15 มิ.ย. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เปิดแผนคลังหารายได้เข้ารัฐ เพิ่มภาษีน้ำมัน รื้อโครงสร้างภาษีรถยนต์

เปิดแผนคลังหารายได้เข้ารัฐเพิ่มภาษีน้ำมันรื้อโครงสร้างภาษีรถยนต์ : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4105
*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ “ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส” ฉบับ 4,105 ระหว่างวันที่ 15-18 มิ.ย. 2568 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
*** ประเทศไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง สะท้อนผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ซึ่งเริ่มต้นเป็นนัดแรก เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2568 โดย ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อฐานรายได้ของรัฐในปีงบประมาณหน้าว่า ข้อมูลที่ได้จากหน่วยงานเศรษฐกิจหลักของประเทศ ได้แก่
กระทรวงการคลัง, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงบประมาณ ต่างรายงานทิศทางที่น่ากังวลตรงกันว่า เศรษฐกิจไทยทั้งในปี 2568 และ 2569 จะอยู่ในภาวะ “ชะลอตัว” โดยประมาณการตัวเลขจีดีพีปี 68 อยู่ในช่วง 1.8-2% และจะลดลงอีกในปี 69 เหลือเพียง 1.6%
*** จีดีพีที่หดตัวส่งผลกระทบชัดเจนต่อ “รายได้ภาครัฐ” ซึ่ง ศิริกัญญา ระบุว่า หากจีดีพีต่ำเพียงนั้น รายได้ของรัฐในปี 2569 จะหายไปประมาณ 60,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2% ของรายได้รวมตามการประมาณการเดิม ทั้งนี้ รัฐบาลวางกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 69 ไว้ที่ 3.78 ล้านล้านบาท แต่เนื่องจากการ “ขาดดุลงบประมาณ” ได้ถูกตั้งไว้เกือบเต็มเพดานการกู้แล้ว หากจำเป็นต้องกู้เพิ่ม รัฐบาลจะสามารถกู้ได้อีกไม่เกิน 17,000 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการชดเชยรายได้ที่หายไป
เมื่อทางเลือกในการกู้ยืมมีจำกัด กระทรวงการคลังจึงได้นำเสนอ มาตรการเพิ่มรายได้ผ่านการ “จัดเก็บภาษี” โดยมี 2 แนวทางสำคัญที่กำลังพิจารณา คือ 1.ขึ้นภาษีน้ำมันเพิ่มอีก 1 บาทต่อลิตร มาตรการนี้จะนำมาใช้ทันทีในปี 68 และต่อเนื่องปี 69 คาดว่าจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อเดือน โดยราคาน้ำมันหน้าปั๊มอาจยังไม่กระทบผู้บริโภคในระยะสั้น เนื่องจากมีการใช้กลไกพยุงราคาควบคู่
2.รื้อโครงสร้างภาษีรถยนต์- EV เป็นปัจจัยการเก็บภาษีสรรพสามิตจากรถยนต์ในปัจจุบันลดลงมาก เนื่องจากยอดขายรถชะลอ และนโยบายลดภาษีรถ EV จึงมีแนวโน้มว่า ในอนาคตจะมีการ “ปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ทั้งระบบ” เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป และเพิ่มความยั่งยืนในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ศิริกัญญา กังวลว่า เนื่องจากยังไม่มีการลงละเอียดชัดเจนว่า เงินงบประมาณษจะมาจากเงินส่วนไหนและเม็ดเงินเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเมื่อมีปัญหาเช่นนี้ กระทรวงการคลังจะใช้วิธีการเอาเงินปันผลจากรัฐวิสาหกิจต่างๆ อย่าง ปตท. กองสลาก กองทุนวายุภักดิ์ ซึ่งอาจไม่จีรังยั่งยืน เนื่องจากผลประกอบการรัฐวิสาหกิจอาจจะไม่ดี มีเพียงแค่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (AOT) ที่ยังทำผลงานดี จึงไม่สามารถเป็นฐานรายได้หลักได้
*** ประเทศไทยกำลังเผชิญโจทย์ยากทั้งด้านเศรษฐกิจและการคลัง ในช่วงที่รายได้รัฐหด ขณะที่รายจ่ายยังคงสูง เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตซ้อนวิกฤต รัฐบาลอาจต้อง “ยอมเจ็บแต่จบ” ผ่านการปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ ควบคู่กับการปฏิรูประบบรายได้รัฐให้ยั่งยืน พร้อมกับลดการพึ่งพาเงินปันผลจากรัฐวิสาหกิจ
*** ว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจ ต่อเนื่องไปดูเรื่องการ “ปรับ ครม.” ที่ “รัฐบาลแพทองธาร” กำลังอยู่ระหว่างการหารือพรรคร่วมรัฐบาล โดยคาดว่าจะสามารถเจรจาตกลง และนำไปสู้การทูลเกล้าฯ รัฐมนตรีที่จะมีการปรับออก และแต่งตั้งใหม่ได้ภายในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม มีความเห็นของ “ภาคเอกชน” เกี่ยวกับการปรับ ครม. โดย แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เสนอว่า การปรับครม. ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องให้ความสำคัญกับการสร้างทีมงาน “Ranger Cabinet” ที่ต้องมีผู้นำที่มีความอดทน กล้าหาญ และ ตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด
โดยเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์ประเทศและประชาชน การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และกระทรวงต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว แม้การปรับ ครม. จะมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มเสถียรภาพทางการเมือง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จากปัจจัยเสี่ยงภายนอก โดยเฉพาะจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และ จีน ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและต้นทุนการผลิตในประเทศ
*** ปิดท้ายกันที่... บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “HANN” ผู้นำเครือโรงพยาบาลแห่งลุ่มน้ำโขง โดย ประภาศรี สุฉันทบุตร ซีอีโอสุดสตรอง นำทีมเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อรองรับผู้เข้ารับการรักษาที่จำนวนขยายตัวอย่างต่อเนื่องให้เต็มประสิทธิภาพ
ทั้งโรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล ในจังหวัดมุกดาหาร ที่มีทั้งคนในพื้นที่และผู้เข้ารับบริการจาก สปป.ลาว ด้านโรงพยาบาลรวมแพทย์ยโสธร จ.ยโสธร ยังคงมีจำนวนผู้เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนในพื้นที่และผู้เข้ารับบริการจากประเทศกัมพูชา โดยปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งบริษัทได้มีการติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด
โฆษณา