เมื่อวาน เวลา 15:00 • อสังหาริมทรัพย์

ซื้อบ้านแล้วเสียใจทีหลัง เพราะลืมนึกถึง “ค่าใช้จ่ายแฝง”

ซื้อบ้านทั้งที อย่าซื้อแค่ตามฝัน ต้องซื้อด้วย “ความเข้าใจด้านการเงิน”
การซื้อบ้านทุกวันนี้ยากขึ้นกว่าเดิมมาก แม้แต่คนที่ซื้อได้แล้ว ก็ยังมีจำนวนไม่น้อยที่รู้สึก “เสียดาย” กับการตัดสินใจของตัวเอง
จากผลสำรวจล่าสุดของ Bankrate พบว่า เจ้าของบ้านถึง 45% มีความเสียใจเกี่ยวกับบ้านหลังปัจจุบันของตนเอง และสิ่งที่พวกเขาบ่นมากที่สุดก็คือ
📍“ค่าดูแลรักษาบ้านที่แพงกว่าที่คิด” รวมถึง “ค่าธรรมเนียมแอบแฝง” ต่างๆ
[ ค่าใช้จ่ายแฝง - ค่าใช้จ่ายที่คนลืมคิดแต่มันโผล่มาแน่ ]
หลายคนเชื่อว่าการมีบ้านเป็นของตัวเองคือวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่งคั่ง เราเติบโตมากับคำพูดที่ว่า “เช่าบ้านคือการโยนเงินทิ้ง” ส่วน “ซื้อบ้านคือการลงทุนในอนาคต”
1
หนึ่งในชายที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้และโดนด่ามากที่สุดคงไม่พ้น รามิตร เศรษฐี (Ramit Sethi) ผู้เขียนหนังสือ I Will Teach You to Be Rich เขาเตือนผู้ที่กำลังคิดจะซื้อบ้านมาตลอดเวลาว่า การเป็นเจ้าของบ้านนั้นมีต้นทุนที่ “มากกว่าที่คิด” เขาเรียกมันว่า “ค่าใช้จ่ายแฝง” (phantom costs) เพราะมักจะซ่อนอยู่และเราไม่รู้ตัวจนกระทั่งมันปรากฏ
แม้การมีบ้านจะเป็นทรัพย์สินที่มั่นคงและนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวได้ แต่ผู้ซื้อจำนวนไม่น้อยอาจตกใจเมื่อเจอกับค่าใช้จ่ายจริงที่แฝงมากับการมีบ้าน
ข้อมูลใน Hidden Cost of Homeownership Survey (มิถุนายน 2024) โดย Bankrate ระบุว่า เจ้าของบ้านในอเมริกาต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดังนี้
เวลาคิดจะซื้อบ้าน เรามักคำนวณแค่
- ค่าผ่อนต่อเดือน
- ดอกเบี้ย
- ค่ามัดจำหรือเงินดาวน์
แต่ในชีวิตจริง มันกลับมีค่าใช้จ่ายที่คนเรามักไม่เคยนับตอนคิดจะซื้อบ้านเลยก็คือ
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- ประกันบ้าน
- ค่าซ่อมระบบไฟ น้ำ ท่อ รั้ว หลังคา
- ค่าส่วนกลาง (ถ้ามี)
- ค่าอินเทอร์เน็ต, น้ำ, ไฟ ที่อาจสูงกว่าห้องเช่า
- ค่าอัปเกรดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เคยวางแผน เช่น เปลี่ยนประตู หน้าต่าง ฉนวนกันร้อน
ผลคือ ในอเมริกา เจ้าของบ้านจ่าย “ค่าที่ไม่ใช่ค่าผ่อน” ปีละ เกิน 18,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 594,000 บาท)
บางรัฐอย่างแคลิฟอร์เนีย พุ่งไปถึง 29,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 957,000) ต่อปีเลยด้วยซ้ำ
มาร์ค แฮมริก (Mark Hamrick) นักวิเคราะห์เศรษฐกิจอาวุโสจาก Bankrate เตือนว่า หากไม่เผื่อเงินสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไว้ในงบประมาณแต่แรก คุณอาจเจอกับเหตุการณ์ที่ “ลื่นล้มเพราะสกีเลยหัวไปแล้ว” (get out over your skis) ซึ่งหมายถึงการก้าวไปเร็วหรือเกินตัวจนควบคุมไม่ได้
[ ซื้อบ้านทั้งที อย่าซื้อแค่ตามฝัน ต้องซื้อด้วย “ความเข้าใจ” ]
1
เพื่อป้องกันไม่ให้ล้มเพราะสกีเลยหัวไปแล้ว สิ่งสำคัญก็คือการคิดคำนวณอย่างรอบด้าน ว่าการซื้อบ้านนั้นเป็นทางเลือกที่ดีทางการเงินจริงหรือไม่?
“ความหลงใหลแบบไม่ลืมหูลืมตากับการมีบ้านอาจไม่ได้ช่วยให้คุณมีฐานะทางการเงินมั่นคง แถมอาจกลายเป็นรูรั่วมหาศาลในกระเป๋าคุณแทน” เศรษฐีกล่าว
📍รามิตรเศรษฐีนแนะนำว่าให้เผื่อค่าใช้จ่ายแฝงเพิ่มเข้าไปอีก 50% ของค่าผ่อนบ้านต่อเดือน เวลาคิดต้นทุนที่แท้จริงของการมีบ้าน พอบวกเข้าไปแล้ว นั่นก็ทำให้สำหรับหลายๆ คน การเช่าบ้านอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในเชิงการเงิน
#ลงทุนYoung EP.1 ก็ได้มีพูดถึงเรื่องการซื้อบ้านหรือเช่าอยู่ไว้ เช่นกัน #คุณเต้ย ได้ถามกับ #คุณกันต์ ว่าถ้าซื้อบ้านไปแล้วเราจะทำยังไง?
คุณกันต์ตอบว่า ให้เรามารีเช็ก 3 ข้อ ด้วยตัวเอง
✅1. มูลค่าเพิ่มลดลงทุกปีไหม?
✅2. บ้านที่ซื้อมา ซื้อแล้ว เป็นหนี้และต้องทำงานหนักเพื่อใช้หนี้อยู่หรือเปล่า?
✅3. สิ่งที่ลงทุนลงไปมันไม่ได้สอดคล้องกับเป้าหมายในระยะยาวใช่หรือไม่?
1
คุณกันต์บอกว่า ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” ทั้ง 3 ข้อ นั่นอาจหมายความว่า สินทรัพย์ชิ้นนั้นไม่สอดคล้องกับตัวคุณ เพราะคุณยังต้อง “เหนื่อยมาก” กับทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับมัน สิ่งที่ควรทำต่อไปคือ “ตัดสินใจ” และ ตัดมันทิ้งให้เร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยไว้นาน มันอาจกลายเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งการเติบโตของคุณ โดยที่คุณไม่รู้ตัว
1
อย่างไรก็ตามมาถึงตรงนี้ เราจะบอกได้ว่าทั้งรามิตรและคุณกันต์ ไม่ได้ต่อต้านการซื้อบ้าน แต่พวกเขากำลังแนะนำว่า แทนที่จะรีบร้อนทำตามความเชื่อเดิมๆ ที่ว่า “ถึงเวลาต้องซื้อบ้าน” เราควรถามตัวเองให้ชัดก่อนว่า ค่าใช้จ่ายจริงทั้งหมดคืออะไร แล้วตัดสินใจจากข้อมูลครบถ้วนว่า การซื้อบ้านนั้น เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทางการเงินของเราจริงหรือเปล่า
[ วิธีรับมือกับ “ค่าใช้จ่ายแฝง” ในการดูแลบ้าน ]
สำหรับคนที่ลองทำเช็กลิสต์ตามคุณกันต์และคำนวณบวกเพิ่ม 50% ตามรามิตรแล้ว และยังคิดว่าบ้านคือสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์เรา เราก็มาดูวิธีรับมือกับค่าใช้จ่ายแฝงกันเลย 🔥
1
ตามคำแนะนำของ Zillow แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง แนะนำว่า
👉 1. ใช้บริการตรวจบ้านเพิ่มเติม เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าบ้านที่คุณกำลังจะซื้อนั้นต้องการการซ่อมแซมหรือปรับปรุงตรงไหนบ้าง ผู้ตรวจอาจพบเพียงปัญหาเล็กๆ เช่น ก๊อกน้ำรั่ว หรือราวจับหลวม
แต่ในบางกรณี อาจพบปัญหาใหญ่ เช่น รอยร้าวในฐานราก ซึ่งต้องมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจซ้ำอีกที
ข้อดีของการตรวจบ้าน คือคุณอาจใช้เป็นข้อต่อรองราคาบ้าน หรือขอให้ผู้ขายซ่อมให้ก่อน ซึ่งช่วยประหยัดเงินทั้งในตอนซื้อและระยะยาว
👉 2. ซ่อมบำรุงและดูแลบ้านอย่างต่อเนื่อง
Zillow เตือนว่า ถึงแม้จะอยากรอจนกว่าปัญหาจะใหญ่ค่อยซ่อม แต่การดูแลเป็นประจำจะประหยัดเงินได้มากกว่า
เช่น วางแผนตัดต้นไม้ที่เริ่มยาวเลยหลังคาบ้าน เพราะถ้าไม่ทำกิ่งไม้อาจตกลงมาและทำให้ต้องซ่อมหลังคา ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงกว่ามาก ตรวจสอบระบบประปาและไฟฟ้า นัดฉีดปลวก และตรวจสอบการรั่วซึมของหลังคา เพดาน และฝ้าเป็นประจำ
🔚 สรุป: อย่าเพิ่งรีบซื้อบ้าน ถ้ายังไม่พร้อม ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ความล้มเหลวในชีวิตแต่อย่างใด เพราะสุดท้ายแล้ว การมีบ้าน ไม่ใช่เครื่องหมายเดียวของ “ความสำเร็จ” แต่ การจัดการเงินอย่างมีสติ และวางแผนอย่างรอบคอบต่างหาก ที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายได้ไกลและยั่งยืนกว่า
คุณไม่จำเป็นต้องรีบวางแผนซื้อบ้าน เพียงเพราะเพื่อนรอบตัวเริ่มมีบ้านกันแล้ว ถ้าคุณยังไม่เห็นภาพว่า “บ้านที่ใช่” และ “งบที่ไหว” หน้าตาเป็นยังไง มันอาจจะดีกว่าที่จะรอจังหวะที่ชีวิตพร้อมจริงๆ แล้วค่อยตัดสินใจ
เพราะ “บ้าน” ที่ดี ไม่ควรทำให้คุณเป็นหนี้จนหายใจไม่ออก แต่น่าจะเป็นที่ที่คุณกลับมาแล้ว… หายใจได้เต็มปอด
อ้างอิง:
The author of 'I Will Teach You to Be Rich' says 'phantom costs' add 50% to the monthly expenses of owning a home
45% of American homeowners have regrets about buying their current home—here’s their No. 1 complaint
Softpomz บทเรียนการเงินที่ไม่มีใครเคยรู้ | ลงทุน Young EP.1
#aomMONEY #ค่าใช้จ่ายแฝง #รามิตรเศรษฐี #เช่าหรือซื้อ #บ้านหลังแรก #บ้าน
โฆษณา