้คำตอบที่ไม่ดี
🔹 ใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน และยกระดับคุณภาพงาน
🌎 ระยะที่ 3: Human-led, Agent-operated
ระยะสุดท้ายนี้ คือการที่พนักงานทุกคนจะกลายเป็น ‘Agent Boss’ คือคนที่สามารถสร้าง, มอบหมายงาน, และบริหารจัดการ AI agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำงานได้ฉลาดขึ้น, ขยายผลงานได้เร็วขึ้น และควบคุมเส้นทางอาชีพของตัวเองในยุค AI ได้ กลายเป็นว่าทุกคนต้องเริ่มคิดเหมือน CEO ของบริษัทสตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วย AI agent ต้องสามารถบริหารจัดการทีม AI agent ที่มีทักษะเฉพาะ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การทำวิจัย เป็นต้น
🔶 การเป็น Agent Boss จะเป็นเหมือนตัวเร่งความก้าวหน้าในอาชีพ
แต่ข้อมูลจากการสำรวจชี้ว่า ตอนนี้ "ผู้นำ" มีความพร้อมเรื่องนี้มากกว่าพนักงานทั่วไป ดังนั้น การเตรียมตัวไม่ใช่แค่เรื่องการเข้าถึง AI แต่ต้องฝึกฝน, กำกับดูแล, และเปลี่ยนวิธีการทำงานด้วย โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
🔹 28% ของผู้จัดการ กำลังวางแผนจ้าง ‘AI workforce managers’ เพื่อดูแลทีมที่มีทั้งคนและ AI agent
🔹 32% มีแผนจ้าง "ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI agent" ภายใน 12–18 เดือน เพื่อออกแบบ, พัฒนา, และปรับปรุงการทำงานด้วย AI
โดยในข้อมูลจาก Report ผู้นำคาดว่าในอีก 5 ปี
🔹 38% ออกแบบกระบวนการทำงานใหม่ด้วย AI
🔹 42% สร้างระบบที่ใช้ AI agent หลายตัวทำงานซับซ้อนร่วมกัน
🔹 41% ฝึกอบรม AI agent
🔹 36% จัดการดูแล AI agent
🔶 ปีที่ผ่านมา พนักงานคือผู้ขับเคลื่อน AI แต่ปีนี้ ผู้นำคือผู้ที่นำเกม
ปีที่แล้ว พนักงานเป็นฝ่ายเร่งให้เกิดการใช้ AI แต่ปีนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะ ‘ผู้นำ’ กำลังกลายเป็นกลุ่มที่นำหน้าด้วย "แนวคิด Agent Boss" ซึ่งวัดได้จาก 7 ปัจจัย เช่น ความคุ้นเคยกับ AI Agent, การใช้ AI เป็นประจำ, และการมองว่า AI คือแรงผลักดันในอาชีพ
🔹 67% ของผู้นำ คุ้นเคยกับ AI Agent หรือใช้ AI Agent ทำงาน
🔹 40% ของพนักงานคุ้นเคยกับ AI Agent
🔹 ผู้นำมีแนวโน้มที่จะเริ่มมอบหมายงานให้ AI Agent เร็วขึ้น
🔹 เกือบ 1 ใน 3 บอกว่า AI ช่วยให้ประหยัดเวลาได้ถึง 1 ชั่วโมงต่อวัน
🔹 ที่สำคัญ 79% ของผู้นำเชื่อว่า AI จะช่วยเร่งความก้าวหน้าในอาชีพ เทียบกับ 67% ของพนักงาน
🔶 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่หยุดแค่จุดเริ่มต้น เมื่อ AI Agent ฝังตัวในการทำงานประจำวัน ทุกบทบาทงานและฟังก์ชันจะพัฒนาไปอีกขั้น
ปัจจุบัน ตำแหน่งงานที่มากกว่า 10% บน LinkedIn เป็นตำแหน่งที่ไม่มีในปี 2000 โดยภายในปี 2030 LinkedIn คาดการณ์ว่า 70% ของทักษะที่ใช้ในการทำงานวันนี้จะเปลี่ยนไป และ AI จะกลายเป็นตัวเร่งสำคัญ
อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ สำหรับพนักงานที่ปรับตัวเร็ว แน่นอนว่าผลกระทบจะยิ่งใหญ่ โดยหน่วยงานวิจัยพบว่า Frontier Firms กำลังแต่งตั้ง CMO และผู้ช่วยนักการตลาดที่มีอายุเพียง 20 ปี มาทำหน้าที่สำคัญด้วย AI Agent เพราะองค์กรที่เป็น Frontier Firms แม้แต่พนักงานระดับเริ่มต้นก็มีบทบาทเป็นผู้จัดการ AI Agent ได้
🔶 ความต้องการคนที่มีทักษะใหม่กำลังพุ่งขึ้น องค์กรที่จริงจังเรื่องการฝึกทักษะ AI จะเป็นผู้นำในอนาคต
🔹 47% ของผู้นำเน้น Upskill พนักงานใน 12–18 เดือนข้างหน้า
🔹 51% มองว่า AI Training จะกลายเป็นหน้าที่หลักของหัวหน้าทีม
🔹 35% วางแผนจ้าง AI Trainer เพื่อเร่งการนำเอเจนต์มาใช้
🔶 ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานก็แข่งขันสูงขึ้น
🔹 52% ของพนักงานรู้สึกว่าตลาดการจ้างงานชะลอตัว
🔹 57% ของผู้นำกังวลเรื่องความปลอดภัยของงาน
🔹 81% ของพนักงานไม่ได้เปลี่ยนงานในปีที่ผ่านมา
🔶 AI Literacy (ความรู้และความสามารถในการใช้ AI) ถูกคาดว่าจะเป็น ทักษะที่มีความต้องการสูงสุดในปี 2025
นอกจากนี้ ทักษะอย่าง การคิดอย่างสร้างสรรค์, การปรับตัว และการทำงานเชิงนวัตกรรม ก็ยังคงสำคัญต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้
🌎 ปี 2025 คือจุดเปลี่ยนสำคัญ
โดยปี 2025 จะถูกจดจำว่าเป็นปีที่ ‘Frontier Firm’ ถือกำเนิดขึ้นจริงจัง องค์กรจะไม่ใช่แค่ปรับตัวกับ AI แต่จะเริ่มสร้างใหม่บนรากฐานของ การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI Agent เพราะอนาคตไม่ใช่แค่เรื่อง ‘AI จะเปลี่ยนงานอย่างไร’ แต่คือ ‘เราจะพร้อมเปลี่ยนเร็วแค่ไหน’
หากใครสนใจ สามารถอ่านเพิ่มเติมแบบจัดเต็มได้ที่
✍🏻 เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
🎨 ภาพประกอบ: ชนสรณ เวชสิทธิ์
โฆษณา