Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Right Style by Bom+
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 12:38 • ข่าวรอบโลก
อิหร่าน หรือว่าจะเกิด “รัฐประหาร” ในประเทศ
วิกฤตระบอบการปกครองที่มีศาสนานำ
การโจมตีอิหร่านของอิสราเอลซึ่งเริ่มขึ้นในคืน 13 มิถุนายน 2025 ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้และจะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ ประเทศมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสื่อมโทรมทางเศรษฐกิจ การสูญเสียการควบคุม การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจทางศาสนาและการทหาร รวมถึงด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ – ความคิดเห็นจาก นิกิตา สมากิน นักวิเคราะห์การเมืองที่อาศัยในอิหร่าน และผู้เขียนหนังสือชื่อ “To All Iran” [1]
1
ไม่ว่าเหตุการณ์จะเดินหน้าไปอย่างไร การโจมตีอิหร่านของอิสราเอลจะจุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และยาวนานภายในสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ กระบวนการฟื้นฟูกลุ่มผู้นำทางทหารจะมาพร้อมกับการแก้ไขรากฐานของนโยบายต่างประเทศและในประเทศอย่างรวดเร็วและเจ็บปวด ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มผู้นำสูงสุดอิหร่านจะไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเลือกการขจัดแนวคิดสุดโต่งของพวกเขา
เครดิตภาพ: AP
■
การฟื้นคืนของกลุ่มผู้นำทางการทหารและแผนยุทธวิธีที่เคยใช้มานาน
หนึ่งในเป้าหมายหลักของอิสราเอลระหว่างการโจมตีอิหร่านคือ “ผู้นำทางทหาร” ในวันแรกของปฏิบัติการ ฝ่ายอิหร่านได้ยืนยันการเสียชีวิตของเสนาธิการทหารคนสำคัญ คือ
“โมฮัมหมัด บาเกรี” ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) “ฮอสเซน ซาลามี” ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ “อิสมาอิล กานี” หัวหน้าฐานทัพคาตาม (หนึ่งในศูนย์บัญชาการของกองกำลังติดอาวุธอิหร่าน) พลตรี “โกลามาลี ราชิด” และคนอื่นๆ ทั้งหมดนี้ถือเป็นการสูญเสียนายทหารสายบังคับบัญชาครั้งเดียวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิหร่าน
1
อย่างไรก็ตามในไม่ช้าก็ต้องมีกลุ่มนายทหารชุดใหม่เข้ามาแทนที่พวกเขาที่เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอล และพวกเขาก็เข้าใจว่าวันหนึ่งชะตากรรมเดียวกันอาจเกิดขึ้นกับพวกเขาได้ทุกเมื่อ
ตามธรรมเนียมเรื่องการพลีชีพของนิกายชีอะห์ สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนเป็นวีรกรรมอันกล้าหาญของนักสู้เพื่อจุดมุ่งหมายที่ถูกต้อง และทางการของอิหร่านกำลังพยายามนำเสนอสิ่งที่เกิดขึ้นในแง่มุมอุดมการณ์ที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกเขา แทนที่จะมานั่งเสียใจต่อการสูญเสีย เอาเรื่องการตายมาชูถึงวีรกรรมตามหลักความเชื่อของกลุ่มผู้นำ
กลุ่มผู้ประท้วงถือรูปนายพลและนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ที่เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลเมื่อ 13 มิถุนายน 2025 เครดิตภาพ: Abedin Taherkenareh / EPA
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบนโลกอินเทอร์เน็ตของอิหร่านมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตในกลุ่มของผู้นำกองทัพระดับสูง พร้อมทั้งรายงานว่าบุตรหลานและญาติของนายพล IRGC มักเดินทางไปกลุ่มประเทศตะวันตก และหลายคนก็ไปเรียนและอาศัยอยู่ที่นั่นถาวร
1
การเปลี่ยนแปลงจากการโจมตีของอิสราเอลในครั้งนี้ทำให้ความรู้สึกถึงชะตากรรมร่วมกันของชาวอิหร่านรุนแรงขึ้น และความคิดเรื่องการพลีชีพก็กลับมาอีกครั้ง กลุ่มผู้นำทหารที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งฉ้อฉลในตำแหน่งกำลังถูกเปลี่ยนสถานะให้กลายเป็นผู้ก่อการร้ายระเบิดฆ่าตัวตาย ความรู้สึกดังกล่าวกอปรกับข้อเท็จจริงที่ว่านายพลที่ถูกสังหารกำลังถูกแทนที่ด้วยคนรุ่นใหม่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเฉียบพลันในกองทัพของอิหร่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1
แน่นอนว่าไม่ใช่กองทัพที่ตัดสินใจทางการเมืองขั้นสุดท้ายในอิหร่านในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ประการแรก: กองทัพจะมีแนวโน้มที่จะให้คำแนะนำที่เข้มงวดและชัดเจนมากขึ้นกับฝ่ายผู้ปกครอง ประการที่สอง: สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป และกลุ่มความมั่นคงอาจได้รับอำนาจมากขึ้น เพราะสงครามกำลังดำเนินอยู่
ในขณะเดียวกันกำลังทางทหารของกองกำลังติดอาวุธอิหร่านและศักยภาพทางเทคนิคของประเทศกำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นที่ชัดเจนว่าอิสราเอลได้ทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านไปเยอะมาก โจมตีเครื่องยิงขีปนาวุธและโรงงานผลิตขีปนาวุธและโดรนอย่างหนัก และยังเริ่มโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ที่เป็นเป้าหมายหลักอีกด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่งกองทัพอิหร่านซึ่งมีอัตลักษณ์เป็นผู้พลีชีพมากขึ้น จะมีขีดความสามารถในการทำการรบได้น้อยลงมาก ประสบการณ์ในอดีตของสาธารณรัฐอิสลามและกลุ่มอิสลามิสต์ทั่วโลกชี้ให้เห็นว่า ในกรณีดังกล่าวพวกเขาจะโน้มเอียงที่จะแสวงหาการใช้วิธีการที่มีอยู่ในมือ การก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ
อิหร่านได้ละทิ้งวิธีการใช้ผู้ก่อวินาศกรรมแบบระเบิดฆ่าตัวตาย การจับตัวประกัน การโจมตีสถานทูตฝ่ายศัตรู และการลอบสังหารหมู่พลเมืองของประเทศอื่นมานานแล้ว แต่วิธีการเหล่านี้ทั้งหมดอยู่ในแผนยุทธวิธีของกลุ่มอิสลามิสต์อิหร่านในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 เป็นไปได้ว่าวิธีการเหล่านี้จะได้รับการฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง
1
เครดิตภาพ: The Economist
■
ปัญหาในการเอาชีวิตรอด
เราทราบดีว่าขณะนี้อิสราเอลอยู่ในช่วงเริ่มต้นของปฏิบัติการต่อต้านอิหร่าน แหล่งข่าวจากตะวันตกอ้างว่าปฏิบัติการนี้อาจกินเวลานานถึง 14 วัน ดังนั้นเราอาจจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับการทิ้งระเบิดบนเป้าหมายต่างๆ ทั่วอิหร่านอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ คำถามหลักคือกองกำลังติดอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานของอิหร่านจะเหลืออะไรอีกหลังจากช่วงเวลานี้บ้างหรือจะไม่เหลืออะไรเลย [2]
การทิ้งระเบิดจำนวนมากจะนำไปสู่การเสื่อมโทรมของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เพียงแค่ในด้านการทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย นั่นหมายความว่าชาวอิหร่านทั่วไปจะมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น และชีวิตของพวกเขาก็จะยากลำบากมากขึ้นไปอีก แต่สิ่งนี้หมายความว่าพวกเขาจะลุกขึ้นมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลอิหร่านในฉากหลังนี้หรือไม่?
เป็นไปได้! แต่ไม่จำเป็นเลยในกรณีที่มีการแทรกแซงจากภายนอก เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของประเทศหรืออย่างน้อยก็บางส่วนของสังคม ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจในอิหร่านด้วยวิธีการปฏิวัติจึงเป็นไปได้ แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์นี้แทบจะเรียกได้ว่าไม่ใช่สถานการณ์หลักในปัจจุบัน
มีแนวโน้มสูงมากว่าภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า เราจะได้เห็นอิหร่านที่เสื่อมโทรมในหลายๆ ด้าน การปกครองประเทศมีปัญหา อิหร่านอาจจะมีความละม้ายคล้ายกับเยเมนในช่วงสงครามกลางเมืองมากกว่า คือเป็นเขตชานเมืองที่การปกครองไม่สามารถเข้าควบคุมได้ถึง ในบางพื้นที่เป็นสุญญากาศทางอำนาจอย่างสมบูรณ์ พวกเขาอาจกลายเป็นรัฐที่อ่อนแอ แต่พร้อมเล่นหนักและคาดเดาได้ยาก
ชนชั้นนำในอดีตที่มีแนวทางของตนเองนั้นเห็นได้ชัดว่าล้มเหลว ดังนั้นผู้รอดชีวิตจึงมองหารูปแบบใหม่ของพฤติกรรมและนโยบายพื้นฐานในอัตราที่เร็วขึ้น ไม่น่าจะมีการพูดถึงการสร้างรัฐประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม วาทกรรมนี้สามารถทำได้ “ด้วยดาบปลายปืน” จากภายนอกเท่านั้น
เครดิตภาพ: The Economist
ในเวลาเดียวกันปฏิบัติการภาคพื้นดินที่มีความพยายามร่วมกันระหว่าง “อเมริกา” และ “อิสราเอล” ในการสร้างประชาธิปไตยในอิหร่านก็แทบจะถูกตัดออกไป ความเจ็บปวดเห็นได้จากตัวอย่างที่ไม่ไกลนักของการรุกรานอิรักและอัฟกานิสถานของสหรัฐอเมริกา
กล่าวอีกนัยหนึ่งการเคลื่อนไหวที่เป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้คือ การล่มสลายบางส่วนโดยที่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงยังคงครองอำนาจในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อิหร่านเองอาจกลายเป็นรัฐที่มีสถานะก้ำกึ่งอยู่ระหว่าง อิรัก อัฟกานิสถาน และเยเมน
■
ความรู้สึกของคนในชาติ
ไม่ว่าชะตากรรมของอิหร่านจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นคือเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแง่ของขนาดและผลที่ตามมา สิ่งสำคัญคือแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลงคือการแทรกแซงจากต่างประเทศ แม้ว่าบางส่วนของสังคมหรือกลุ่มคนในประเทศจะสามารถรับมือกับคลื่นแห่งความไม่มั่นคงและเปลี่ยนผ่านรัฐบาลได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะถูกมองว่าเป็นความอัปยศอดสูในสายตาของคนรุ่นปัจจุบันและเจนถัดไปในแง่ของศักดิ์ศรีของชาติอิหร่าน
ระดับความรู้สึกต่อต้านอิสราเอลในกลุ่มชาวอิหร่านจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ท่ามกลางความพ่ายแพ้ทางการทหารและความเสื่อมถอยทางเทคโนโลยี ไม่ใช่เรื่องจริงที่ความรู้สึกเหล่านี้จะสามารถพัฒนาเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลได้จริง คนอิหร่านจะกังวลกับการอยู่รอดในสภาพการณ์ใหม่มากกว่า อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่มีต่ออิสราเอล ซึ่งชาวอิหร่านไม่เคยสนใจเลยจนกระทั่งวันที่ 13 มิถุนายน อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในขณะนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นในสายตาของสังคมอิหร่านไม่แค่ว่าจะเป็นผลจากการกระทำของอิสราเอลเท่านั้น แต่แน่นอนว่าสหรัฐภายใต้ “โดนัลด์ ทรัมป์” จะตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน ในเรื่องนี้กระแสต่อต้านอเมริกาที่พุ่งสูงขึ้นดูเหมือนว่าจะเป็นความต่อเนื่องที่อาจเกิดขึ้นได้
เครดิตภาพ: James Devaney/GC Images; Stringer/Anadolu via Getty Images
■
ความรู้สึกของคนอิหร่านต่อ “รัสเซีย” (ซึ่งเป็นพันธมิตรในแกนเดียวกัน) จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบไหน?
อิหร่านได้เคยร้องขอระบบป้องกันภัยทางอากาศ เครื่องบินรบ และเฮลิคอปเตอร์รบจากรัสเซียไปหลายรอบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่รัสเซียยังไม่สามารถจัดหาอาวุธเหล่านี้ให้ได้มากเท่าที่ควร แม้จะมีคำมั่นสัญญาต่อกันก็ตาม
เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ เพราะรัสเซีย “ติดหล่ม” อยู่กับสงครามในยูเครน ไปจนถึงการประท้วงจากตุรกีและกลุ่มประเทศอาหรับรอบอ่าวเปอร์เซียที่ไม่ต้องการให้อิหร่านแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามในกรอบความคิดของคนอิหร่าน รัสเซียก็จะดูเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน
■
บทสรุป:
อิหร่านอาจมีทางเลือกสำหรับการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น “สงครามกลางเมือง” หรือ “ข้อตกลงยอมจำนน” ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์สำหรับชนชั้นนำและประชาชนชาวอิหร่าน แม้ว่าจะมีการตีความที่แตกต่างกันก็ตาม
หลังวันที่ 13 มิถุนายน 2025 ความคิดเห็นในอิหร่านก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนั้น มีลักษณะสำคัญของ “การรัฐประหาร” ก่อนอื่นเลยเจ้าหน้าที่ทหารที่เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลเป็นแกนหลักของนโยบายด้านผลประโยชน์ของชาติอิหร่าน พวกเขาคือผู้ที่ปฏิเสธคำขาดของสหรัฐฯ ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ เนื่องจากเงื่อนไขที่สหรัฐฯ เสนอมาเป็นการบีบให้ยอมแพ้มากกว่า แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
เครดิตภาพ: ABEDIN TAHERKENAREH/EPA-EFE/Shutterstock
ส่วนบริบทของอิทธิพลด้านการเมืองในประเทศ ฝ่ายเสรีนิยมซึ่งรวมศูนย์อยู่ที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน “มาซูด เปเซชเคียน” ถูกผลักออกจากการเจรจาและอ่อนแอลงอันเป็นผลจากการลาออกของหัวหน้าฝ่ายบริหารบางคน นี่เป็นผลจากแรงกดดันร่วมกันจากกองทัพและฝ่ายอนุรักษนิยม ซึ่งรวมศูนย์อยู่ที่ทายาทผู้สืบต่ออำนาจของ “อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี”
แต่บ่อยครั้งที่หลังจากเอาชนะศัตรูร่วมกันได้แล้ว พรรคการเมืองก็แตกแยกกันในผลประโยชน์ของตนเอง พูดให้ชัดเจนขึ้นก็คือ พวกเขาถูกแบ่งแยกตามผลประโยชน์หลักของพวกเขา นั่นคือ “อำนาจสูงสุด” ซึ่งใครจะแย่งได้มันไป
บนพื้นฐานของสิ่งนี้ การเจรจาเกี่ยวกับ “โปรแกรมนิวเคลียร์” จึงพัฒนาไปตามยุทธวิธีที่เข้าใจได้ ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อเสนอกัน และข้อเสนอของอเมริกาก็ดูเหมือนไม่ใช่แค่คำขาด แต่เหมือนการบีบให้ยอมตาม เมื่อตระหนักว่าการเจรจาล้มเหลวเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ฝ่ายอิหร่านจึงเลือกใช้ “กลวิธีประวิงเวลา”
1
ทุกครั้งที่ความหงุดหงิดของอเมริกาเพิ่มมากขึ้น อิหร่านก็เสนอให้มีการหารือรอบใหม่ สถานที่ประชุมใหม่ และขั้นตอนในการหารือ การเกิดขึ้นของปัจจัยรัสเซียดูเหมือนเป็นทางออกที่คาดหวังได้จากการหยุดชะงัก (ปูตินต่อสายโทรหาทั้งฝั่งอิสราเอลและอิหร่าน) เป็นการประนีประนอม และเห็นได้ชัดว่าอเมริกาตัดสินใจใช้ไพ่เด็ดของพวกเขา นั่นคือใช้กำลังผ่านอิสราเอล? [3]
เครดิตภาพ: News 18
ขนาดของการโจมตีของอิสราเอลในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปไม่ได้ของการดำเนินการหากไม่ได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคด้านการทหารจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในการโจมตีกองบินด้านยุทธศาสตร์ของรัสเซียเมื่อ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งชัดเจนว่าอยู่เหนืออำนาจของยูเครนเพียงประเทศเดียวจะทำได้ ซึ่งมีศักยภาพน้อยกว่าอิสราเอลด้วยซ้ำ
การโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลต่อฐานนิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่านดูน่าประทับใจในพื้นที่สื่อ แต่ผลกระทบสิ่งหนึ่งที่เห็นชัดเจนคือ การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์รอบ 6 ที่จะถึงวันอาทิตย์นี้ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านดูเหมือนจะถูกล้มเลิกไปแล้ว อย่างไรก็ตามมีความมั่นใจว่าการเจรจาจะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่สถานการณ์จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง [4]
ในความเป็นจริงตะวันออกกลางอยู่ห่างจากสงครามเต็มรูปแบบเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันอิหร่านก็อยู่ในภาวะสับสนอย่างเห็นได้ชัด มีความสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของผู้นำทางจิตวิญญาณ และการตอบสนองที่คาดหวังในรูปแบบของการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ต่ออิสราเอลไม่น่าจะทำให้สถานการณ์ภายในอิหร่านสงบลงได้
1
ในความเป็นจริงระบอบการปกครองของอิหร่านจะถูกทดสอบความแข็งแกร่ง ว่าจะต้านทานได้หรือไม่ หรือฝ่ายเสรีนิยมจะเริ่มปฏิรูปประเทศโดยอำนาจที่มีของตนเอง ซึ่งหมายถึงการเข้าใกล้การล่มสลายของรัฐอิสลามแห่งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามอิสราเอลก็ไม่ได้ดูเหมือนผู้ชนะที่ประสบความสำเร็จ 100% เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังบังคับให้หลายๆ คนในโลกต้องคิดถึงอนาคตของประเทศนี้ซึ่งทำอะไรก็ได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ…
เรียบเรียงโดย Right Style
14th Jun 2025
■
อ้างอิง:
[1]
https://t.me/irandezhurniy
,
https://carnegieendowment.org/people/nikita-smagin?lang=en
[2]
https://www.wsj.com/livecoverage/israel-iran-strike-conflict/card/israeli-operation-likely-won-t-be-over-for-many-days-official-says-VLPlNDNuYrpxTyJxm7l2
[3]
https://meduza.io/en/news/2025/06/13/putin-holds-phone-calls-with-leads-of-israel-and-iran
[4]
https://www.aljazeera.com/news/2025/6/14/iran-says-nuclear-talks-with-us-meaningless-as-trump-pushes-for-a-deal
<เครดิตภาพปก: The Economist>
อิหร่าน
อิสราเอล
ข่าวรอบโลก
บันทึก
15
11
6
15
11
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย