เมื่อวาน เวลา 14:14 • ธุรกิจ

หากไทยเผชิญการปะทะชายแดน ภาคธุรกิจเตรียมตัวรับมือด้านการเงินอย่างไรดี ?

ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในพื้นที่และธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับการค้าชายแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปิดด่าน การชะลอการขนส่งสินค้า หรือความไม่มั่นใจของผู้บริโภคที่ส่งผลต่อกำลังซื้อ
เชื่อว่าธุรกิจที่มีการวางแผนรับมือล่วงหน้าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตได้ดีกว่าธุรกิจที่ไม่ได้เตรียมตัว การประเมินความเสี่ยง การวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ และที่สำคัญคือการบริหารการเงินให้อยู่รอดในช่วงที่รายได้อาจลดลงจากการพยายามคุกคามจากประเทศข้างเคียงอย่างมีนัยสำคัญ
การประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นของธุรกิจ
1.การประเมินความใกล้เคียงกับพื้นที่เสี่ยง
ธุรกิจที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชายแดนอย่างสระแก้ว สุรินทร์ บุรีรัมย์ หรือศรีสะเกษ ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ธุรกิจในพื้นที่อื่นก็อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมได้เช่นกัน คุณควรประเมินว่าธุรกิจของคุณอยู่ห่างจากพื้นที่เสี่ยงเท่าไร และมีความเชื่อมโยงกับพื้นที่เหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน
วิเคราะห์ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
ลองสำรวจกิจการตัวเองว่า
วัตถุดิบหลักของคุณมาจากไหน?
มีทางเลือกอื่นในการจัดหาวัตถุดิบหรือไม่?
เส้นทางขนส่งสินค้าของคุณต้องผ่านพื้นที่เสี่ยงหรือไม่?
ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารที่นำเข้าวัตถุดิบจากกัมพูชา อาจต้องหาแหล่งวัตถุดิบสำรองในประเทศไทยแทน แม้ต้นทุนอาจสูงขึ้น แต่ยังดีกว่าไม่มีวัตถุดิบให้ประกอบอาหาร
ความเชื่อมโยงกับแรงงานหรือคู่ค้าต่างประเทศ
ธุรกิจที่พึ่งพาแรงงานข้ามชาติจากกัมพูชาอาจได้รับผลกระทบหากเกิดความขัดแย้ง ควรประเมินสัดส่วนแรงงานต่างด้าวในธุรกิจ และวางแผนรองรับหากแรงงานเหล่านี้ต้องเดินทางกลับประเทศ
การพึ่งพาตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน
หากธุรกิจของคุณมีรายได้หลักจากการส่งออกไปกัมพูชา ควรประเมินว่าสัดส่วนรายได้จากตลาดนี้คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด และมองหาตลาดทดแทนเพื่อกระจายความเสี่ยง
2.วางแผนความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity Plan)
เตรียมเส้นทาง/ทางเลือกสำรองในการผลิตหรือขนส่ง
ธุรกิจควรมีแผนสำรองสำหรับเส้นทางขนส่งหรือการผลิต เช่น หากปกติขนส่งผ่านด่านอรัญประเทศ อาจต้องเตรียมเส้นทางสำรองผ่านด่านอื่น หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากทางบกเป็นทางอากาศในกรณีจำเป็น
ย้ายสถานที่ดำเนินงาน/คลังสินค้าในกรณีจำเป็น
ธุรกิจที่มีสถานประกอบการใกล้ชายแดนควรพิจารณาสถานที่สำรองที่ปลอดภัยกว่า อาจเป็นการเช่าพื้นที่ชั่วคราวหรือการทำข้อตกลงกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อใช้พื้นที่ร่วมกันในยามฉุกเฉิน
วางแผนการสื่อสารภายในองค์กรและกับลูกค้า
การสื่อสารที่ชัดเจนและรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญในภาวะวิกฤต ควรมีแผนการสื่อสารที่ระบุว่า:
ใครเป็นผู้รับผิดชอบในการสื่อสาร
ช่องทางการสื่อสารหลักและสำรอง
ข้อความหลักที่ต้องการสื่อสารกับพนักงานและลูกค้า
3.การจัดการแรงงานและทรัพยากรบุคคล
ความเสี่ยงด้านแรงงานข้ามชาติ
ธุรกิจที่พึ่งพาแรงงานข้ามชาติควรตรวจสอบสถานะการจ้างงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย และเตรียมแผนรองรับหากแรงงานต้องเดินทางกลับประเทศ อาจพิจารณาการฝึกอบรมพนักงานให้สามารถทำงานได้หลากหลายตำแหน่งเพื่อทดแทนกันได้ในยามจำเป็น
แนวทางลดผลกระทบต่อพนักงาน
พนักงานคือทรัพยากรสำคัญของธุรกิจ การดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงานควรเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ควรพิจารณา:
การอพยพพนักงานออกจากพื้นที่เสี่ยง
การจัดหาที่พักชั่วคราวหากจำเป็น
การให้ความช่วยเหลือด้านการเดินทางและค่าใช้จ่ายในภาวะฉุกเฉิน
การปรับรูปแบบการจ้างงานในภาวะวิกฤต
อาจพิจารณาปรับรูปแบบการจ้างงานเพื่อรักษาพนักงานไว้ เช่น:
การทำงานจากระยะไกล (Remote Work)
การลดชั่วโมงการทำงานแทนการเลิกจ้าง
การหมุนเวียนพนักงานให้ทำงานเป็นกะ
4.การสื่อสารและความร่วมมือกับภาครัฐ
การติดตามข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ
ติดตามข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือหน่วยงานความมั่นคง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์
ความร่วมมือกับหอการค้า สภาอุตสาหกรรม หรือเครือข่ายธุรกิจ
การเข้าร่วมเครือข่ายธุรกิจจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความช่วยเหลือได้รวดเร็วขึ้น หอการค้าหรือสภาอุตสาหกรรมมักมีช่องทางประสานงานกับภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ
ข้อแนะนำทางกฎหมายหรือความมั่นคง
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของธุรกิจในภาวะวิกฤต รวมถึงการประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหายจากความขัดแย้งหรือการจลาจล
5.เรื่องสำคัญของการวางแผนการเงินเพื่ออยู่รอดในช่วงวิกฤต
การประเมินกระแสเงินสด (Cash Flow)
เงินสดคือเลือดที่หล่อเลี้ยงธุรกิจ โดยเฉพาะในภาวะวิกฤต ควรทำการประเมินกระแสเงินสดอย่างละเอียด:
รายได้ที่คาดว่าจะลดลงในช่วงวิกฤต
ค่าใช้จ่ายคงที่ที่ต้องจ่ายไม่ว่าจะมีรายได้หรือไม่
ระยะเวลาที่ธุรกิจจะอยู่รอดได้หากไม่มีรายได้เข้ามาเลย
แนวทางการตั้งเงินสำรองหมุนเวียน 3–6 เดือน
ธุรกิจควรมีเงินสำรองเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 3-6 เดือน เงินสำรองนี้ควรอยู่ในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น เงินฝากออมทรัพย์หรือตั๋วเงินระยะสั้น
ตัวเลือกแหล่งเงินทุน: OD, สินเชื่อ SME, Factoring
หากธุรกิจมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนเพิ่มเติม มีตัวเลือกหลายรูปแบบ
สินเชื่อเบิกเกินบัญชี (OD) - เหมาะสำหรับความต้องการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น ช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นในการบริหารกระแสเงินสด
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME - มีหลายรูปแบบตามวัตถุประสงค์การใช้เงิน เช่น สินเชื่อเพื่อเป็นทุนหมุนเวียน สินเชื่อเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร หรือสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
Factoring (การขายลดลูกหนี้) - ช่วยเพิ่มสภาพคล่องโดยการแปลงลูกหนี้การค้าให้เป็นเงินสดทันที เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีลูกหนี้การค้าจำนวนมากและต้องการเงินสดเร็ว
แนะนำให้ปรึกษาสถาบันการเงินล่วงหน้าก่อนเกิดวิกฤต เพราะการขอสินเชื่อในช่วงที่ธุรกิจกำลังประสบปัญหาจะทำได้ยากกว่า
การวางแผนตัดลดค่าใช้จ่ายอย่างมีระบบ
ควรแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 3 กลุ่ม:
ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น - ต้องจ่ายเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้
ค่าใช้จ่ายที่สามารถลดหรือชะลอได้ - เช่น การปรับปรุงสำนักงาน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
ค่าใช้จ่ายที่สามารถตัดได้ - ค่าใช้จ่ายที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลัก
การปรับค่าใช้จ่ายบุคลากรแบบไม่กระทบแรงงานมากเกินไป
การเลิกจ้างควรเป็นทางเลือกสุดท้าย ควรพิจารณาทางเลือกอื่นก่อน เช่น:
การลดชั่วโมงการทำงาน
การลดเงินเดือนชั่วคราวโดยเฉพาะในระดับผู้บริหาร
การให้พนักงานลาโดยไม่รับเงินเดือนแต่ยังคงสวัสดิการบางส่วน
การหยุดจ้างพนักงานใหม่หรือไม่ต่อสัญญาพนักงานชั่วคราว
การเตรียมงบการฟื้นตัวหลังวิกฤต
นอกจากการอยู่รอดในช่วงวิกฤตแล้ว ธุรกิจควรเตรียมงบประมาณสำหรับการฟื้นตัวหลังวิกฤตด้วย เช่น:
งบประมาณสำหรับการตลาดเพื่อดึงลูกค้ากลับมา
เงินทุนสำหรับการเติมสต็อกสินค้า
งบประมาณสำหรับการจ้างพนักงานเพิ่มเมื่อธุรกิจกลับมาเติบโต
กลยุทธ์เสริมรายได้และความยืดหยุ่นทางธุรกิจ
ปรับช่องทางการขาย เช่น ขายออนไลน์หรือบริการจัดส่ง
วิกฤตอาจเป็นโอกาสให้ธุรกิจปรับตัวสู่ช่องทางใหม่ๆ เช่น ร้านอาหารที่เคยเน้นลูกค้านั่งทานในร้านอาจหันมาเน้นบริการจัดส่งถึงบ้าน หรือร้านค้าปลีกที่อาจเปิดร้านค้าออนไลน์เพิ่มเติม
สรุปแนวคิดหลักในการอยู่รอดของธุรกิจในภาวะไม่แน่นอน
ในภาวะวิกฤต "เงินสดคือพระเจ้า" การมีสภาพคล่องที่เพียงพอจะช่วยให้ธุรกิจผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ควรให้ความสำคัญกับการบริหารกระแสเงินสดมากกว่าการทำกำไรในระยะสั้น
วิกฤตชายแดนอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ธุรกิจของคุณจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากและกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมได้
หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อเพื่อธุรกิจหรือต้องการคำปรึกษาด้านการเงินในช่วงวิกฤต กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อรับข้อมูลและบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจคุณ
#สินเชื่อเพื่อธุรกิจ #แหล่งเงินทุน #สินเชื่อOD #บริหารธุรกิจยามวิกฤต #SMEไทย #ธุรกิจชายแดน #การบริหารความเสี่ยง #BusinessContinuityPlan #CashFlowManagement #ความมั่นคงทางการเงิน
โฆษณา