เมื่อวาน เวลา 13:32 • ไลฟ์สไตล์

ทันทีที่รู้สึกว่าแก่เกินกว่าจะทำสิ่งใด ก็จงลงมือทำสิ่งนั้นเลย

บทเรียนจากชายวัย 56 ปีที่ลาออกจากงานประจำมาเป็นนักเขียน จากหนังสือ ‘ฉันจะไม่แก่ไปเป็นคนที่ตัวเองเกลียด’
⌛ มีเว็บไซต์หนึ่งชื่อ DeathClock ที่ทำนายอายุขัยของคุณจากข้อมูลที่คุณกรอกเข้าไป อย่างเช่นพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ประเทศที่อยู่ น้ำหนักตัว ค่า BMI ฯลฯ
มุมหนึ่งก็เป็นการนำเสนอข้อมูลสนุกๆ เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลเพียงไม่กี่ตัว ไม่สามารถชี้ให้เห็นชัดๆ ได้หรอกว่าคุณจะมีอายุขัยเท่าไหร่
แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็เหมือนป้ายสัญญาณเตือนบนถนนที่บอกว่าเราไม่สามารถอยู่บนถนนเส้นนี้ไปได้ตลอด และเมื่อไหร่ที่น้ำมันชีวิตจะหมดก็ไม่มีทางรู้ได้
เว็บไซต์นี้กลายเป็นตัวจุดประกายให้ สตีเวน เพโทรว์ (Steven Petrow) ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ในวัย 56 ปี
หลังจากที่อัลกอริทึมของเว็บไซต์นั้นคำนวณออกมาว่าเขาจะเสียชีวิตเมื่ออายุ 73 ปี และเมื่ออีเมลไปถามคุณหมอของเขาก็ได้รับอีเมลยืนยันว่าตัวเองน่าจะมีชีวิตอยู่ถึงประมาณ 72-75 ปี พร้อมประโยคปิดท้ายที่ว่า "ขอให้โชคดีนะครับ"
การตอบสนองของเขาต่อข้อมูลนี้ไม่ใช่การนั่งนับวันที่เหลือ หรือยอมแพ้ยกธงขาวกับชีวิต
แต่เป็นการตั้งคำถามใหม่ว่า "ผมมีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น และถ้าผมไม่ลาออกไปทำสิ่งที่อยากทำในตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ทำสิ่งที่อยากทำ"
หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น เขาตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมาหลายสิบปีในทันที เพื่อไปไล่ตามความฝันที่เก็บงำไว้มานาน นั่นคือการเป็นนักเขียน
📖 [ วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการตัดสินใจที่ดูเหมือนบ้าบิ่น]
มัลคอล์ม แกลดเวล (Malcolm Gladwell) ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจไว้ในหนังสือ "Blink: The Power of Thinking Without Thinking" ว่า
“การตัดสินใจอย่างรวดเร็วอาจเป็นการตัดสินใจที่ดีพอๆ กับการตัดสินใจอย่างรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วน"
งานวิจัยด้านประสาทวิทยาชี้ให้เห็นว่าสมองของเรามีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ในเวลาอันสั้น และบางครั้งการตัดสินใจแบบ ‘สัญชาตญาณ’ กลับแม่นยำกว่าการคิดคำนวณอย่างยืดเยื้อ
สำหรับเพโทรว์ เขาคิดถึงคำพูดของ ‘มาร์กาเร็ต เดอร์แลนด์' นักเขียนนิยายและนักสตรีนิยมที่บอกว่า "ทันทีที่รู้สึกว่าแก่เกินกว่าจะทำสิ่งใด ก็จงลงมือทำสิ่งนั้นเลย" นั่นเลยกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต
1
“ผมฝันถึงการลาออกจากงานมานานแล้ว แต่ความกลัวต่าง ๆนานาขัดขวางผมเอาไว้ ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานที่สุดซึ่งก็คือเงินนั่นเองผมจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่บ้านที่ขนาดเล็กลงและราคาถูกลง รวมถึงเก็บออมเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉิน นอกจากนั้นผมยังพูดคุยกับนักบำบัดเป็นประจำ ไม่ใช่แค่เรื่องการลาออกจากงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องการใช้ชีวิตให้มีความหมายอย่างแท้จริงด้วย” เพโทรว์เขียนเล่าเอาไว้ในหนังสือ ‘#ฉันจะไม่แก่ไปเป็นคนที่ตัวเองเกลียด’
เขาเล่าว่าเป้าหมายไม่ใช่การลาออกแล้วไปเดินทางรอบโลก (เพราะไม่ได้มีเงินขนาดนั้น) แต่เป็นการได้ลงมือทำสิ่งที่อยากทำ สานต่อสิ่งที่ทำมาโดยตลอดให้จริงจังมากขึ้น
เพื่อนของเขาคนหนึ่งชื่อปีเตอร์ ผู้ผลิตสารคดีวัย 53 ปี เพิ่งลาออกจากงานประจำมาได้ 18 เดือนเพื่อทำสิ่งที่เขาเรียกว่า "การลาไปทำตามความฝัน" ในการเขียนบทละคร เหตุผลที่กระตุ้นคือเพื่อนสนิทของเขาเพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคเนื้องอกในสมองเมื่ออายุได้ 52 ปี
ปีเตอร์บอกว่า "เรื่องนี้แหละที่เป็นตัวเร่งการตัดสินใจของผม" เขาบอก “ผมเพิ่งเข้าใจ ว่าการรอให้ถึงเวลาที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเสียก่อนเป็นแค่เรื่องเหลวไหล ถ้าผมไม่เริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้ลงมือทำ"
การศึกษาของ Carstensen, Laura L. (2006) ใน Science แสดงให้เห็นว่าเมื่อผู้คนตระหนักถึงความจำกัดของเวลา พวกเขามักจะใช้เวลากับกิจกรรมที่มีความหมายมากขึ้น ทฤษฎี Socioemotional Selectivity Theory อธิบายว่าเมื่อเราเข้าใจว่าเวลาที่เหลือมีจำกัด เราจะจัดลำดับความสำคัญใหม่และมุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าจริงๆ
ในซีรีส์ Breaking Bad ตัวละครหลักอย่าง วอลเตอร์ ไวต์ (Walter White) ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดขั้นรุนแรง ก็ลุกขึ้นมาตั้งเป้าหมายชีวิตใหม่ เปลี่ยนสายงานจากอาจารย์เคมีมัธยมปลายไปสู่เส้นทางที่ไม่ถูกกฎหมาย หาเงินไว้เผื่อครอบครัวเมื่อตัวเองไม่อยู่แล้ว (แน่นอนไม่ได้แนะนำ แค่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเท่านั้น)
นั่นคือเหตุผลว่าเมื่อเราเห็นเพื่อนสนิทหรือคนใกล้ชิดเสียชีวิต สามารถส่งผลกระทบถึงเป้าหมายและพฤติกรรมของเราได้ด้วย หรืออย่างในกรณีของเพโทรว์อาจจะเป็นการเห็นอายุขัยของตัวเองที่ใกล้เข้ามาแล้วนั่นเอง (แม้จะไม่ได้ตรงเป๊ะ แต่แค่ตระหนักว่าเรามีเวลาจำกัดก็พอแล้ว)
การเอาแต่พูดถึงสิ่งที่ตัวเองอยากทำ หรือรอคำว่าพร้อม วันนั้นอาจจะมาไม่ถึงเลยก็ได้ตลอดชีวิต
⏳ [ ความท้าทายและรางวัลของการเริ่มต้นใหม่ ]
เพโทรว์เล่าว่าชีวิตใหม่ไม่ได้มีแต่ด้านสวยงาม ช่วงวันแรกๆ นอนไม่หลับด้วยซ้ำ เพราะในหัวมีเสียงค้านตลอด
แต่หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์ ชีวิตเริ่มเข้าที่ ทุกเช้าเขาจะตื่นตอนตีห้าเพื่อเริ่มเขียนหนังสือ พร้อมโอกาสนำเสนอหนังสือเล่มให้ที่เพิ่งเสร็จ เขารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กๆ ที่ตื่นตีห้าในเช้าวันคริสต์มาส
ของขวัญที่เขาได้รับคือ ‘การเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง’ อีกครั้ง
เป็นความเบิกบานใจ และใช้ชีวิตอย่างมีความหมายในทุก ๆ วัน มันไม่ใช่แค่การทำงาน แต่เป็นการใช้ชีวิตในแบบที่เขาเลือกเอง และรู้สึกรักมันมากด้วย
นักจิตวิทยา มิฮาลี ชิเก็กเซนท์มีฮาลี (Mihaly Csikszentmihalyi) ในงานวิจัยเรื่อง "Flow" พบว่าความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเราได้ทำสิ่งที่ท้าทายและสอดคล้องกับความสามารถของเรา โดยเฉพาะเมื่อเราได้ทำสิ่งที่เรารักอย่างเต็มที่
แต่แน่นอนว่าเดือนที่ตลาดหุ้นตกแรง ค่าลิขสิทธิ์ถูกเลื่อนจ่าย เขาก็เคยถามตัวเองเหมือนกันว่า “คิดถูกไหมที่ทิ้งเงินเดือนประจำ” ถึงอย่างนั้นก็ตาม ข้อเท็จจริงคือแม้แต่ปีที่สูญเสียพ่อแม่และชีวิตคู่พร้อมกัน เขาก็ยังมีโต๊ะเขียนหนังสือเป็นที่พิง
🎯 การตัดสินใจของเพโทรว์ให้บทเรียนใหญ่ๆ อยู่ 3 ข้อ
(1) จัดเงินสำรองฉุกเฉินก่อนกระโดด อย่าโยนภาระให้อนาคต
(2) ปักหมายชีวิตให้ชัด ไม่ว่าจะเขียนหนังสือ ปลูกป่า หรือเรียนดนตรี เพราะ “วัตถุประสงค์” เป็นสะพานข้ามหลุมอากาศของวัยเกษียณ
(3) สร้างเครือข่ายเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เพราะแรงเหวี่ยงของกลุ่มจะผลักเราให้ก้าวต่อในวันที่ไฟในตัวริบหรี่
เพโทรว์เล่าว่าเขามักจะย้อนกลับไปอ่านประโยคนี้จากนิยายของ เวนเดลล์ เบอร์รี่ (Wendell Berry) อยู่บ่อยๆ ที่ว่า "เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงแรกของชีวิต ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันมีเวลาเหลือเฟือแต่แทบไม่มีอะไรให้จดจำเลย แต่ในช่วงที่ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเช่นนี้ ฉันกลับรู้สึกว่าชีวิตของฉันเต็มไปด้วยความทรงจำแต่เหลือเวลาอยู่เพียงน้อยนิด"
การที่เราตระหนักถึงความจำกัดของเวลาจะทำให้เราใช้เวลาอย่างมีคุณค่ามากขึ้น
แม้ DeathClock ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าเราจะอายุขัยเท่าไหร่
มันอาจจะไหลช้ากว่าที่คำนวณไว้ หรืออาจเร็วกว่าด้วยซ้ำ
แต่ทุกเช้าที่มือของเพโทรว์วางบนแป้นพิมพ์ มันคือการได้ใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่ไหลผ่านไปเฉย ๆ
หากตอนนี้ได้ยินเสียงกระซิบว่า “แก่เกินไป” ไม่ว่าจะกับการเรียนภาษาใหม่ การเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ หรือการเขียนหนังสือสักเล่ม อย่าเพิ่งเงี่ยหูฟังนาน หากเตรียมเงินไว้สักก้อนแล้ว สร้างเกราะป้องกันไว้พอประมาณ ลองถามตัวเองว่า ‘แย่ที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น?’
“ไม่ล่ะครับ ผมจะไม่เลื่อนสิ่งที่ต้องลงมือทำในวันนี้ไปทำในวันอื่นเด็ดขาด” — สตีเวน เพโทรว์
อ้างอิง ​: หนังสือ ฉันจะไม่แก่ไปเป็นคนที่ตัวเองเกลียด
#aomMONEY #MakeRichGeneration #การเงินส่วนบุคคล #การทำงาน #StevenPetrow
โฆษณา