เมื่อวาน เวลา 14:06 • ข่าวรอบโลก

เมื่อขีปนาวุธยุคใหม่ทำให้​ 🚀 💥💥

บ้านใครก็ไม่ควรเป็นสนามรบ​ 🌫️🌫️🌫️
ในโลกปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีการทหารพัฒนาไปไกลกว่าที่คนส่วนใหญ่จะจินตนาการได้ ขีปนาวุธเชิงรุก ทั้งแบบข้ามทวีป (ICBM) Hypersonic Missiles) หรือแม้แต่โดรนโจมตีฝูงใหญ่ (swarm drones) กลายเป็นอาวุธที่ไม่ได้เพียงแค่ยิงไปยังเป้าหมาย แต่ถูกออกแบบมาให้แทรกทะลุระบบป้องกันทุกรูปแบบ
แม้กองทัพมหาอำนาจอย่างสหรัฐ รัสเซีย จีน หรือประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์อื่นๆ จะมีระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น Patriot​ THAAD, Aegis, S-400, S-500​ หรือ HQ-19 แต่ระบบ
เหล่านี้ต่างก็มีข้อจำกัดสำคัญอยู่ตรงที่
💢ไม่มีระบบใดในโลกที่สามารถสกัดขีปนาวุธ
รุ่นใหม่ได้ครบทุกลูก▪️▪️◾◼️
โดยเฉพาะเมื่อถูกโจมตีพร้อมกันด้วยปริมาณมาก ความเร็วสูง และการใช้เทคนิคหลอกล่อผสมผสาน
ในยุคที่ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกกำลังแพร่หลาย
ทั้ง Kinzhal ของรัสเซีย, DF-27 ของจีน หรือ AGM-183A ของสหรัฐ ซึ่งวิ่งได้เร็วกว่าความเร็วเสียง 5-20 เท่า
ไฮเปอร์โซนิกแบ่งได้ 2 ประเภทหลักๆ คือ
▪️Hypersonic Glide Vehicle (HGV) เป็นหัวรบที่ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศเหมือน ICBM แล้วร่อนไปด้วยความเร็วสูงในชั้นบรรยากาศตอนปลาย
▪️Hypersonic Cruise Missile เป็นขีปนาวุธความเร็วสูงที่ติดตั้งเครื่องยนต์ scramjet บินต่ำในชั้นบรรยากาศและปรับทิศทางหลบหลีกได้
จุดอันตรายที่สุดของ Hypersonic Missile คือสามารถหลบหลีกการตรวจจับได้แทบตลอดเส้นทาง เนื่องจากบินได้ทั้งความสูงและความเร็วที่เรดาร์มาตรฐานจับได้ยาก ยิ่งกว่านั้นยังสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางแบบพลิกหลบ ทำให้ระบบต่อต้าน
ไม่สามารถคาดการณ์ตำแหน่งตกได้แม่นยำ
และแทบไม่มีโอกาสตอบสนองในเวลาที่เหลืออยู่
💥 ขีปนาวุธ ICBM สมัยใหม่ใช้เทคโนโลยี MIRV (Multiple Independently targetable Reentry Vehicle) บรรจุหัวรบย่อยหลายลูกไว้ในขีปนาวุธเพียงลูกเดียว เมื่อ ICBM พ้นชั้นบรรยากาศ หัวรบย่อยแต่ละลูกจะแยกตัวออกและพุ่งโจมตีเป้าหมาย
ที่แตกต่างกันได้พร้อมกัน
ความน่ากลัวของ MIRV อยู่ที่ความสามารถในการปล่อยทั้งหัวรบจริงและหัวรบหลอก (decoy) ทำให้ระบบป้องกันขีปนาวุธสับสนและยากที่จะสกัดกั้นทั้งหมด นอกจากนี้ หัวรบเหล่านี้ยังตกลงมาด้วยความเร็วสูงกว่า 20 มัค ทำให้มีเวลาตอบโต้อย่างจำกัด
ICBM รุ่น Topol-M ของรัสเซีย หรือ Minuteman III ของสหรัฐฯ สามารถบรรจุ MIRV ได้ 3-10 หัว แต่ละหัวมีพลังทำลายมหาศาลและกำหนดเป้าหมายได้อย่างอิสระ ทำให้ระบบต่อต้านต้องเผชิญกับหัวรบจำนวนมากจากหลายทิศทาง ความเร็ว และความสูงที่แตกต่างกัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม MIRV จึงเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญที่ทำให้ยุทธศาสตร์ MAD (Mutually Assured Destruction) แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
(MAD ส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การ
ป้องปรามทางทหาร​ คืออะไร​ ❓)
ด้วยเหตุนี้ มหาอำนาจนิวเคลียร์​จึงไม่กล้าใช้อาวุธร้ายแรงนี้จริง เพราะต่างรู้ดีว่าหากฝ่ายใดเริ่มก่อน อีกฝ่ายก็จะยิงสวนกลับได้ทันทีและไม่มีใครหยุดยั้งได้ ซึ่งเป็นหัวใจของหลักการ "MAD" การทำลายล้างซึ่งกันและกันอย่างแน่นอน นั่นหมายความว่า หากสงครามนิวเคลียร์ปะทุขึ้น เมืองใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจะถูกทำลายล้างจนหายไปจากแผนที่ภายใน
ไม่กี่นาที และไม่มีประเทศใดรอดพ้นได้เลย
💥 ในสงครามยุคปัจจุบัน จึงไม่มีที่ปลอดภัยจริงๆ สำหรับใคร เพราะแม้แต่มหานครอย่าง Washington D.C. Moscow, Beijing หรือ London​ ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสกัดอาวุธพวกนี้ได้หมด ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีป้องกันและจำนวนอาวุธที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถยิงสวนกลับได้ในเวลาอันสั้น
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในยุคนี้ไม่ใช่การแข่งกันสะสมอาวุธ หรือเพิ่มระบบป้องกัน แต่คือ▪️▪️◾ อย่าปล่อยให้บ้านเราเป็นสนามรบเพราะถ้าไฟสงครามเริ่มต้น การควบคุมผลกระทบจะไม่อยู่ในมือของใครอีกต่อไป และแม้ประเทศไหนจะมีระบบป้องกันดีเลิศขนาดไหนถ้าหลุดมาสักลูกด้วยหัวรบนิวเคลียร์ เมืองนั้น
ก็คงจบลงทันที​ 💢💢💢
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
นิวเคลียร์สามารถ​ 💣🔥🚀
ใช้ในอวกาศได้หรือไม่​
รัสเซียกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์​ 🇷🇺
ลึกลับในอวกาศ​ จริง​หรือ❓ ​ 🚀💥💭💭
โฆษณา